▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เที่ยวภูเขา
เที่ยวยุโรป
ภาพถ่าย
[CR] ไปเที่ยวสวิส อย่าคิดมาก (3)
ตอนที่ 2: Luzern - Zug – Kussnacht – Interlaken – Bern อ่านได้ที่นี่ http://pantip.com/topic/35323829
ไปเที่ยวสวิส อย่าคิดมาก ตอนที่ 3: Schynige Platte – Lauterbrunnen - Murren - Wengen
วันนี้เป็นวันที่ห้าของการเดินทาง เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ เช้าวันนี้แดดดูจ้ากว่าทุกวันที่ผ่านมา ตั้งใจกันว่าจุดแรกที่จะไปก็คือขึ้นไปที่ Schynige Platte เพราะเมื่อวานตอนที่สอบถาม Tourist Information Center ที่อินเทอร์ลาเค่น เขาเชียร์ว่าที่นี่มีเส้นทาง Hiking หลายเส้นทางให้เดิน และแถบนั้นมี Alpine Flowers ให้ดูหลากหลาย แถมยังอยู่ไม่ไกลจากอินเทอร์ลาเค่นอีกด้วย ส่วนเรื่องขึ้นเขาจุงเฟรา (Jungfrau) นั้นตัดสินใจกันแล้วว่าเท่าที่ติดตามสภาพอากาศมา คงไม่กล้าเสี่ยงเสียค่าตั๋วคนละสี่พันกว่าบาท (ขนาดใช้ Swiss Pass ลดราคาแล้วนะ) แล้วไปเจอหมอกแบบยอดเขาริกิอีก หากจะขึ้นก็คงเลือกขึ้นยอดเขา Schilthorn เพราะว่าได้ยินมาว่าสวยกว่าจุงเฟราและค่าตั๋วก็ไม่โหดเหมือนจุงเฟรา
ระหว่างที่เดินไปป้ายรถเมล์บรรยากาศในเมืองอินเทอร์ลาเค่นยามเช้าดูสวยงามและเงียบสงบดี
ระหว่างนั่งรถบัสไปเมือง Wilderswil
จากสถานี Wilderswil นั่งรถไฟโบกี้สีแดงสดใสขึ้นไป Schynige Platte
นั่งโบกี้เดียวกันกับกรุ๊ปทัวร์ชาวญี่ปุ่น ตอนแรกเขาถ่ายรูปผ่านกระจกหน้าต่าง แต่พอเห็นเราเปิดหน้าต่างถ่ายรูป เพื่อนๆ เขาก็หัวเราะกันใหญ่ที่ทำไมเพื่อนเขาไม่เปิดหน้าต่างตั้งแต่แรก
ระหว่างที่รถไฟขึ้นเขาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ วิวก็เร้าใจไปเรื่อยๆ เช่นกัน เห็นทะเลสาบ Brienz ทะเลสาบ Thun และมีเมืองอินเทอร์ลาเค่นอยู่กลางระหว่างทะเลสาบทั้งสอง (แต่ที่ถ่ายมาได้เห็นแค่ทะเลสาบเดียว)
แต่พอใกล้จะถึงยอดโอ้แม่เจ้างานเข้าอีกแล้วหรือนี่ หมอกมาจากไหนก็ไม่รู้ปกคลุมสถานีขึ้นมาทันที . . อย่านะ ได้โปรด!
วิวภูเขาที่เห็นบนนั้นก็ประมาณนี้
แต่ผมเชื่อในปาฏิหาริย์ เพราะอดใจรอเพียงไม่นาน ภูเขายอดเดิมที่เห็นก็เปลี่ยนไปเป็น . . .
