***อ่านซ้ะ*** ยาว แต่มีประโยชน์
(สำหรับคนที่ถึงจุดเปลี่ยนในชีวิต ออกมาทำงานและส่งตัวเองเรียน ส่งเงินให้ครอบครัว มันไม่ได้แย่อย่างที่คิด)
อย่าไปน้อยใจกับชีวิต ที่แย่กว่าคนอื่น อย่างเช่น คนที่ตัดสินใจออกมาเรียนด้วยทำงานด้วย คุณต้องคิดว่าคุณเก่งแค่ไหนที่ทำอะไรได้ด้วยตัวเอง (ถึงมันจะเหนื่อยมากก็ตาม) ต้องคิดอยู่เสมอว่าคนที่แย่กว่าเรามีถมเถไป ไม่ใช่แค่เราที่ต้องเจอปัญหาแต่ยังมีคนอื่นอีกมากมายที่แย่กว่าคุณ
เมื่อถึงจุดเปลี่ยน.. แรกๆอะไรๆก็แย่ไปหมด มันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะคุณกำลังแย่ มันเคว้งไปหมด เงินก็ไม่มี งานก็ยังหาไม่ได้ ค่าเทอมก็ต้องจ่าย หนี้สินพลุงพลัง ที่บ้านรายจ่ายก็เยอะ บลาๆๆๆ
แต่เมื่อคุณเริ่มหาเงินได้ ไม่ว่าด้วยวิธีอะไร เช่น คุณได้งานทำ คุณเริ่มจะมีหลัก คุณก็จะเริ่มยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปแบมือขอเงินใคร ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ หรือผู้ปกครอง แถมเรายังต้องให้เงินเขาด้วยซ้ำ คุณได้ส่งตัวเองเรียน คุณมีงานทำ คุณสามารถซื้อของที่คุณอยากซื้อด้วยเงินที่คุณหามาได้ด้วยตัวเอง ตอนนั้นแหละ คุณจะภูมิใจมาก ยิ่งเงินก้อนแรกที่ได้ คุณยิ่งภูมิใจ แต่คุณก็ต้องใช้มันอย่างประหยัด และคิดเสมอด้วยไม่ว่าจะใช้จ่ายอะไร คุณต้องมีใช้จนถึงสิ้นเดือน ถ้าชักหน้าไม่ถึงหลังจริงๆ คุณจะต้องหาวิธีหมุนเงิน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการยืมคนสนิทหรือไปกู้มาก็ตาม เมื่อถึงสิ้นเดือน เงินเดือนคุณออกคุณก็ต้องเอาไปใช้เขาในทันที (แต่เป็นวิธีที่ไม่แนะนำ เพราะมันจะกินเงินเดือนเดือนต่อไปของคุณ ถ้าให้ดีควรใช้อย่างประหยัด และมีเงินเก็บออมไว้บ้าง)
เมื่อถึงจุดนั้นคุณลองมองย้อนกลับไป ไม่ว่าใครจะดูถูกคุณไว้ หรือด่าคุณไว้ คุณลองดู ว่าตอนนี้คุณดีกว่าเขาแค่ไหน คุณหาเงินใช้ได้ด้วยตัวเอง คุณมีงานทำ คุณส่งตัวเองเรียน คุณส่งเงินให้ครอบครัว ในขณะที่เขายังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลย และคนที่มีงานทำเมื่อมีเงินก็เอาเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือย แล้วคุณไปอิจฉาเขา คุณลองมองเขาดีๆ เวลาเงินที่เขาได้มา เขาเอาไปทำอะไร เขาได้ให้ครอบครัวไหม? เขาได้ส่งตัวเองเรียนหรือเปล่า? หรือเขาแค่หาเงินเพื่อมาใช้ซื้อสิ่งของที่สิ้นเปลืองไปวันๆ ได้มาหมดไป ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิต?? แล้วคุณจะไปอิจฉาเขาทำไม คุณทำตัวเองได้ดีกว่าเขาอีก คุณส่งตัวเองเรียน ส่งเงินให้ที่บ้าน พวกนั้นมันไม่ได้น่าอิจฉาเลย คนแบบคุณต่างหากที่น่าอิจฉา!!
