วันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 เวลา ตีสองครึ่ง
เพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยมแชร์คลิปวิดิโอจาก youtube ที่มีเด็กๆจากภาคเหนือมาเที่ยวทะเลใต้ และเด็กๆจากภาคใต้ขึ้นไปเที่ยวบนดอย
เราผู้ขึ้นจัดกิจกรรมบนดอยมาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอไปคอมเม้นที่โพสต์นั้นว่า เราอยากทำโปรเจคแบบนี้นะ รอเวลาดีๆ โอกาสเหมาะๆ รวบรวมเงินบริจาคได้มากพอที่จะพาเด็กลงมา แล้วเราจะจัดกิจกรรมพาเด็กดอยมาลอยทะเลกัน
เพื่อนเจ้าของโพสต์ ตอบเราทันทีว่า ทำเลย เราจ่ายเอง!
บทสนทนาของเราและเพื่อนในวันนั้นสั้นมาก เราคุยกันไม่กี่นาที และจบบทสนทนากันไปด้วยหัวใจพองโตทั้งคู่ เรามาทำโครงการพาเด็กเที่ยวกัน
เรามีโครงการจะไปสร้างอาคารเรียนให้กับเด็กน้อยบนดอยอยู่แล้ว การเดินทางในช่วงนั้นนอกจากจะต้องเตรียมตัวเรื่องการก่อสร้างแล้ว เราต้องไปคุยกับครูเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆว่ามีโอกาสเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่เราจะพาเด็กเดินทางแสนไกลมายังเมืองหลวง การติดต่อประสานงานเรื่องการพาเด็กมาทัศนศึกษาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการเดินทางขึ้นดอยอย่างสม่ำเสมอในการไปก่อสร้างอาคารอนุบาล ในช่วงนั้นเราเดินทางขึ้นดอยกันทุกเดือน ธันวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์ จวบจนวันที่เราสร้างอาคารเรียนให้เด็กน้อยเสร็จ ก็ถึงเวลาของกิจกรรมพาเด็กๆลงมาสู่ระดับน้ำทะเลกันบ้าง
เพื่อนบอกว่าพาเด็กลงมาเดือนมิถุนาจะได้มั้ย เพราะเค้าจะมีคอนเสิร์ตพอดี จะได้ให้น้องๆได้เข้าชมคอนเสิร์ตด้วย เราจึงประสานกับครู เพราะรู้ดีว่าเดือนมิถุนายนเป็นช่วงฤดูฝน เด็กน้อยจะเดินทางลงจากดอยกันลำบาก แต่จากการประสานงาน สุดท้ายครูก็บอกเราว่า ไปได้ครับ ช่วงไหนก็รถไปไม่ได้ ก็เดินกันลงมา เอาล่ะ ได้วันเวลาเรียบร้อย เราเริ่มโครงการกันเลย
ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนมิถุนายน นอกเหนือไปจากงานประจำเราแล้ว เราเขียนโครงการ โครงการของเราในครั้งนี้ชื่อว่า “ปันสุข” เราแบ่งปันแลกเปลี่ยนความสุขซึ่งกันและกัน การทำงานเริ่มต้นจาก ติดต่อประสานงานไปยังสถานที่ต่างๆที่เราจะพาเด็กเข้าทัศนศึกษา ติดต่อที่พัก ติดต่อเรื่องการทำประกัน ประสานเรื่องการเดินทาง ประสานครูเรื่องขออนุญาตผู้ปกครอง เมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างพร้อมเดินทางเราก็ออกเดินทางกันเลย
และแล้ววันเดินทางก็มาถึง แต่ทว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้เราไม่มั่นใจแล้วล่ะสิว่าเด็กๆจะลงจากดอยกันได้หรือเปล่า สภาพถนนหนทางจากหมู่บ้านเด็กน้อยจะลงมาถึงตัวเมืองอมก๋อยกันได้มั้ยนะ ทางเราได้แต่ภาวนาให้เด็กน้อยเดินทางปลอดภัยตลอดเส้นทางเท่านั้นเอง

