ขอทราบความเห็นว่า ทำไมความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดหรือเรื่องชีวิตหลังความตายจึงมีจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งมีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าเป็นเรื่องจริง
ประเด็นที่น่าคิดก็คือ
1. สิ่งนี้ยังคงเป็นเพียง "ความเชื่อ"
2. น่าแปลกที่เป็นเพียงความเชื่อ แต่ทำไมยังคงสืบทอดจนถึงทุกวันนี้
3. หรือว่าจริงๆ แล้ว ความเชื่อเรื่องนี้มันคือ สัญชาตญาณอย่างหนึ่งของมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์มีแรงขับของการมีชีวิต โดยการเชื่อว่าชีวิต (จิต) ไม่มีวันตาย แต่จะแปรรูปเป็นวิญญาณหรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเมื่อมนุษย์มีความเชื่อเช่นนี้แล้วก็จะทำให้มีแรงขับในการมึชีวิตต่อไปและมึพฤติกรรมต่างๆ ที่คาดว่าจะส่งผลต่างๆ ในอนาคต (รวมถึงเมื่อหลังจากที่ตายไปแล้ว)
4. หากมนุษย์เชื่อว่า ตายแล้วทุกอย่างจบ ก็คงจะทำให้รู้สึกว่าชีวิตขาดแรงขับหรือแรงจูงใจในการดำรงชีวิตอยู่ โดยเฉพาะผู้ป่วยใกล้ตายหรือคนชรา สมองจะปรุงแต่งและตีความตามความเชื่อทางศาสนาที่ตนยึดถือ ผสานกับความเชื่อลึกๆ เกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย โดยตั้งคำถามว่าตายแล้วตนจะไปอยู่ไหน? จะเป็นอย่างไร? แม้ว่าบางคนจะปฏิเสธความเชื่อนี้ก็ตาม
5. ลึกๆ แล้ว มนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ทุกศาสนา เชื่อว่า "จิต" เป็นพลังงานที่ไม่มีวันดับ เพราะหากดับแล้ว "เรา" (ego) จะไปอยู่ที่ไหน? ซึ่งแน่นอนว่ามนุษย์ทุกคนมีความเป็นตัวตน (ego) และย่อมไม่ยอมสูญเสีย ego ไปอย่างแน่นอน จึงสร้างความเชื่อนี้ขึ้นมาเพื่อลดความเครียดหรือความรู้สึกคับข้องใจ
สรุป (ความเห็นของ จขกท)...
ความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายมันก็คือ "สัญชาตญาณ" ที่เกิดขึ้นมากับความมีตัวตนหรือที่เรียกว่า "ego" โดยมีศาสนาต่างๆ เป็นเครื่องมือจัดระบบความเชื่อและสืบทอดกันอย่างเป็นวัฒนธรรม เพื่อให้คนในสังคมนั้นๆ มีชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
หรือว่า ชีวิตหลังความตาย / การเวียนว่ายตายเกิด เป็นเพียง
ประเด็นที่น่าคิดก็คือ
1. สิ่งนี้ยังคงเป็นเพียง "ความเชื่อ"
2. น่าแปลกที่เป็นเพียงความเชื่อ แต่ทำไมยังคงสืบทอดจนถึงทุกวันนี้
3. หรือว่าจริงๆ แล้ว ความเชื่อเรื่องนี้มันคือ สัญชาตญาณอย่างหนึ่งของมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์มีแรงขับของการมีชีวิต โดยการเชื่อว่าชีวิต (จิต) ไม่มีวันตาย แต่จะแปรรูปเป็นวิญญาณหรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเมื่อมนุษย์มีความเชื่อเช่นนี้แล้วก็จะทำให้มีแรงขับในการมึชีวิตต่อไปและมึพฤติกรรมต่างๆ ที่คาดว่าจะส่งผลต่างๆ ในอนาคต (รวมถึงเมื่อหลังจากที่ตายไปแล้ว)
4. หากมนุษย์เชื่อว่า ตายแล้วทุกอย่างจบ ก็คงจะทำให้รู้สึกว่าชีวิตขาดแรงขับหรือแรงจูงใจในการดำรงชีวิตอยู่ โดยเฉพาะผู้ป่วยใกล้ตายหรือคนชรา สมองจะปรุงแต่งและตีความตามความเชื่อทางศาสนาที่ตนยึดถือ ผสานกับความเชื่อลึกๆ เกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย โดยตั้งคำถามว่าตายแล้วตนจะไปอยู่ไหน? จะเป็นอย่างไร? แม้ว่าบางคนจะปฏิเสธความเชื่อนี้ก็ตาม
5. ลึกๆ แล้ว มนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ทุกศาสนา เชื่อว่า "จิต" เป็นพลังงานที่ไม่มีวันดับ เพราะหากดับแล้ว "เรา" (ego) จะไปอยู่ที่ไหน? ซึ่งแน่นอนว่ามนุษย์ทุกคนมีความเป็นตัวตน (ego) และย่อมไม่ยอมสูญเสีย ego ไปอย่างแน่นอน จึงสร้างความเชื่อนี้ขึ้นมาเพื่อลดความเครียดหรือความรู้สึกคับข้องใจ
สรุป (ความเห็นของ จขกท)...
ความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายมันก็คือ "สัญชาตญาณ" ที่เกิดขึ้นมากับความมีตัวตนหรือที่เรียกว่า "ego" โดยมีศาสนาต่างๆ เป็นเครื่องมือจัดระบบความเชื่อและสืบทอดกันอย่างเป็นวัฒนธรรม เพื่อให้คนในสังคมนั้นๆ มีชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข