[CR] Walk Alone in Switzerland by ชายเรียกฝน : Day 3 Mt.Titlis & Goodbye Luzern

กระทู้ก่อนหน้าถ้าใครยังไม่ได้อ่านครับ
http://pantip.com/topic/35299740 - Walk Alone in Switzerland by ชายเรียกฝน : Part เตรียมตัว และ Day 1 Good evening Luzern
http://pantip.com/topic/35301836 - Walk Alone in Switzerland by ชายเรียกฝน : Day 2 Bern & Montreux

หลังจากการเปลี่ยนแผนเดินทางเพื่อหลบฝนในวันที่ 2 ได้ผ่านพ้นไป วันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าพื้นที่ใน Luzern และบริเวณใกล้เคียงฟ้าค่อนข้างเปิด ผมรู้สึกใจชื้นและคิดว่าการเดินทางวันนี้น่าจะดีกว่าเมื่อวาน ภาพที่คิดคือท้องฟ้าสีครามตัดกับภูเขาหิมะขาวโพลน ทุ่งหญ้าสีเขียวกับแสงแดดอุ่นๆ แค่หลับตาคิดก็รู้สึกฟินอย่างบอกไม่ถูก ผมลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวและเก็บของลงกระเป๋า ทางโรงแรมแจ้งว่าถ้าต้องการฝากสัมภาระก็แค่ล็อกกระเป๋าให้เรียบร้อย วางไว้ในห้อง ล็อกประตู หย่อนกุญแจลงในกล่องหน้าลิฟต์ก็ถือว่า check out แล้ว และสามารถมารับกระเป๋าที่ฝากไว้ก่อน 6 โมงเย็น อะไรมันจะง่ายปานนั้น ผมระแวงนิดหน่อยก่อนจะทำตามขั้นตอนแล้วเดินออกจากโรงแรมไป (ง่ายดังว่าจริงๆครับ ตอนเย็นๆที่มารับกระเป๋าทุกอย่างเรียบร้อยดี)

ในวันที่ “เขา” บอกว่าอากาศจะดี เป็นโอกาสที่จะขึ้นไปสูดอากาศบนยอดเขา ซึ่งใกล้ๆ Luzern ก็มี Mt.Titlis และ Mt.Pitalus ให้เลือกขึ้นครับ สำหรับผมเองได้อิทธพลมาจากหนังสือชื่อ Swiss Surreal ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนแรกเลยตัดสินใจเลือกได้ไม่ยากครับว่าจะขึ้นเขาลูกไหน

รถไฟเคลื่อนออกจากสถานีรถไฟ Luzern ผมเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วตัดผ่านทิวทัศน์เขียวขจีของหน้าร้อนก่อนจะค่อยๆเข้าสู่ทิวเขาสูงชัน ประมาณ 45 นาทีก็มาถึงสถานี Engelberg ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ เงียบสงบ เมื่อออกมาจากสถานีรถไฟต้องไปขึ้นกระเช้าต่อครับ ซึ่งมี 2 ทางให้เลือก นั่นก็คือนั่งรถบัสซึ่งใช้เวลาประมาณไม่ถึง 5 นาที แต่ผมเลือกอีกวิธีครับนั่นคือการเดิน ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งข้อดีก็คือสามารถชมทุ่งดอกไม้ซึ่งกำลังบานได้อย่างใกล้ชิด ส่วนก็เสียก็ตามเนื้อผ้าครับ นั่นคือเหนื่อยขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ระหว่างทางจะมีป้ายบอกเป็นระยะไม่หลงทางง่ายๆครับ

ระหว่างที่เดินไปนั้นผมสังเกตเห็นเมฆกลุ่มใหญ่ค่อยๆลอยตัวเข้ามา และหมอกหนาๆที่ปกคลุมช่วงกลางๆเขานั้นเริ่มจะหนาตัวขึ้น ราวกับต้อนรับผมอย่างยินดี ผมเริ่มใจเสีย ความเชื่อที่ว่าผมเป็นชายเรียกฝนนั้น อาจจะเป็นความจริง TT แต่...ขึ้นไปถึงยอดแล้วอากาศน่าจะเปลี่ยนก็ได้น่า ผมคิดมโนไปแบบเด็กๆ