ดูจากสภาพน้ำป่าที่ไหลหลากแล้ว เริ่มเป็นห่วงเด็กๆแล้วสิ

ดูจากรถครูที่จะลงมาส่งเด็กๆ ก็ใจคอไม่ค่อยดี

แต่ครูก็ยังบอกว่าไปได้ครับๆ

เปียกปอนเลยทีเดียว

เกลี่ยทางไปพลางๆเนอะ

เอ้ามาได้ก็มากัน!
เด็กๆบางหมู่บ้านเดินลงมาต่อรถ บางหมู่บ้านสามารถนั่งรถลงมาได้เลย ขึ้นอยู่กันว่าถนนหนทางแต่ละหมู่บ้านนั้นเป็นอย่างไร แน่นอน เด็กๆตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆที่กำลังจะได้พบเจอ ไม่ว่าจะเดินทางไกลลำบากเหนื่อยเพียงไหน ใจนี่ลงไปถึงทะเลเรียบร้อยแล้วเป็นแน่แท้
เริ่ม!

สู้ๆเด็กน้อย ทะเลรออยู่

หิ้วเสบียงกันมาด้วย

ขึ้นๆลงเขากี่ลูกหนอกว่าจะมาถึงอมก๋อย

ตรงไหนรถวิ่งได้เราก็ขึ้นรถกัน

ตรงไหนรถไปไม่ได้ เราก็ลากรถกัน

ฝนตกก็ต้องทน

ด้วยระยะทางที่แสนจะไกล การเดินทางจากหมู่บ้านมาถึงเชียงใหม่ ใช้เวลาไปทั้งสิ้นสองคืน เด็กๆแวะพักระหว่างทางที่สำนักสงฆ์

พักกันก่อนน้า

พักแล้วก็เดินทางต่อเนอะ

ฝนก็ตกจังเลยเน้อ

และในที่สุด เด็กน้อยก็เข้าเขตจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมขึ้นรถไฟมุ่งหน้าสถานีปลายทาง กรุงเทพมหานคร

รถไฟออกจากสถานีเชียงใหม่วันที่ 24 มิถุนายน 2559 เวลา 6.30 น. อาหารการกินพร้อมเดินทางแล้วครับ

ถ่ายรูปกันก่อน

แน่นอน นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กๆได้เดินทางไกล และเป็นการขึ้นรถไฟเป็นครั้งแรก ความตื่นตาตื่นใจตลอดเส้นทาง เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับพวกเค้า จากสถานีเชียงใหม่ถึงสถานีกรุงเทพ ใช้เวลายาวนาน แต่เด็กๆก็ตื่นเต้นไปกับสิ่งแวดล้อมและวิวต่างๆนอกหน้าต่างตลอดเวลา

ใครเหนื่อย ใครเพลีย คนนั้นก็หลับ

เก็บแรงๆ
บางคนก็ไม่ยอมนอน

และแล้ว รถไฟของเด็กน้อยก็ถึงสถานีกรุงเทพเวลาสามทุ่มครึ่ง

เราและเพื่อนๆไปรอรับเด็กๆที่สถานีกรุงเทพ เพื่อไปส่งยังที่พัก อีกอึดใจนะเด็กน้อย เราจะได้พักกันละ เดินทางทรหดมาราธอนกันมากเลย

เด็กน้อยทั้งสิ้น 61 คน ครู 12 คน รวม 73 ชีวิต เดินทางถึงกรุงเทพมหานครเรียบร้อยแล้วค่ะ สอบถามเด็กๆว่าเหนื่อยมั้ย เราคิดในใจก่อนถามนะ มันจะไม่เหนื่อยได้ไง สามวันนะกว่าจะมาถึงเนี่ย แต่เด็กๆตอบทันที ไม่เหนื่อยครับ! เสียงดังฟังชัด เอาล่ะ พักผ่อนอีกคืนนะเด็กๆ พรุ่งนี้เราไปตะลอนทัวร์กัน

