สวัสดีครับเพื่อนๆ ขอออกตัวไว้ก่อนเลยนะครับ เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรก ผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะครับ (และมีนิสัยที่แก้ไม่หายอย่างหนึ่งคือ ชอบเขียนผิด ซึ่งเพื่อนสนิทเขาจะทราบดีว่าถ้าไม่ผิดจะไม่ใช่ผมตัวจริงเขียน ยังไงช่วยมาตรวจสอบคำผิดให้ผมได้นะครับยินดี)
เริ่มต้นเขียนเพราะอะไร
เริ่มต้นมีคนถามเรื่องเที่ยวเยอะ และจากมีคนขอร้องให้เขียน เนื่องจากผมพาพ่อและแม่เที่ยวทุกปี ปีละครั้ง และอับรูปลงเฟสปกติ แต่เพื่อนผมที่สนิทก็ทราบว่าที่บ้านผมก็ไม่ได้มีครอบครัวที่มีฐานะอะไร และผมก็เป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ทำยังไงถึงพาพ่อกับแม่ไปได้ และมีเพื่อนหลายคนที่เห็นและอยากที่จะทำจะวางแผนไปตาม และได้ Inbox มาถามผมหลายคนมาก ตอนคำถามเดิมๆซ้ำๆทุกคน (จริงๆยินดีตอบทุกคนนนะครับแต่บางทีไม่ว่างบ้างไรบ้าง)เลยมีความคิดที่จะทำรีวิว ของตัวเอง เพราะเพื่อนๆผมหลายคนก็อยากจะพาพ่อและแม่ไปบ้าง แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนยังไง ครั้งนี้เลยตัดสินใจต้องทำแล้วล่ะ อย่างน้อย มันจะได้เป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อยครับ นี้คือจุดเริ่มต้น...
แต่จริงๆจุดเริ่มต้นในการวางแผนพาพ่อกับแม่เที่ยวของผมจริงๆนั้น มันเป็นความฝันของผมที่ตั้งใจไว้ ผมชอบท่องเที่ยว แต่ละที่ที่ผมมีโอกาสได้ไปมันสวยงามมาก และทุกครั้งที่ผมไปเจอสิ่งสวยงามแปลกๆใหม่ๆ ผมคิดถึงผู้มีพระคุณของผมเสมอที่ทำให้ผมมาถึงได้ทุกวันนี้ คือ พ่อและแม่ และทุกที่ที่ผมไปผมอยากให้คนที่ผมรักได้เห็นเหมือนผม ได้ไปแต่ละที่ที่ผมประทับใจ อยากให้เขาได้ประทับเหมือนที่ผมประทับใจ ผมมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้เห็นพวกเขายิ้มและทำหน้าตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ผมพาพวกท่านไปเห็น (มันเป็นภาพที่ หาคำไหนมาอธิบายถึงความรู้สึกไม่ได้จริงๆ)
เอาละ ซึ่งพอล่ะ เรามาเริ่มกันดีกว่า
ก่อนที่จะกล้าพาพ่อกับแม่มาญี่ปุ่น นั้น ผมได้พาไปประเทศที่ไปไกล้ๆบ้านเราก่อน เพราะผมกลัวร่างกายท่านรับไม่ไหว ถ้าจะนั่งเครื่องนานๆและไปประเทศที่อากาศไม่เหมือนบ้านเรา และเป็นการเดินทางออกจากประเทศครั้งแรก โดยไม่มีประสบการณ์เดินทางไปต่างประเทศมาก่อนนั้น ผมเป็นห่วง ไหนจะเรื่องการเตรียมตัวถ้าไม่มีประสบการณ์ การปรับตัวในแต่ละประเทศ จะได้ไม่มีปัญหา เดียวพวกท่านจะไม่สนุกกับการไปเที่ยว (จริงๆมีคนแถวบ้าน พาแม่ไปเมืองจีนโดยแม่ไม่เคยนั่งเครื่องนาน มาก่อน พอลงเครื่องแม่เขาหัวใจวายเสียชีวิตที่สนามบินเลย ผมเลยไม่กล้าเลยต้องวางแผนดีดี)
ครั้งแรกที่พาไปคือ สิงคโปร์ เพราะเป็นประเทศที่ไปง่าย อากาศเหมือนบ้านเรา เพื่อให้ท่านได้ปรับสภาพ
ครั้งที่สอง ก็พาไปฮ่องกงช่วงหน้าหนาว เพื่อไปเรียนรู้ว่าอากาศถ้าหนาวมันต้องประมาณนี้ เดินเที่ยวแบบนี้ เสื้อผ้าต้องประมาณไหน
ครั้งที่สาม พาไปเกาหลี ไปแบบทัวร์ อยากให้ท่านรู้ว่าการมาทัวร์แบบไม่ไปเองนั้นเป็นอย่างไร จะได้เปรียบเทียบกับสองที่แรกที่ไปเอง
ลืมแนะนำ
พ่อและแม่ผม
พ่ออายุ 60+ (นิสัยส่วนตัวเป็นคนขี้หนาวมาก อุณหภูมิจะแปลกไปจากชาวบ้านอยู่ -10 องศา เป็นคนไม่ค่อยสะเทินน้ำสะเทินบกเท่าไร เงียบๆ มีปัญหาเรื่องท้องอืดถ้ากินเนื้อ หรือหมู เยอะไปโดยไม่กินผัก)
แม่เป็นน้องพ่อ 1 ปี (นิสัยส่วนตัวเป็นคนร่าเริง บางทีก็เกินไป ตรงๆ ลุยๆ กล้าท้าตีท้าต่อย ล่าสุดไปเกาหลี จะไปตรบคนจีนเพราะคนจีนเข็นรถเข็นลัดคิวไปเหยียบสตรอว์เบอรี่ ของลูกทัวร์ที่ไปด้วยกัน ดูนางนะ เก่งมาก อาหารทานได้ทุกอย่างไม่มีปัญหา มีเบียร์มีเหล้านางยิ่งชอบ และไปไหนมาไหนจะต้องพก น้ำพริกปลาร้าปองไปด้วย )
ส่วนผม (นิสัยเหมือนพ่อ+แม่)
การเตรียมตัววางแผน
ขั้นแรก วางแผนเก็บเงิน เราแบ่งเงินเดือนที่ได้ออกเป็นส่วนๆ ส่วนที่เก็บพาแม่เที่ยวก็เป็นส่วน1 เพราะไม่ใช่ว่าเราทุ่มเงินไปกับการเที่ยวของแม่แล้วเป้าหมายอื่นที่วางไว้ในชีวิตจะต้องหมดไป เพราะเที่ยวมาเสร็จกลับมาไม่มีอะไรจะกินอันนี้ผิดไม่แนะนำ ช่วงแรกให้เก็บเงินทิ้งไว้ในบัญชีให้ได้พอประมาณก่อน ระหว่างนั้นเราก็มาเริ่มหาตั๋วหาที่พัก เพื่อคำนวนค่าใช้จ่ายในมันตรงกับความสามารถของเราที่เราจะทำได้ ในระหว่างที่เก็บเงินก็หาตั๋วไปเรื่อยๆ อาจจะเข้าไปเช็คตั๋วหรือโปรในเว็บตามสายการบินต่างๆ ช่วงประมาณทุกสิ้นไตรมาส ทุกไตรมาสมักจะมีโปรแรงๆออกมายั่วใจเราให้เรากดจอง และไหนจะเรื่องที่พักที่เราต้องจ่ายอีก จะได้คำนวนค่าใช้จ่ายได้
งบที่ผมตั้งไว้นะครับ (ตั้งไว้โดยประมาณการไว้นะครับ โดยอ้างอิงจากราคาตั๋วโดยเฉลี่ยๆ)
ค่าเครื่องไปกลับ คนละ 15,000บาท
ค่าที่พัก 7 คืน คืนละ 4,000 คนละ 7,000บาท
ค่าเดินทางระหว่างเมืองหรือที่เที่ยว คนละ 5,000 บาท
ค่ากินค่าช้อปให้ไปเต็มที่ 10,000 บาท
รวมแล้วอยู่ที่ 37,000 บาทต่อคน
ได้ค่าใช้จ่ายแล้วก็วางแผนเก็บเงินเลย.....
ขั้นตอนที่ 2 วางแผนการเดินทาง หลังจากที่เราวางแผนเก็บเงินกันแล้วระหว่างนั้นเราก็วางแผนการเดินทางว่าจะไปไหนบางจะได้คำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ว่าต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะในระหว่างนั้นจะต้องมีการเดินทางระหว่างเมืองหรือเดินทางบนรถไฟ หรือรถทัวร์ ยังไง และไปเที่ยวไหนค่าเข้าเท่าไร จะได้วางแผนว่าทำไงจะคุ้มหรือไม่คุ้มในซื้อ pass แบบเหม่าจ่ายกับการไม่ซื้อ เพราะบางทีคำนวนจริงๆแล้วกับการที่เราไป ซื้อแบบเหม่าอาจจะไม่คุ้มครับ
และในการวางแผนอุปกรณ์ที่ใช้ คือ
Google Map (เป็น GPS นำทางไม่หลงคำนวนเส้นทางต่างๆไปไหนยังไงเส้นไหน แถมบอกราคาด้วย อันไหนไกลไกล้ควรไปอันไหนก่อนหลัง อากูช่วยได้ ควรมีไว้ในการวางแผนและการเดินทางด้วย ไม่แน่ใจในโรงแรมว่าอยู่ไกล้ไกลจากสถาณนี ก็เอาอากูนี้ละลงไปเดินเลย ให้รู้เลยว่าโรงแรมอยู่ไหนจะได้ไม่พราด)
www.hyperdia.com (บอกเลยผมรอดตายในญี่ปุ่นได้เพราะ เว็บนี้ มันบอกตารางการเดินรถไฟทุกสายทั่วญี่ปุ่น กำหนดเวลาขึ้นได้ว่าจะไปเวลาไหนคำนวนเส้นทางให้ทั้งหมดบอกว่าราคาไปสายไหนที่ชานชราไหน ตรงมากเหมือนมันใช้เว็บนี้ควบคุมการทำการของรถไฟทั้งหมดทั้งระบบในญี่ปุ่น นำถือคนจัดตารางจริง ผมของคาราวะ)
วางแผนเสร็จเราก็จะได้ค่าใช้จ่ายแบบคราวๆทั้งหมด แนะนำคำนวนเผื่อๆไว้สัก 5% ด้วยนะครับ ไม่แน่ใจว่าน้อยไปหรือปล่าแล้วแต่คน แต่ผมใช้แค่ 5% คำนวนเผื่อไว้ทำไมกันพราด จะได้มีเงินสำรองไว้ เหลือก็เก็บกลับมาไว้ซื้อม่ามากินที่เมืองไทย 5555
ขั้นที่ 3 เตรียมตัวสิครับรอไร
การเตรียมตัวนี้คือเตรียมตัวสถาพร่างกาย เช่น ถ้าซื้อรองเท้าใหม่ ก็ต้องลองใส่แล้วเดินเลย เพราะรองเท้าใหม่ถ้าใส่ครั้งแรกมันจะมีอาการทะเลาะกันกับนิ้วเท้าเรา บางทีอาจจะกัดกันได้ บ้างเป็นบางครั้ง ก่อนเราจะออกศึกก็ต้องลองใส่มันก่อน อาจจะลองให้พ่อและแม่ใส่เดินเลย สัปดาห์ละวันสองวัน ออกกำลังกายไว้ เพื่อให้พร้อมกับการเดินทางและเดินเที่ยว เพราะถ้าไปเลยโดยร่ายกายไม่พร้อมอาจจะไปป่วย หรือเจ็บปวดกล้ามเนื้อตอนเที่ยวก็ไม่สนุกกัน (ผมก็จัดตารางการออกกำลังกายให้แม่และพ่อเลย แรกๆก็ไม่ทำนะ แต่พอรู้ถ้าไปแล้วไปร่างกายไม่พร้อม ก็เที่ยวไม่สนุก หลังๆก็ทำกัน เราก็ค่อยโทรตาม โทรถามว่าออกกำลังกายยัง เป็นวิธีการผมอยากให้แกออกกำลังกายด้วยล่ะ อิอิอิ ทำแล้วก็ดีกับร่างกายของแกด้วย ) ต่อก็เรื่องเสื้อผ้า จะไปที่ไหนใส่อะไรคิดไว้สะ หลายคนอาจจะคิดไม่ตกในการจัดเสื้อผ้าแล้วเคลียดมากในการจัด จนงุดหงิด เคล็ดลับ คือ จัดเป็นชุดๆว่าไปไหนจะใส่อะไรให้พอ ถ้าไปหน้าหนาวก็กางเกงบางทีก็ใส่ซ้ำได้ จัดให้พอดีไม่เกิน บางคนจัดเกิน เปื้องน้ำหนักกะเป๋าและพื้นที่สำหรับช้อป ตอนจัดคิดเลยว่าไม่พอซื้อใหม่ที่นู้ดดีกว่า ผมคิดแบบนี้ก็จบเลย เสื้อผ้าไม่เคยเกินแถมจัดพอดียังเหลือเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่กลับเมืองไทยอีกทุกรอบเลย และสุดท้ายซ้อมจัดกระเป๋าไปเลย ว่ากระเป๋าที่เอาไปพอไหม ไม่พอจะได้เปลี่ยนกระเป๋าทัน
แลกเงินนะสำคัญมากๆ ดูเลทดีดี ตอนที่ผมไปอยู่ในช่วงที่ค่าเงินเวียงสุดๆ ต้องจับจังหวะดีดี
"ถุงซิบล็อก อย่าลืมเอาไปด้วย เอาไปแยกเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ถุงเท้าที่จะเหม็น กลิ่นจะได้ไม่ไปกวน เสื้อผ้าตัวอื่นๆในกระเป๋าของเรา แถมเวลาใส่ไรลมออกดีดี ประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าเราได้อีก"
ร่างกายพร้อมเสื้อผ้าพร้อม ทุกอย่างพร้อมก็รอวันเดินทางได้เลย
-------------------------------------------------------------------------------------
และแล้ววันที่เราเดินทางก็มาถึง ดีใจที่สุดตื่นเต้นที่สุด ตื่นเช้า สายก็ได้ไปรับพ่อแม่ที่สนามบิน เพราะท่านอยู่ต่างจังหวัด รับมาพัก 1 คืนและให้พ่อแม่เอาการบ้านการจัดกระเป๋ามาส่ง อันไหนไม่สำคัญจะได้เอาออกและดูอันไหนยังไม่มีขาดจะได้หาเติมให้ ทานข้าวอำลาอาหารไทย สะ แล้วรีบไล่เด็กๆให้รีบนอน จะได้ตื่นไปขึ้นเครื่องพรุ้งนี้เช้า
ผมเดินทางโดยสายการบิน Hongkong airline ตั๋วโปรโมชั่น ไปกลับ คนละ 10,400 บาท full service ได้น้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลคนละ เนื่องจากเป็นตั๋วโปรต้องต่อเครื่องที่ฮ่องกง ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 8 ชั่วโมง ถ้าบินตรงจะประมาณ 5-6 ชั่วโมง มีเวลาเดินเล่นสนามบินชิวๆ จริงๆก็ดีเหมือนกันนะ ออกมาเดินเล่นบ้าง แม่บอกไม่เหนื่อยมากเท่าบินไปเกาหลี เท้าไม่บวมเลย แต่หนักที่สุดขากลับ ตั๋วโปรทำพิษ โดนเลื่อนขากลับ จากมาถึงเมืองไทย 5 โมงเย็น กลับเป็นมาถึงเมืองไทย ตี 2 ต้องอยู่ฮ่องกง 8 ชั่วโมง เลยต้องวางแผนเที่ยวฮ่องกงอีก 1 วัน ก็คิดบวกๆว่าเราโชคดีละกันเนอะ
เดินทาง 9.50 ต้องไปถึงสนามบิน 7.50 (พ่อแม่ตื่นตั้งแต่ตี4แต่งตัวเรียบร้อยแม่ทาปากแดงมาปลุกตอนตี5 สงสัยตื่นเต้นอยากไปมาก หรือนอนเร็วเลยตื่นเร็วตามประสาคนมีอายุ เลยไปถึงสนามบิน 6.30 เช็คอินเป็นคนแรกเลยจ้า....)

อาหารที่แจกแต่ลืมเปิดแล้วถ่าย แต่อร่อยนะ มีวายมีกาแฟสั่งได้ตลอดเลย สั่งวายกินจนหน้าแดงเลยแม่ผม
14.40 ก็ถึงสนามบิน ฮ่องกง

ลงเครื่องแล้วก็เดินเล่นถ่ายรูปเล่นกันไปชิวๆรอขึ้นเครื่องตอน 16.20 ชิวกันมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
และในที่สุด 20.45 ก็ถึงสนามบินนาริตะ ผมก็แบ่งหน้าที่กันเพื่อที่จะทำให้รวดเร็วในการไปให้ทันเวลารถไฟ เพื่อเข้าเมือง เราทำงานเป็นทีมกันมากๆเพราะพ่อและแม่เขารู้ว่าลงเครื่องต้องเจออะไรทำไรก่อนหลัง เราเลยออกสนามบินได้เกือบคนแรกๆ และลงไปซื้อตัวรถไฟเพื่อเข้าเมืองผมเลือกการเดินทางรถไฟด่วน รถไฟ Keisei Skyliner คนละ2,200 เยน 40 นาทีถึง Ueno เพราะที่พักเราอยู่ แถวๆนั้น
ที่พักผมเลือก โรงแรมโฮริโดเมะ วิลล่า ผมจองผ่านอโกด้า ตอนผมจองมันคืนละ 1,200 บาทต่อห้องอ่านรีวิว ดูว่าอยู่โซนไหนไกล้รถไฟไหม ไม่รอช้าเลยครับ เพราะถูกมาก จัดเลยสามคืนสองห้อง ตั้งงบไว้ห้องพักคืนล่ะ 4,000 ประหยัดไปได้ ตั้งเยอะ พอเช็คอินก็เจอกับห้องพักที่สมตามราคามากๆ ห้องเล็ก แต่ก็เตรียมใจไว้แล้ว ว่าต้องเจอแบบนี้ก็ไม่มีปัญหา ขอแค่สะอาดและสะดวกสบายก็พอ โรงแรมนี้ตอบโจทย์ผมมากครับ
คำว่าตอบโจทย์ของผม คือ
1.เดินทางสะดวก ใกล้สถานีรถไฟ เพราะมันคือภาหนะของเรา
2.เช็คเอาร์แล้วฝากกระเป๋าได้ เวลาอยากจะไปเที่ยวก่อนค่อยมาเอากระเป๋า
3.ห้องน้ำในตัว
4.สะอาด ไม่อึดอัด
5.มีของกินติดโรงแรม เผื่อหิว
และเราจองไว้สองห้องเพราะลดเวลาในการเข้าห้องน้ำกันด้วย พ่อแม่ กับเราจะได้เป็นส่วนตัวกัน ห้องพักวิวสวย เห็นโตเกียวเทาเวอร์ทรีด้วย มีร้านอาหารเปิด 24 ชั่วโมงข้างโรงแรม1ร้านและมี family mart ข้างโรงแรมสะดวกมากๆครับผม