ที่สถานีกระเช้ามีคนมากมายมาต่อคิวซื้อตั๋ว ใช้ Swiss Pass ลดได้ 50% (จาก 86 เหลือ 43 CHF) หลังจากได้ตั๋วแล้วต้องเก็บไว้ดีๆครับ เพราะต้องใช้บาร์โค้ดที่อยู่หลังบัตรในการแสกนเข้าและออก เนื่องจากบางสถานีระหว่างทางนั้นสามารถเดินขึ้นและลงได้จากด้านล่าง จึงเป็นการป้องกันไว้ก่อนครับ เส้นทางเที่ยวในบริเวณ Mt.Titlis มีให้เลือกหลายทางครับ แบบบ้านๆก็คือนั่งกระเช้าขึ้นไปจนถึงยอด ชมความงาม กระโดดถ่ายรูป กินหิมะ และเช็คอิน facebook ก่อนจะกลับลงมาทางเดิม หรือนั่งกระเช้าขึ้นไปจนถึงยอด ขากลับลงมาครึ่งทางแล้วเดินลงก็ได้ หรือเด็ดไปว่านั้นบางจุดมีให้เช่าจักรยาน Trotti bike ขี่ลงมาก็น่าสนุกดีครับ รายละเอียดสามารถดูได้จาก http://www.titlis.ch/en ครับ สำหรับผมวางแผนใช้วิธีแรกครับ เพราะใจไม่ถึงพอสำหรับการเดินลง 5555

แผนที่ด้านบนมาจาก http://www.titlis.ch/en ครับ ซึ่งเส้นทางการขึ้นสู่ยอดเขาโดยกระเช้าจะมีทั้งหมด 4 สถานี คือสถานีต้นทางที่ Elgenberg, Trubsee, Stand และสถานีปลายทาง โดยจากสถานีต้นทางจนถึง Stand นั้นไม่ต้องเปลี่ยนกระเช้านะครับ ยกเว้นแต่เพื่อนๆอยากลงไปเดินสูดอากาศและเที่ยวสะเลสาบที่สถานี Trubsee ก็สามารถแวะลงได้ครับ เมื่อถึงสถานี Stand จะต้องเปลี่ยนกระเช้าเป็น Rotair cable car ซึ่งเป็นกระเช้าขนาดใหญ่ทรงกระบอกแบนที่สามารถค่อยๆหมุนตัวได้ 360 องศา ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมความงดงามได้ทุกทิศทางครับ

ระหว่างขึ้นกระเช้าผมโดยสารมากับคุณตายายชาวญี่ปุ่นที่เตรียมอุปกรณ์ปีนเขามาครบครัน ฟังจากน้ำเสียงแล้วทั้งสองท่านดูตื่นเต้นมาก ผมนึกถึงการเดินทางในปีที่แล้วซึ่งได้ไปเยือน Japan Alp จำได้ว่ามีคนญี่ปุ่นจำนวนมากแบบสกีหนีความร้อนในตัวเมืองขึ้นไปสัมผัสธรรมชาติด้านบน ผมเดาว่าคุณตายายคู่นี้น่าจะผ่านการปีน Japan Alp มาแล้วอย่างแน่นอน เลยอยากมาสัมผัสภูเขาหิมะในประเทศอื่นบ้าง ผมว่าหายากนะครับที่คนสองคนที่ชอบอะไรเหมือนๆกันจะได้มาพบและรักกัน ประคองความรักกันมาจนแก่เฒ่า ภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้ช่างอบอุ่นเหลือเกิน คุณตาจับมือคุณยายไว้ขณะที่กระเช้าลอยตัวสูงขึ้น ผมรู้สึกในตอนนั้นว่าตัวเองเลือกมานั่งผิดกระเช้าเสียแล้ว 5555

หลังจากเปลี่ยนกระเช้าที่สถานี Stand เพื่อมาขึ้น Rotair cable car ผมก็พบตัวเองอยู่ท่ามกลางประชาชนคนจีน แม้จะฟังไม่ออกและออกจะหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะถูกเหล่าอาอึ้มดันเบียดไปมา แต่ก็สัมผัสได้ว่าทุกคนตื่นเต้นมาก ยิ่งเมื่อกระเช้าโผล่พ้นก้อนเมฆที่บดบังยอดเขาอยู่นั้น ทุกคนก็เปล่งเสียงฮือฮาด้วยความดีใจที่ได้เห็นความสวยงามเบื้องบน อาอึ้มทั้งหลายพยายามรัวนิ้วกดชัตเตอร์สมาร์ทโฟนของตัวเอง และบังวิวที่ผมอยากจะถ่ายจนมิด ผมพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรหรอก วิวข้างบนมีให้ถ่ายตั้งเยอะ เรามาเช้าคนน่าจะเบาบางอยู่...


เหรอออออออออ...