ครูบอกว่า คืนที่นอนที่สำนักสงฆ์ เด็กๆตื่นเต้นกันมาก ตื่นอาบน้ำตั้งแต่ตี 1 ครูต้องบอกให้นอน โอ้ เด็กน้อยเอ๋ย กลัวตกรถไม่ได้ไปเที่ยวทะเลเหรอลูกกกกก
ที่พักที่กรุงเทพมหานครนั้นเด็กๆพักที่ที่พักคนเดินทาง กรมประชาสงเคราะห์ ดินแดงค่ะ ครูและเด็กๆจะได้นอนด้วยกัน มีครูมาช่วยดูแลเด็กๆ ในการเดินทางมาเที่ยวครั้งนี้ เป็นเด็กจากศศช.กลุ่มโอโลคี สังกัด ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เด็กทั้งหมดประกอบด้วยเด็กจาก 6 ศศช.คือ ศศช.บ้านห้วยยาว ศศช.บ้านทีทอทะ ศศช.บ้านคอทะ ศศช.บ้านโอโลคีบน ศศช.บ้านโอโลคีล่าง ศศช.บ้านแม่หลองใต้ แต่ตะ ศศช.จะมีครูมาคอยดูแล 2 คน อันที่จริงแล้วทั้ง ศศช.ก็มีครูแค่ 2 คนนี่แหละ 55555
มาถึงที่แบ่งแบ่งห้องนอนกันเรียบร้อย เรามาทานข้าวเติมพลังกันก่อนแล้วรีบเข้านอนนะ พรุ่งนี้พี่จะพาท่องเมืองหลวงแล้ว
สิ้นสุดการเดินทางในวันแรกของเด็กๆแล้ว พรุ่งนี้เราจะพาเด็กๆไปไหนกันน้า
พี่ใจดี เฉพาะกิจ "ตอนปันสุข" พาเด็กดอยมาเก็บหอยที่ทะเล
เพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยมแชร์คลิปวิดิโอจาก youtube ที่มีเด็กๆจากภาคเหนือมาเที่ยวทะเลใต้ และเด็กๆจากภาคใต้ขึ้นไปเที่ยวบนดอย
เราผู้ขึ้นจัดกิจกรรมบนดอยมาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอไปคอมเม้นที่โพสต์นั้นว่า เราอยากทำโปรเจคแบบนี้นะ รอเวลาดีๆ โอกาสเหมาะๆ รวบรวมเงินบริจาคได้มากพอที่จะพาเด็กลงมา แล้วเราจะจัดกิจกรรมพาเด็กดอยมาลอยทะเลกัน
เพื่อนเจ้าของโพสต์ ตอบเราทันทีว่า ทำเลย เราจ่ายเอง!
บทสนทนาของเราและเพื่อนในวันนั้นสั้นมาก เราคุยกันไม่กี่นาที และจบบทสนทนากันไปด้วยหัวใจพองโตทั้งคู่ เรามาทำโครงการพาเด็กเที่ยวกัน
เรามีโครงการจะไปสร้างอาคารเรียนให้กับเด็กน้อยบนดอยอยู่แล้ว การเดินทางในช่วงนั้นนอกจากจะต้องเตรียมตัวเรื่องการก่อสร้างแล้ว เราต้องไปคุยกับครูเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆว่ามีโอกาสเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่เราจะพาเด็กเดินทางแสนไกลมายังเมืองหลวง การติดต่อประสานงานเรื่องการพาเด็กมาทัศนศึกษาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการเดินทางขึ้นดอยอย่างสม่ำเสมอในการไปก่อสร้างอาคารอนุบาล ในช่วงนั้นเราเดินทางขึ้นดอยกันทุกเดือน ธันวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์ จวบจนวันที่เราสร้างอาคารเรียนให้เด็กน้อยเสร็จ ก็ถึงเวลาของกิจกรรมพาเด็กๆลงมาสู่ระดับน้ำทะเลกันบ้าง