และเราก็จัดม่ามา กันมื้อแรกแล้วรีบนอนกันเพราะพรุ้งนี้เราจะลุยที่เที่ยวเราต่อ
[CR] พาพ่อแม่เที่ยวต่างประเทศ Pass ที่ 4.1 ญี่ปุ่น(โตเกียว - ฟูจิ)
เริ่มต้นเขียนเพราะอะไร
เริ่มต้นมีคนถามเรื่องเที่ยวเยอะ และจากมีคนขอร้องให้เขียน เนื่องจากผมพาพ่อและแม่เที่ยวทุกปี ปีละครั้ง และอับรูปลงเฟสปกติ แต่เพื่อนผมที่สนิทก็ทราบว่าที่บ้านผมก็ไม่ได้มีครอบครัวที่มีฐานะอะไร และผมก็เป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ทำยังไงถึงพาพ่อกับแม่ไปได้ และมีเพื่อนหลายคนที่เห็นและอยากที่จะทำจะวางแผนไปตาม และได้ Inbox มาถามผมหลายคนมาก ตอนคำถามเดิมๆซ้ำๆทุกคน (จริงๆยินดีตอบทุกคนนนะครับแต่บางทีไม่ว่างบ้างไรบ้าง)เลยมีความคิดที่จะทำรีวิว ของตัวเอง เพราะเพื่อนๆผมหลายคนก็อยากจะพาพ่อและแม่ไปบ้าง แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนยังไง ครั้งนี้เลยตัดสินใจต้องทำแล้วล่ะ อย่างน้อย มันจะได้เป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อยครับ นี้คือจุดเริ่มต้น...
แต่จริงๆจุดเริ่มต้นในการวางแผนพาพ่อกับแม่เที่ยวของผมจริงๆนั้น มันเป็นความฝันของผมที่ตั้งใจไว้ ผมชอบท่องเที่ยว แต่ละที่ที่ผมมีโอกาสได้ไปมันสวยงามมาก และทุกครั้งที่ผมไปเจอสิ่งสวยงามแปลกๆใหม่ๆ ผมคิดถึงผู้มีพระคุณของผมเสมอที่ทำให้ผมมาถึงได้ทุกวันนี้ คือ พ่อและแม่ และทุกที่ที่ผมไปผมอยากให้คนที่ผมรักได้เห็นเหมือนผม ได้ไปแต่ละที่ที่ผมประทับใจ อยากให้เขาได้ประทับเหมือนที่ผมประทับใจ ผมมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้เห็นพวกเขายิ้มและทำหน้าตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ผมพาพวกท่านไปเห็น (มันเป็นภาพที่ หาคำไหนมาอธิบายถึงความรู้สึกไม่ได้จริงๆ)
เอาละ ซึ่งพอล่ะ เรามาเริ่มกันดีกว่า
ก่อนที่จะกล้าพาพ่อกับแม่มาญี่ปุ่น นั้น ผมได้พาไปประเทศที่ไปไกล้ๆบ้านเราก่อน เพราะผมกลัวร่างกายท่านรับไม่ไหว ถ้าจะนั่งเครื่องนานๆและไปประเทศที่อากาศไม่เหมือนบ้านเรา และเป็นการเดินทางออกจากประเทศครั้งแรก โดยไม่มีประสบการณ์เดินทางไปต่างประเทศมาก่อนนั้น ผมเป็นห่วง ไหนจะเรื่องการเตรียมตัวถ้าไม่มีประสบการณ์ การปรับตัวในแต่ละประเทศ จะได้ไม่มีปัญหา เดียวพวกท่านจะไม่สนุกกับการไปเที่ยว (จริงๆมีคนแถวบ้าน พาแม่ไปเมืองจีนโดยแม่ไม่เคยนั่งเครื่องนาน มาก่อน พอลงเครื่องแม่เขาหัวใจวายเสียชีวิตที่สนามบินเลย ผมเลยไม่กล้าเลยต้องวางแผนดีดี)
ครั้งแรกที่พาไปคือ สิงคโปร์ เพราะเป็นประเทศที่ไปง่าย อากาศเหมือนบ้านเรา เพื่อให้ท่านได้ปรับสภาพ
ครั้งที่สอง ก็พาไปฮ่องกงช่วงหน้าหนาว เพื่อไปเรียนรู้ว่าอากาศถ้าหนาวมันต้องประมาณนี้ เดินเที่ยวแบบนี้ เสื้อผ้าต้องประมาณไหน
ครั้งที่สาม พาไปเกาหลี ไปแบบทัวร์ อยากให้ท่านรู้ว่าการมาทัวร์แบบไม่ไปเองนั้นเป็นอย่างไร จะได้เปรียบเทียบกับสองที่แรกที่ไปเอง