ผมมโนไปเองอีกครั้ง  เพราะหลังจากที่ผมหลุดจากอาอึ้มอาตี๋ทั้งหลายนั้น ผมก็พบว่าทั้งยอดเขา Titlis เต็มไปด้วยคนจีน ทุกคนพูดภาษาจีน จนผมสับสนว่านี่ผมอยู่บนแผ่นดินจีน ไม่ใช่สวิสเซอร์แลนด์ ผมค่อยๆแหวกกลุ่มคนหาอิสระภาพบนยอดเขาให้ตนเอง และก็พบมุมสงบหนึ่งมุมที่สามารถมองเห็นทิวทิศน์ได้อย่างสวยงาม แสงแดดส่องประกายสะท้อนกับหิมะขาวโพลนจนทุกคนต้องหยีตาเดิน ผมรู้สึกดีใจที่ฟ้าข้างบนเปิดและคิดว่าจะได้เห็นภาพที่สวยงามตลอดช่วงเช้านี้

เหรอออออออออ....

มโนไปอีกครั้ง จู่ๆ ก็มีลมแรงพัดเข้ามาจากด้านหลังผม และในเวลาไม่ถึงสองนาที หมอกสีขาวขนาดมหึมาก็ลอยมาอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ปกคลุมผมและกลุ่มคนจีนบนยอดเขาให้รู้สึกงงงวยกันใหญ่ ผมอยู่ท่ามกลางหมอกหนาและทัศนีย์ภาพเบื้องหน้าได้ถูกกลืนกินเข้าไปจนหายวับ ถ้าใครเคยดูเรื่อง The Mist คงจะนึกภาพออกครับ ผมรู้สึกเซ็งอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ทำได้เพียง “ทำใจ” กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เอาวะ! อย่างน้อยฝนก็ไม่ตก!

ผมเดินฝ่าหมอกหนาไกลออกไปจากตัวสถานี ซึ่งเมื่อเดินไปเรื่อยๆก็จะพบกับ Titlis cliff walk ซึ่งเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในยุโรป ผมค่อยๆก้าวขึ้นไป เดิมเป็นคนกลัวความสูงระดับเล็กน้อย แต่เนื่องจากตอนนี้มีหมอกหนาคลุมจึงไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความสูงของจุดที่ผมยืนอยู่ แต่จะกระแสลมที่พัดมาและความหนาวที่ -3 C ทำให้ผมได้รู้ว่าถ้าตกลงไปคงได้โพสรีวิวนี้ชาติหน้าแน่นอน ผมเดินไต่สะพานไปจนสุดและเห็นหิมะกองใหญ่ปิดตีนสะพานอยู่จึงเดินกลับ


เดินไปมาจนคิดว่าน่าจะทั่วแล้วผมจึงหาที่นั่งหลบลมและกินมื้อกลางวันที่ซื้อจากสถานีรถไฟ แซนวิชดูจะจืดชืดกว่าเดิมในมื้อนี้ ผมว่านี่เป็นเรื่องจริงเรื่องแรกที่ไม่ได้มโนไปเอง

ตอนแรกผมคิดไว้สองทางคือ เดินไปมาเรื่อยๆจนกว่าหมอกจะจาง หรือจะลงไปเที่ยวในตัวเมือง Luzern เลยดี ซึ่งดูจากความหนาของหมอกแล้ว สงสัยจะได้รอจนถึงพรุ่งนี้เช้า ผมยอมแพ้และตัดสินใจลงจากเขาเพื่อไปเที่ยวในตัวเมือง Luzern ต่อในช่วงบ่าย ขณะลงก็ผจญกับหมอกหนาขนาดนี้ครับ

และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อผมหาบัตรขึ้นกระเช้าไม่เจอ

ไม่ว่าจะควานหาที่ไหนรูใดของกางเกงก็ไม่พบแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมที่มีบาร์โค้ดติดไว้ ซวยแล้วกู ไปทำตกตอนไหนนะ ตอนที่เหล่าอาอึ้มเบียดนั่นหรือเปล่า หรือตอนเดินบน Cliff walk โอ๊ย นึกไม่ออก ซวยแน่เลยกู ผมคิดในใจ ผมสามารถลงกระเช้ามาจนเรื่อยๆจนถึงสถานีต้นทางได้ แต่จะออกไม่ได้เพราะต้องใช้ตั๋วแสกนออก

ผมใช้เวลาหลายนาทีเพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่ฟัง และใช้เวลาหลายนาทีกว่าเขาจะเชื่อและปล่อยผมออกมา

ประสบการณ์ในวันนี้สุดยอดจีๆ

เด๋วมาต่อนะครับ
ชื่อสินค้า:   Switzerland
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่