คุณอย่าไปแคร์คำพูดของใคร คุณแคร์ตัวเองดีกว่า คนรอบข้างเรา ไม่ว่าจะครอบครัว คนรู้จัก สักวันนึงเขาก็ต้องจากคุณไปอยู่ดี ไม่ว่าเหตุผลอะไร แต่สิ่งที่จะอยู่กับตัวคุณไปตลอดชีวิต คือตัวคุณเอง และสิ่งที่คุณทำ คนเราจะเก็บทุกเรื่องมาคิดมากไม่ได้หรอก เครียดเส้นเลือดในสมองแตกตายกันพอดี
คุณคิดแค่ว่า วันข้างหน้า คุณจะทำยังไงให้คุณอยู่รอดและดีกว่าทุกวันนี้ก็พอ อดีตก็ปล่อยมันไป อนาคตต่างหากที่ต้องห่วง เพราะคุณจะต้องเจออะไรอีกเยอะ นี่เป็นเพียงแค่ "จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่และครั้งแรก" ของคุณเท่านั้น เลิกคิดเรื่องอะไรก็ตามที่จะทำให้คุณท้อ เพราะคุณจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ โลกมันยังหมุนอยู่ตลอด แล้วคุณจะหยุดเดินได้ยังไง มองไปที่อนาคต ตั้งเป้าให้กับมัน และทำมันให้สำเร็จก็พอ ภูมิใจในตัวเองให้มากๆ เพราะคนแบบคุณเนี่ย มันหาไม่ค่อยได้หรอก..
Cr.ชีวิตกูเอง
#เก็บไว้อ่านเวลาท้อนะ 😁
ปล. ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ กระทู้แรกค่ะ
***อ่านซ้ะ*** สำหรับคนที่ออกมาทำงานส่งตัวเองเรียน ส่งเงินให้ครอบครัว
(สำหรับคนที่ถึงจุดเปลี่ยนในชีวิต ออกมาทำงานและส่งตัวเองเรียน ส่งเงินให้ครอบครัว มันไม่ได้แย่อย่างที่คิด)
อย่าไปน้อยใจกับชีวิต ที่แย่กว่าคนอื่น อย่างเช่น คนที่ตัดสินใจออกมาเรียนด้วยทำงานด้วย คุณต้องคิดว่าคุณเก่งแค่ไหนที่ทำอะไรได้ด้วยตัวเอง (ถึงมันจะเหนื่อยมากก็ตาม) ต้องคิดอยู่เสมอว่าคนที่แย่กว่าเรามีถมเถไป ไม่ใช่แค่เราที่ต้องเจอปัญหาแต่ยังมีคนอื่นอีกมากมายที่แย่กว่าคุณ
เมื่อถึงจุดเปลี่ยน.. แรกๆอะไรๆก็แย่ไปหมด มันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะคุณกำลังแย่ มันเคว้งไปหมด เงินก็ไม่มี งานก็ยังหาไม่ได้ ค่าเทอมก็ต้องจ่าย หนี้สินพลุงพลัง ที่บ้านรายจ่ายก็เยอะ บลาๆๆๆ
แต่เมื่อคุณเริ่มหาเงินได้ ไม่ว่าด้วยวิธีอะไร เช่น คุณได้งานทำ คุณเริ่มจะมีหลัก คุณก็จะเริ่มยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปแบมือขอเงินใคร ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ หรือผู้ปกครอง แถมเรายังต้องให้เงินเขาด้วยซ้ำ คุณได้ส่งตัวเองเรียน คุณมีงานทำ คุณสามารถซื้อของที่คุณอยากซื้อด้วยเงินที่คุณหามาได้ด้วยตัวเอง ตอนนั้นแหละ คุณจะภูมิใจมาก ยิ่งเงินก้อนแรกที่ได้ คุณยิ่งภูมิใจ แต่คุณก็ต้องใช้มันอย่างประหยัด