เมื่อวานดูข่าวเห็นข่าวผีปอบ คือคนในหมู่บ้านเชื่อว่าผู้หญิงคนนึงเป็นผีปอบ เพราะว่าเป็นคนเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร
แล้วทีนี้พวกชาวบ้านก็หาหมอผีมาปราบ ทำร้ายร่างกายเค้าบ้าง ตบตี ให้ผีออก มันทำให้เราคิดได้ว่า
เออ!! ความเชื่อแบบนี้มันยังไม่หายไปอีกเหรอ เพราะความไม่รู้แท้ๆ เลยเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น
ซึ่งอาการแปลกๆ ของคน ถ้ามันผิดปกติมาก เปลี่ยนจากคนนึงเป็นอีกคนนึง สิ่งที่เราควรจะพึ่งมากที่สุดคือ หมอ!
พาเค้าไปโรงพยาบาลซะ เพราะอาจเป็นโรคจิตเวช เราก็เป็นคนนึงที่มีประสบการณ์กับโรงบาลทางจิตมาเยอะ
ครอบครัวเสียเงินเสียทองไปกับความเชื่อไสยศาสตร์ก็เยอะ เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว เรามีอาการซึมเศร้า
ก็รักษามาตลอด ผ่านไป 1 ปี อยู่ดีๆ ก็หยุดยาเอง แล้วอาการก็กำเริบมาเรื่อยๆ เริ่มตาขวางๆ คิดอะไรแปลกๆ
ถนนหนทางไปที่ไหนมีแต่รหัสลับ มีคนคอยจ้องมองอยู่ มีคนคอยบงการ วางแผนให้เราทำนู่นทำนี่
แม้แต่ป้ายจราจร เรายังคิดว่าเป็นรหัสลับให้เราไปที่ไหนสักแห่ง รู้สึกเหมือนติดต่อกับเบื้องบนได้ คือสติเสียไปแล้ว
พ่อแม่ครอบครัวก็พาไปหาคนทรงบ้าง พาไปวัดทำพิธีเสียไปตั้งหลายพัน กินยาจีน ทำหมดทั้งพิธีไทยและจีน
กินสุดยอดมหายาเม็ดละพันกว่าบาทก็กินมาแล้ว คือมันไม่หาย และมันจะเป็นมากกว่าเดิมด้วย แล้วมันหลอนๆ ในหัวตลอด
ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ตอนนั้นก็รักษาอยู่ที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยา แอดมิท เพราะว่าหนักละ
มือสั่นและความดันตก เหลือ 70/50 หมอบอกให้นอนให้น้ำเกลือ 1 คืน แล้วให้กลับ แต่จริงๆ คือให้น้ำเกลือเสร็จก็อยู่ต่ออีกเป็นเดือน
เนื่องจากเราอาละวาดจึงได้สายข้อมือแดง ระหว่างนี้เค้าก็จะปรับยาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้สายข้อมือเหลือง
สายแดงคือลงจากห้องพักไม่ได้ ลิฟท์จะถูกใส่กุญแจไว้ ถ้าเหลืองลงไปได้แต่ต้องมีญาติไปด้วย และลงไปได้แค่ 30 นาที
กิจวัตรประจำวันที่นี่ก็มี 6 โมงเช้าปลุกให้ตื่น อาบน้ำ เสร็จแล้วมาออกกำลังกาย แบบช้าๆ คล้ายๆ รำวง กินข้าวเช้า
ที่นี่จะไม่มีส้อมให้ใช้ แม้ว่าจะกินก๋วยเตี๋ยว เพราะอาจถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ สายหน่อยก็ไม่มีอะไรทำ เอาหนังสือมาอ่านได้
แต่ต้องให้ญาติเอามา ห้ามมีทรัพย์สมบัติเยอะ นางพยาบาลบอกว่าถ้าหายไม่มีใครรับผิดชอบ ทุกสิ่งที่แหลมๆ
