เห็นแล้วก็หัวเราะกรั่ก ๆ หัวเราะอ้ายคนอุบล หัวเราะเพราะคิดแล้วไม่มีผิด ว่าอ้ายต้องเข้ามาอธิบายซ้ำ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

กระทู้คำถาม
จากทู้   http://pantip.com/topic/35322749

ที่มีการ "ฉวยโอกาส"  หยิบเอาตีกิน   ชนิดคนละเรื่อง  คนละประเด็น  
ใช้วิธีหยิบบางถ้อยคำของคนอื่น  มาอ้างให้เข้ากับจริตตัวเอง

ซึ่งอ่านทู้แล้ว  ก็ได้แต่หัวเราะหึหึ

และคิดว่า   งานนี้  อ้ายคนอุบลคงไม่เฉยแน่ ๆ  เพราะโดนตีกินแบบนี้
แล้วก็จริง

พอเห็น คห.6  ของอ้ายคนอุบลเท่านั้น
หล่ออย่างผมก็หัวเราะกรั่ก ๆ  เลยครับ

ขอโทษนะครับอ้าย
ทนไม่ไหวจริง ๆ ที่จะหัวเราะ
อมยิ้ม17




สังคมคนนั้น  ไม่ว่าสังคมใด  ย่อมมีความหลากหลาย  แตกต่างกันทางความคิด  อุดมคติ
ไม่มีสังคมใดไม่โทษกันไปมา   ไม่มีสังคมใดที่ไม่มีความขัดแย้ง

เพียงแต่ในสังคมที่พัฒนาแล้ว (พัฒนาแล้วนี่  หมายถึงระบบและกฎเกณฑ์นะครับ  ไม่ใช่ตัวบุคคลที่ย่อมมีนอกลู่นอกทาง)
เขายอมรับซึ่งกันและกัน   คือยอมรับความเห็นต่าง   อยู่ร่วมกันบนความแตกต่างทางความคิดได้

เขาก็เริ่มต้นที่กฎก่อน   เคารพกฎ   กฎเป็นธรรม   ผู้ถือกฎมีความเป็นกลาง
จนพัฒนามาเป็นวัฒนธรรม   ว่าเมื่อเกิดความเห็นต่าง  กลายเป็นความขัดแย้ง
ก็ตัดสินกันด้วยกฎ   ถือระบบเป็นหลัก ไม่ยึดติดตัวบุคคล   
เมื่อผลออกมา   แม้ไม่พอใจ  ไม่ชอบใจ   ก็เคารพกฎ  ปฏิบัติตามกฎ

จากกฎหมาย  กลายเป็นวัฒนธรรม
ไม่มีแพ้  ไม่มีชนะ   มีแค่การเคารพผลตามกติกาที่นำมาใช้ในระบบ

แต่ประเทศไทยเรา    ไม่มีวัฒนธรรมอย่างนานาอารยะประเทศเขา
ประเทศไทยเรามีแต่วัฒนธรรมเชิงอำนาจ และวัฒนธรรมยึดติดตัวบุคคล   ที่ใครไม่ยอมรับไม่ได้   ไม่มีวัฒนธรรมระบบ

นั่นคือวัฒนธรรมที่ผู้มีอำนาจยัดเยียดให้เท่านั้น   ไม่มีวัฒนธรรมที่แท้จริงของสังคม  (นี่หมายถึงวัฒนธรรมทางการเมืองการปกครองนะครับ)




บ้านอื่นเมืองอื่น    เขาโทษกันไปมา   แล้วเขาก็ค้นหาข้อเท็จจริง
เมื่อได้ข้อเท็จจริง    การโทษกันไปมามันก็จบ   

แต่ประเทศไทยเรา    โทษกันไปโทษกันมาไม่รู้จบนั้น   เพราะไม่ยอมค้นหาข้อเท็จจริง
ข้อเท็จจริงที่ผู้มีอำนาจกลัว

ไม่ว่าข้อเท็จจริงในอดีต  หรือในปัจจุบัน
ไม่ใช่แค่ไม่ยอมให้ข้อเท็จจริงปรากฎ  แต่ยังมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงด้วย

ดูกรณี GT200  ก็ได้ครับ



การด่ากันไปมา  ถกเถียงกันไปมา
ถ้าเป็นสมัยก่อน  ก็คงเรียกว่า สภากาแฟ     ใช้ร้านกาแฟยามเช้าเป็นที่ถกเถียงสนทนากัน

เมื่อสังคมเปลี่ยน  กลายมาเป็นสังคมอินเตอร์เน็ต
ก็เหมือนเดิม  ไม่มีอะไรแตกต่างจากร้านกาแฟยามเช้า

การโทษกันไปมาของอ้ายคนอุบล  ก็คือการไม่ค้นหาข้อเท็จจริง  ไม่ยอมให้ข้อเท็จจริงปรากฎ
อาศัยอำนาจอันเหนือกว่า   ชี้โทษใส่คนอื่น ฝ่ายอื่น เพื่อปกป้องตัวเอง ปกป้องผลประโยชน์ของฝ่ายตัวเอง

ไม่ใช่ความหมายกระพี้แค่เรื่องสังคมเน็ตที่ด่ากันไปมารายวัน
หรือสังคมพื้น ๆ ที่ชาวบ้านนินทากัน โทษกัน ว่ากันไปมา




ทีหลังก็ปล่อย ๆ ไปเถอะครับอ้าย
หล่อบ่อยากนั่งหัวกรั่ก ๆ   มันปวดตับ
อมยิ้ม01
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่