เพื่อนบอกว่าพาเด็กลงมาเดือนมิถุนาจะได้มั้ย เพราะเค้าจะมีคอนเสิร์ตพอดี จะได้ให้น้องๆได้เข้าชมคอนเสิร์ตด้วย เราจึงประสานกับครู เพราะรู้ดีว่าเดือนมิถุนายนเป็นช่วงฤดูฝน เด็กน้อยจะเดินทางลงจากดอยกันลำบาก แต่จากการประสานงาน สุดท้ายครูก็บอกเราว่า ไปได้ครับ ช่วงไหนก็รถไปไม่ได้ ก็เดินกันลงมา เอาล่ะ ได้วันเวลาเรียบร้อย เราเริ่มโครงการกันเลย
ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนมิถุนายน นอกเหนือไปจากงานประจำเราแล้ว เราเขียนโครงการ โครงการของเราในครั้งนี้ชื่อว่า “ปันสุข” เราแบ่งปันแลกเปลี่ยนความสุขซึ่งกันและกัน การทำงานเริ่มต้นจาก ติดต่อประสานงานไปยังสถานที่ต่างๆที่เราจะพาเด็กเข้าทัศนศึกษา ติดต่อที่พัก ติดต่อเรื่องการทำประกัน ประสานเรื่องการเดินทาง ประสานครูเรื่องขออนุญาตผู้ปกครอง เมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างพร้อมเดินทางเราก็ออกเดินทางกันเลย
และแล้ววันเดินทางก็มาถึง แต่ทว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้เราไม่มั่นใจแล้วล่ะสิว่าเด็กๆจะลงจากดอยกันได้หรือเปล่า สภาพถนนหนทางจากหมู่บ้านเด็กน้อยจะลงมาถึงตัวเมืองอมก๋อยกันได้มั้ยนะ ทางเราได้แต่ภาวนาให้เด็กน้อยเดินทางปลอดภัยตลอดเส้นทางเท่านั้นเอง
ดูจากสภาพน้ำป่าที่ไหลหลากแล้ว เริ่มเป็นห่วงเด็กๆแล้วสิ
ดูจากรถครูที่จะลงมาส่งเด็กๆ ก็ใจคอไม่ค่อยดี
แต่ครูก็ยังบอกว่าไปได้ครับๆ
เปียกปอนเลยทีเดียว
เกลี่ยทางไปพลางๆเนอะ
เอ้ามาได้ก็มากัน!
เด็กๆบางหมู่บ้านเดินลงมาต่อรถ บางหมู่บ้านสามารถนั่งรถลงมาได้เลย ขึ้นอยู่กันว่าถนนหนทางแต่ละหมู่บ้านนั้นเป็นอย่างไร แน่นอน เด็กๆตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆที่กำลังจะได้พบเจอ ไม่ว่าจะเดินทางไกลลำบากเหนื่อยเพียงไหน ใจนี่ลงไปถึงทะเลเรียบร้อยแล้วเป็นแน่แท้
เริ่ม!
สู้ๆเด็กน้อย ทะเลรออยู่
หิ้วเสบียงกันมาด้วย
ขึ้นๆลงเขากี่ลูกหนอกว่าจะมาถึงอมก๋อย
ตรงไหนรถวิ่งได้เราก็ขึ้นรถกัน
ตรงไหนรถไปไม่ได้ เราก็ลากรถกัน
ฝนตกก็ต้องทน
ด้วยระยะทางที่แสนจะไกล การเดินทางจากหมู่บ้านมาถึงเชียงใหม่ ใช้เวลาไปทั้งสิ้นสองคืน เด็กๆแวะพักระหว่างทางที่สำนักสงฆ์