และคิดเสมอด้วยไม่ว่าจะใช้จ่ายอะไร คุณต้องมีใช้จนถึงสิ้นเดือน ถ้าชักหน้าไม่ถึงหลังจริงๆ คุณจะต้องหาวิธีหมุนเงิน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการยืมคนสนิทหรือไปกู้มาก็ตาม เมื่อถึงสิ้นเดือน เงินเดือนคุณออกคุณก็ต้องเอาไปใช้เขาในทันที (แต่เป็นวิธีที่ไม่แนะนำ เพราะมันจะกินเงินเดือนเดือนต่อไปของคุณ ถ้าให้ดีควรใช้อย่างประหยัด และมีเงินเก็บออมไว้บ้าง)
เมื่อถึงจุดนั้นคุณลองมองย้อนกลับไป ไม่ว่าใครจะดูถูกคุณไว้ หรือด่าคุณไว้ คุณลองดู ว่าตอนนี้คุณดีกว่าเขาแค่ไหน คุณหาเงินใช้ได้ด้วยตัวเอง คุณมีงานทำ คุณส่งตัวเองเรียน คุณส่งเงินให้ครอบครัว ในขณะที่เขายังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลย และคนที่มีงานทำเมื่อมีเงินก็เอาเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือย แล้วคุณไปอิจฉาเขา คุณลองมองเขาดีๆ เวลาเงินที่เขาได้มา เขาเอาไปทำอะไร เขาได้ให้ครอบครัวไหม? เขาได้ส่งตัวเองเรียนหรือเปล่า? หรือเขาแค่หาเงินเพื่อมาใช้ซื้อสิ่งของที่สิ้นเปลืองไปวันๆ ได้มาหมดไป ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิต?? แล้วคุณจะไปอิจฉาเขาทำไม คุณทำตัวเองได้ดีกว่าเขาอีก คุณส่งตัวเองเรียน ส่งเงินให้ที่บ้าน พวกนั้นมันไม่ได้น่าอิจฉาเลย คนแบบคุณต่างหากที่น่าอิจฉา!!
คุณอย่าไปแคร์คำพูดของใคร คุณแคร์ตัวเองดีกว่า คนรอบข้างเรา ไม่ว่าจะครอบครัว คนรู้จัก สักวันนึงเขาก็ต้องจากคุณไปอยู่ดี ไม่ว่าเหตุผลอะไร แต่สิ่งที่จะอยู่กับตัวคุณไปตลอดชีวิต คือตัวคุณเอง และสิ่งที่คุณทำ คนเราจะเก็บทุกเรื่องมาคิดมากไม่ได้หรอก เครียดเส้นเลือดในสมองแตกตายกันพอดี
คุณคิดแค่ว่า วันข้างหน้า คุณจะทำยังไงให้คุณอยู่รอดและดีกว่าทุกวันนี้ก็พอ อดีตก็ปล่อยมันไป อนาคตต่างหากที่ต้องห่วง เพราะคุณจะต้องเจออะไรอีกเยอะ นี่เป็นเพียงแค่ "จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่และครั้งแรก" ของคุณเท่านั้น เลิกคิดเรื่องอะไรก็ตามที่จะทำให้คุณท้อ เพราะคุณจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ โลกมันยังหมุนอยู่ตลอด แล้วคุณจะหยุดเดินได้ยังไง มองไปที่อนาคต ตั้งเป้าให้กับมัน และทำมันให้สำเร็จก็พอ ภูมิใจในตัวเองให้มากๆ เพราะคนแบบคุณเนี่ย มันหาไม่ค่อยได้หรอก..
Cr.ชีวิตกูเอง
#เก็บไว้อ่านเวลาท้อนะ 😁
ปล. ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ กระทู้แรกค่ะ