ลืมแนะนำ
พ่อและแม่ผม
พ่ออายุ 60+ (นิสัยส่วนตัวเป็นคนขี้หนาวมาก อุณหภูมิจะแปลกไปจากชาวบ้านอยู่ -10 องศา เป็นคนไม่ค่อยสะเทินน้ำสะเทินบกเท่าไร เงียบๆ มีปัญหาเรื่องท้องอืดถ้ากินเนื้อ หรือหมู เยอะไปโดยไม่กินผัก)
แม่เป็นน้องพ่อ 1 ปี (นิสัยส่วนตัวเป็นคนร่าเริง บางทีก็เกินไป ตรงๆ ลุยๆ กล้าท้าตีท้าต่อย ล่าสุดไปเกาหลี จะไปตรบคนจีนเพราะคนจีนเข็นรถเข็นลัดคิวไปเหยียบสตรอว์เบอรี่ ของลูกทัวร์ที่ไปด้วยกัน ดูนางนะ เก่งมาก อาหารทานได้ทุกอย่างไม่มีปัญหา มีเบียร์มีเหล้านางยิ่งชอบ และไปไหนมาไหนจะต้องพก น้ำพริกปลาร้าปองไปด้วย )
ส่วนผม (นิสัยเหมือนพ่อ+แม่)
การเตรียมตัววางแผน
ขั้นแรก วางแผนเก็บเงิน เราแบ่งเงินเดือนที่ได้ออกเป็นส่วนๆ ส่วนที่เก็บพาแม่เที่ยวก็เป็นส่วน1 เพราะไม่ใช่ว่าเราทุ่มเงินไปกับการเที่ยวของแม่แล้วเป้าหมายอื่นที่วางไว้ในชีวิตจะต้องหมดไป เพราะเที่ยวมาเสร็จกลับมาไม่มีอะไรจะกินอันนี้ผิดไม่แนะนำ ช่วงแรกให้เก็บเงินทิ้งไว้ในบัญชีให้ได้พอประมาณก่อน ระหว่างนั้นเราก็มาเริ่มหาตั๋วหาที่พัก เพื่อคำนวนค่าใช้จ่ายในมันตรงกับความสามารถของเราที่เราจะทำได้ ในระหว่างที่เก็บเงินก็หาตั๋วไปเรื่อยๆ อาจจะเข้าไปเช็คตั๋วหรือโปรในเว็บตามสายการบินต่างๆ ช่วงประมาณทุกสิ้นไตรมาส ทุกไตรมาสมักจะมีโปรแรงๆออกมายั่วใจเราให้เรากดจอง และไหนจะเรื่องที่พักที่เราต้องจ่ายอีก จะได้คำนวนค่าใช้จ่ายได้
งบที่ผมตั้งไว้นะครับ (ตั้งไว้โดยประมาณการไว้นะครับ โดยอ้างอิงจากราคาตั๋วโดยเฉลี่ยๆ)
ค่าเครื่องไปกลับ คนละ 15,000บาท
ค่าที่พัก 7 คืน คืนละ 4,000 คนละ 7,000บาท
ค่าเดินทางระหว่างเมืองหรือที่เที่ยว คนละ 5,000 บาท
ค่ากินค่าช้อปให้ไปเต็มที่ 10,000 บาท
รวมแล้วอยู่ที่ 37,000 บาทต่อคน
ได้ค่าใช้จ่ายแล้วก็วางแผนเก็บเงินเลย.....
ขั้นตอนที่ 2 วางแผนการเดินทาง หลังจากที่เราวางแผนเก็บเงินกันแล้วระหว่างนั้นเราก็วางแผนการเดินทางว่าจะไปไหนบางจะได้คำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ว่าต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะในระหว่างนั้นจะต้องมีการเดินทางระหว่างเมืองหรือเดินทางบนรถไฟ หรือรถทัวร์ ยังไง และไปเที่ยวไหนค่าเข้าเท่าไร จะได้วางแผนว่าทำไงจะคุ้มหรือไม่คุ้มในซื้อ pass แบบเหม่าจ่ายกับการไม่ซื้อ เพราะบางทีคำนวนจริงๆแล้วกับการที่เราไป ซื้อแบบเหม่าอาจจะไม่คุ้มครับ
และในการวางแผนอุปกรณ์ที่ใช้ คือ
Google Map (เป็น GPS นำทางไม่หลงคำนวนเส้นทางต่างๆไปไหนยังไงเส้นไหน แถมบอกราคาด้วย อันไหนไกลไกล้ควรไปอันไหนก่อนหลัง อากูช่วยได้ ควรมีไว้ในการวางแผนและการเดินทางด้วย ไม่แน่ใจในโรงแรมว่าอยู่ไกล้ไกลจากสถาณนี ก็เอาอากูนี้ละลงไปเดินเลย ให้รู้เลยว่าโรงแรมอยู่ไหนจะได้ไม่พราด)