พักกันก่อนน้า
พักแล้วก็เดินทางต่อเนอะ
ฝนก็ตกจังเลยเน้อ
และในที่สุด เด็กน้อยก็เข้าเขตจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมขึ้นรถไฟมุ่งหน้าสถานีปลายทาง กรุงเทพมหานคร
รถไฟออกจากสถานีเชียงใหม่วันที่ 24 มิถุนายน 2559 เวลา 6.30 น. อาหารการกินพร้อมเดินทางแล้วครับ
ถ่ายรูปกันก่อน
แน่นอน นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กๆได้เดินทางไกล และเป็นการขึ้นรถไฟเป็นครั้งแรก ความตื่นตาตื่นใจตลอดเส้นทาง เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับพวกเค้า จากสถานีเชียงใหม่ถึงสถานีกรุงเทพ ใช้เวลายาวนาน แต่เด็กๆก็ตื่นเต้นไปกับสิ่งแวดล้อมและวิวต่างๆนอกหน้าต่างตลอดเวลา
ใครเหนื่อย ใครเพลีย คนนั้นก็หลับ
เก็บแรงๆ
บางคนก็ไม่ยอมนอน
และแล้ว รถไฟของเด็กน้อยก็ถึงสถานีกรุงเทพเวลาสามทุ่มครึ่ง
เราและเพื่อนๆไปรอรับเด็กๆที่สถานีกรุงเทพ เพื่อไปส่งยังที่พัก อีกอึดใจนะเด็กน้อย เราจะได้พักกันละ เดินทางทรหดมาราธอนกันมากเลย
เด็กน้อยทั้งสิ้น 61 คน ครู 12 คน รวม 73 ชีวิต เดินทางถึงกรุงเทพมหานครเรียบร้อยแล้วค่ะ สอบถามเด็กๆว่าเหนื่อยมั้ย เราคิดในใจก่อนถามนะ มันจะไม่เหนื่อยได้ไง สามวันนะกว่าจะมาถึงเนี่ย แต่เด็กๆตอบทันที ไม่เหนื่อยครับ! เสียงดังฟังชัด เอาล่ะ พักผ่อนอีกคืนนะเด็กๆ พรุ่งนี้เราไปตะลอนทัวร์กัน
ครูบอกว่า คืนที่นอนที่สำนักสงฆ์ เด็กๆตื่นเต้นกันมาก ตื่นอาบน้ำตั้งแต่ตี 1 ครูต้องบอกให้นอน โอ้ เด็กน้อยเอ๋ย กลัวตกรถไม่ได้ไปเที่ยวทะเลเหรอลูกกกกก
ที่พักที่กรุงเทพมหานครนั้นเด็กๆพักที่ที่พักคนเดินทาง กรมประชาสงเคราะห์ ดินแดงค่ะ ครูและเด็กๆจะได้นอนด้วยกัน มีครูมาช่วยดูแลเด็กๆ ในการเดินทางมาเที่ยวครั้งนี้ เป็นเด็กจากศศช.กลุ่มโอโลคี สังกัด ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เด็กทั้งหมดประกอบด้วยเด็กจาก 6 ศศช.คือ ศศช.บ้านห้วยยาว ศศช.บ้านทีทอทะ ศศช.บ้านคอทะ ศศช.บ้านโอโลคีบน ศศช.บ้านโอโลคีล่าง ศศช.บ้านแม่หลองใต้ แต่ตะ ศศช.จะมีครูมาคอยดูแล 2 คน อันที่จริงแล้วทั้ง ศศช.ก็มีครูแค่ 2 คนนี่แหละ 55555
มาถึงที่แบ่งแบ่งห้องนอนกันเรียบร้อย เรามาทานข้าวเติมพลังกันก่อนแล้วรีบเข้านอนนะ พรุ่งนี้พี่จะพาท่องเมืองหลวงแล้ว
สิ้นสุดการเดินทางในวันแรกของเด็กๆแล้ว พรุ่งนี้เราจะพาเด็กๆไปไหนกันน้า