หลังจากฟ้าใส ทุกคนต่างก็ไม่รอรี รีบเดินทันที หามุมเก็บภาพให้ครอบคลุมวิวต่างๆ ให้มากที่สุดก่อนที่ฟ้า (ดิน) จะเปลี่ยนใจ
ฟ้าใส แดดเริ่มออก พวกเราต่างเริงร่าเหมือนกบได้ฝน (เปรียบเทียบแล้วฟังดูแปลกๆ นะ) เดินไปตามเส้นทาง Hiking ที่อยู่บนเขา ตอนนี้ฟ้าสีสดใส
แต่แล้วกฎแห่งความไม่เที่ยงก็เผยตัวให้เห็น เมฆหมอกค่อยๆ คืบคลานเข้ามา
แม้แต่คนที่ขึ้นมาเป่าฮอร์น (อันยาวมากๆ) ก็ตัองตัดใจเดินกลับไปที่สถานีรถไฟ
กลุ่มผมเดินมาจุดที่เขาทำกรอบรูปไว้ให้นั่งแอ๊คชั่นถ่ายกับเทือกเขา ก็เป็นอันชวดไปโดยปริยายเพราะมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอก เตรียมตัวเดินกลับสถานีเช่นกัน
เดินถึงสถานีนั่งรอรถไฟไม่นาน รถไฟก็มา มาพร้อมกับไล่หมอกไปด้วย
ถ่ายรูปสถานีที่เห็นชัดๆ ไว้เป็นที่ระลึก
นาฬิกาบอกว่าถึงเวลาออกจากสถานีแล้ว พวกผมรอพร้อมอยู่บนรถไฟแล้ว
ตอนขาลงจากเขาทิศทางของแดดที่เปลี่ยนไปทำให้ได้รูปที่มีบรรยากาศไม่เหมือนเดิม
ลงมาถึง Wilderswil นั่งรถไฟต่อไปเมืองเลาเทอร์บรุนเนน (Lauterbrunnen) ระหว่างทางเห็นน้ำตกต่างๆ สวยงามดี
แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือน้ำตกซเตาบ์บาค (Stabbach) น้ำตกประจำเมือง Lauterbrunnen ที่ไหลออกมาจากหน้าผาสูงกว่า 200 เมตร
จาก Lauterbrunnen นั่ง Cable Car ต่อไปยังเมือง Winteregg (เมืองไข่เหมันต์ . . ชื่อไทยผมตั้งเอง) จาก Winteregg นั่งรถไฟไปมูร์เริน (Murren)
จากสถานีรถไฟ Murren ต้องเดินไปอีกด้านหนึ่งของเมือง เพื่อไปขึ้น Cable Car ไป Schilthorn ระหว่างเดินก็พยายามมองหายอดจุงเฟรา แต่ก็ไม่รู้ยอดไหน ใช่ยอดนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้? แต่เมฆเยอะมากจริงๆ และแดดก็เริ่มน้อยลง
เดินชมวิวไปเรื่อยๆ จนมาถึงสถานีรถกระเช้า รถกระเช้าที่จะขึ้นไป Schilthorn นี้ถือเป็น Cable Car ที่ยาวที่สุดในสวิสเลยทีเดียว ขึ้นช่วงแรกต้องไปเปลี่ยนกระเช้าที่เมือง Brig แล้วจึงขึ้นช่วงต่อไป ในขณะที่กำลังจะซื้อตั๋วนั้นลูกชายก็เช็คสภาพอากาศแบบสดๆ (Real-Time) ไปด้วย ซึ่งก็พบว่าบนนั้นเต็มไปด้วยหมอกมองไม่เห็นอะไรเลย คงเป็นเพราะบรรดาเมฆก้อนใหญ่ๆ ที่เรามองเห็นจากข้างล่างปกคลุมยอดต่างๆ ไว้นั่นเอง นั่งเฝ้าดูจากที่ Murren อีกเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังมองไม่เห็นอนาคต ก็เลยต้องตัดใจลงจากเขา ออกจาก Murren กลับมาตั้งหลักกันใหม่ที่สถานี Lauterbrunnen พอดีมีรถไฟขบวนหนึ่งมาถึงคนเยอะดีก็เลยโดดขึ้นไป นั่งไปถึงเมืองเวิงเงิน (Wengen) เป็นเมืองที่คนจะขึ้นจุงเฟรามักจะนอนกันที่นี่ เป็นสถานีสุดท้ายที่สามารถใช้ Swiss Pass ได้ ถ้าจะไปต่อต้องซื้อตั๋วเพิ่ม เป็นเมืองปลอดรถยนต์ใช้น้ำมัน จะเห็นแต่รถไฟฟ้าของโรงแรมที่มารอรับสัมภาระของแขกที่มาพัก เป็นเมืองเล็กๆ ที่น่ารักดี พวกผมลงไปเดินเล่น (ถ่ายรูป) รอบๆ เมือง
อยู่ที่นั่นประมาณชั่วโมงกว่า แล้วก็นั่งรถไฟกลับไปสถานี Interlaken Ost ขึ้นบัสกลับโรงแรม แต่ดันขึ้นผิดฝั่ง รถบัสพาไปทะเลสาบ Brienz ก็เลยถือโอกาสเดินเล่นแถวนั้นก่อนนั่งบัสกลับที่พักในเมืองอินเทอร์ลาเค่น
สำหรับข้อสรุปสิ่งไม่ควรคิดมากข้อที่ 3 ก็คือ “อย่าคิดมากเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ อย่าไปอารมณ์เสียกับธรรมชาติ ต้องเข้าใจว่าธรรมชาติคือการเปลี่ยนแปลง เราต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงให้ได้" ใครทำได้ผู้นั้นเข้าถึงธรรม สาธุ (เริ่มปลงแล้ว กลับไปเตรียมบวชดีกว่ามั๊ย? 555)