www.hyperdia.com (บอกเลยผมรอดตายในญี่ปุ่นได้เพราะ เว็บนี้ มันบอกตารางการเดินรถไฟทุกสายทั่วญี่ปุ่น กำหนดเวลาขึ้นได้ว่าจะไปเวลาไหนคำนวนเส้นทางให้ทั้งหมดบอกว่าราคาไปสายไหนที่ชานชราไหน ตรงมากเหมือนมันใช้เว็บนี้ควบคุมการทำการของรถไฟทั้งหมดทั้งระบบในญี่ปุ่น นำถือคนจัดตารางจริง ผมของคาราวะ)
วางแผนเสร็จเราก็จะได้ค่าใช้จ่ายแบบคราวๆทั้งหมด แนะนำคำนวนเผื่อๆไว้สัก 5% ด้วยนะครับ ไม่แน่ใจว่าน้อยไปหรือปล่าแล้วแต่คน แต่ผมใช้แค่ 5% คำนวนเผื่อไว้ทำไมกันพราด จะได้มีเงินสำรองไว้ เหลือก็เก็บกลับมาไว้ซื้อม่ามากินที่เมืองไทย 5555
ขั้นที่ 3 เตรียมตัวสิครับรอไร
การเตรียมตัวนี้คือเตรียมตัวสถาพร่างกาย เช่น ถ้าซื้อรองเท้าใหม่ ก็ต้องลองใส่แล้วเดินเลย เพราะรองเท้าใหม่ถ้าใส่ครั้งแรกมันจะมีอาการทะเลาะกันกับนิ้วเท้าเรา บางทีอาจจะกัดกันได้ บ้างเป็นบางครั้ง ก่อนเราจะออกศึกก็ต้องลองใส่มันก่อน อาจจะลองให้พ่อและแม่ใส่เดินเลย สัปดาห์ละวันสองวัน ออกกำลังกายไว้ เพื่อให้พร้อมกับการเดินทางและเดินเที่ยว เพราะถ้าไปเลยโดยร่ายกายไม่พร้อมอาจจะไปป่วย หรือเจ็บปวดกล้ามเนื้อตอนเที่ยวก็ไม่สนุกกัน (ผมก็จัดตารางการออกกำลังกายให้แม่และพ่อเลย แรกๆก็ไม่ทำนะ แต่พอรู้ถ้าไปแล้วไปร่างกายไม่พร้อม ก็เที่ยวไม่สนุก หลังๆก็ทำกัน เราก็ค่อยโทรตาม โทรถามว่าออกกำลังกายยัง เป็นวิธีการผมอยากให้แกออกกำลังกายด้วยล่ะ อิอิอิ ทำแล้วก็ดีกับร่างกายของแกด้วย ) ต่อก็เรื่องเสื้อผ้า จะไปที่ไหนใส่อะไรคิดไว้สะ หลายคนอาจจะคิดไม่ตกในการจัดเสื้อผ้าแล้วเคลียดมากในการจัด จนงุดหงิด เคล็ดลับ คือ จัดเป็นชุดๆว่าไปไหนจะใส่อะไรให้พอ ถ้าไปหน้าหนาวก็กางเกงบางทีก็ใส่ซ้ำได้ จัดให้พอดีไม่เกิน บางคนจัดเกิน เปื้องน้ำหนักกะเป๋าและพื้นที่สำหรับช้อป ตอนจัดคิดเลยว่าไม่พอซื้อใหม่ที่นู้ดดีกว่า ผมคิดแบบนี้ก็จบเลย เสื้อผ้าไม่เคยเกินแถมจัดพอดียังเหลือเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่กลับเมืองไทยอีกทุกรอบเลย และสุดท้ายซ้อมจัดกระเป๋าไปเลย ว่ากระเป๋าที่เอาไปพอไหม ไม่พอจะได้เปลี่ยนกระเป๋าทัน
แลกเงินนะสำคัญมากๆ ดูเลทดีดี ตอนที่ผมไปอยู่ในช่วงที่ค่าเงินเวียงสุดๆ ต้องจับจังหวะดีดี
"ถุงซิบล็อก อย่าลืมเอาไปด้วย เอาไปแยกเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ถุงเท้าที่จะเหม็น กลิ่นจะได้ไม่ไปกวน เสื้อผ้าตัวอื่นๆในกระเป๋าของเรา แถมเวลาใส่ไรลมออกดีดี ประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าเราได้อีก"
ร่างกายพร้อมเสื้อผ้าพร้อม ทุกอย่างพร้อมก็รอวันเดินทางได้เลย
-------------------------------------------------------------------------------------
และแล้ววันที่เราเดินทางก็มาถึง ดีใจที่สุดตื่นเต้นที่สุด ตื่นเช้า สายก็ได้ไปรับพ่อแม่ที่สนามบิน เพราะท่านอยู่ต่างจังหวัด รับมาพัก 1 คืนและให้พ่อแม่เอาการบ้านการจัดกระเป๋ามาส่ง อันไหนไม่สำคัญจะได้เอาออกและดูอันไหนยังไม่มีขาดจะได้หาเติมให้ ทานข้าวอำลาอาหารไทย สะ แล้วรีบไล่เด็กๆให้รีบนอน จะได้ตื่นไปขึ้นเครื่องพรุ้งนี้เช้า
ผมเดินทางโดยสายการบิน Hongkong airline ตั๋วโปรโมชั่น ไปกลับ คนละ 10,400 บาท full service ได้น้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลคนละ เนื่องจากเป็นตั๋วโปรต้องต่อเครื่องที่ฮ่องกง ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 8 ชั่วโมง ถ้าบินตรงจะประมาณ 5-6 ชั่วโมง มีเวลาเดินเล่นสนามบินชิวๆ จริงๆก็ดีเหมือนกันนะ ออกมาเดินเล่นบ้าง แม่บอกไม่เหนื่อยมากเท่าบินไปเกาหลี เท้าไม่บวมเลย แต่หนักที่สุดขากลับ ตั๋วโปรทำพิษ โดนเลื่อนขากลับ จากมาถึงเมืองไทย 5 โมงเย็น กลับเป็นมาถึงเมืองไทย ตี 2 ต้องอยู่ฮ่องกง 8 ชั่วโมง เลยต้องวางแผนเที่ยวฮ่องกงอีก 1 วัน ก็คิดบวกๆว่าเราโชคดีละกันเนอะ
เดินทาง 9.50 ต้องไปถึงสนามบิน 7.50 (พ่อแม่ตื่นตั้งแต่ตี4แต่งตัวเรียบร้อยแม่ทาปากแดงมาปลุกตอนตี5 สงสัยตื่นเต้นอยากไปมาก หรือนอนเร็วเลยตื่นเร็วตามประสาคนมีอายุ เลยไปถึงสนามบิน 6.30 เช็คอินเป็นคนแรกเลยจ้า....)
อาหารที่แจกแต่ลืมเปิดแล้วถ่าย แต่อร่อยนะ มีวายมีกาแฟสั่งได้ตลอดเลย สั่งวายกินจนหน้าแดงเลยแม่ผม
14.40 ก็ถึงสนามบิน ฮ่องกง
ลงเครื่องแล้วก็เดินเล่นถ่ายรูปเล่นกันไปชิวๆรอขึ้นเครื่องตอน 16.20 ชิวกันมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
และในที่สุด 20.45 ก็ถึงสนามบินนาริตะ ผมก็แบ่งหน้าที่กันเพื่อที่จะทำให้รวดเร็วในการไปให้ทันเวลารถไฟ เพื่อเข้าเมือง เราทำงานเป็นทีมกันมากๆเพราะพ่อและแม่เขารู้ว่าลงเครื่องต้องเจออะไรทำไรก่อนหลัง เราเลยออกสนามบินได้เกือบคนแรกๆ และลงไปซื้อตัวรถไฟเพื่อเข้าเมืองผมเลือกการเดินทางรถไฟด่วน รถไฟ Keisei Skyliner คนละ2,200 เยน 40 นาทีถึง Ueno เพราะที่พักเราอยู่ แถวๆนั้น
ที่พักผมเลือก โรงแรมโฮริโดเมะ วิลล่า ผมจองผ่านอโกด้า ตอนผมจองมันคืนละ 1,200 บาทต่อห้องอ่านรีวิว ดูว่าอยู่โซนไหนไกล้รถไฟไหม ไม่รอช้าเลยครับ เพราะถูกมาก จัดเลยสามคืนสองห้อง ตั้งงบไว้ห้องพักคืนล่ะ 4,000 ประหยัดไปได้ ตั้งเยอะ พอเช็คอินก็เจอกับห้องพักที่สมตามราคามากๆ ห้องเล็ก แต่ก็เตรียมใจไว้แล้ว ว่าต้องเจอแบบนี้ก็ไม่มีปัญหา ขอแค่สะอาดและสะดวกสบายก็พอ โรงแรมนี้ตอบโจทย์ผมมากครับ
คำว่าตอบโจทย์ของผม คือ
1.เดินทางสะดวก ใกล้สถานีรถไฟ เพราะมันคือภาหนะของเรา
2.เช็คเอาร์แล้วฝากกระเป๋าได้ เวลาอยากจะไปเที่ยวก่อนค่อยมาเอากระเป๋า
3.ห้องน้ำในตัว
4.สะอาด ไม่อึดอัด
5.มีของกินติดโรงแรม เผื่อหิว
และเราจองไว้สองห้องเพราะลดเวลาในการเข้าห้องน้ำกันด้วย พ่อแม่ กับเราจะได้เป็นส่วนตัวกัน ห้องพักวิวสวย เห็นโตเกียวเทาเวอร์ทรีด้วย มีร้านอาหารเปิด 24 ชั่วโมงข้างโรงแรม1ร้านและมี family mart ข้างโรงแรมสะดวกมากๆครับผม
และเราก็จัดม่ามา กันมื้อแรกแล้วรีบนอนกันเพราะพรุ้งนี้เราจะลุยที่เที่ยวเราต่อ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น