และเป็นอาวุธได้ห้ามครอบครอง เช่นดินสอสี ไม้บรรทัด ห้ามใช้มือถือ ห้ามเล่นเน็ต ห้ามใช้ไอพอดฟังเพลง
บ่ายๆ ฝากนางพยาบาลซื้อของได้ จะมีญาติฝากเงินไว้ให้ เผื่ออยากได้อะไรเพิ่มเติมที่เซเว่น 6 โมง กินข้าวเย็น
ตบท้ายด้วยนมเปรี้ยว เราจำไม่ได้ละว่าเค้าเปิดทีวีให้ดูตอนไหน ก่อนกินข้าวหรือหลังกินข้าว ใครจะดูทีวีก็ได้
แต่จะเปิดอยู่ช่องเดียว รู้สึกจะเป็นช่อง 7 แล้วก็มีตู้คาราโอเกะ ร้องได้แค่ครึ่งชั่วโมงมั้ง กินยาแล้วก็นอนตอน 2 ทุ่ม
ถ้าไม่นอนพยาบาลจะตามมาบังคับให้นอน เวลาเข้าห้องน้ำให้ระวัง เพราะกลอนอยู่ข้างนอก
มีน้องคนนึงนอนอยู่ห้องเดียวกันดันล็อกประตูก่อนเข้าห้องน้ำ เลยออกมาไม่ได้ นอนในส้วมทั้งคืน
ตอนรักษาอยู่เราถูกช้อตไฟฟ้าด้วย คือปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ เข้าไปในสมอง ออกมาก็เบลอ
จำอะไรไม่ได้ ตอนนี้เราก็อาการปกติ ไม่มีซึมเศร้า ไม่มีมาเนีย อาจจะเครียดบ้างบางครั้ง เป็นได้ก็หายได้
กินยาทุกวันสม่ำเสมอ ออกกำลังกายบ้าง คืออยากให้รู้ว่าคนที่มีอาการทางจิตหายได้ อย่าเสียเวลาไปหาหมอผีอยู่เลย
เราไม่รู้นะ ผีมีจริงรึเปล่า แต่ถ้ามันมีวิธีทางโลก ที่มันเห็นแน่ๆ อ่ะ ว่ามันได้ผล ทำไมจะไม่ลองทำ
เป็นโรคทางจิตเวชต้องหาหมอ เป็นได้ก็หายได้ ก่อนจะพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งแรกที่ควรคิดถึงคือหมอ
แล้วทีนี้พวกชาวบ้านก็หาหมอผีมาปราบ ทำร้ายร่างกายเค้าบ้าง ตบตี ให้ผีออก มันทำให้เราคิดได้ว่า
เออ!! ความเชื่อแบบนี้มันยังไม่หายไปอีกเหรอ เพราะความไม่รู้แท้ๆ เลยเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น
ซึ่งอาการแปลกๆ ของคน ถ้ามันผิดปกติมาก เปลี่ยนจากคนนึงเป็นอีกคนนึง สิ่งที่เราควรจะพึ่งมากที่สุดคือ หมอ!
พาเค้าไปโรงพยาบาลซะ เพราะอาจเป็นโรคจิตเวช เราก็เป็นคนนึงที่มีประสบการณ์กับโรงบาลทางจิตมาเยอะ
ครอบครัวเสียเงินเสียทองไปกับความเชื่อไสยศาสตร์ก็เยอะ เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว เรามีอาการซึมเศร้า
ก็รักษามาตลอด ผ่านไป 1 ปี อยู่ดีๆ ก็หยุดยาเอง แล้วอาการก็กำเริบมาเรื่อยๆ เริ่มตาขวางๆ คิดอะไรแปลกๆ
ถนนหนทางไปที่ไหนมีแต่รหัสลับ มีคนคอยจ้องมองอยู่ มีคนคอยบงการ วางแผนให้เราทำนู่นทำนี่
แม้แต่ป้ายจราจร เรายังคิดว่าเป็นรหัสลับให้เราไปที่ไหนสักแห่ง รู้สึกเหมือนติดต่อกับเบื้องบนได้ คือสติเสียไปแล้ว
พ่อแม่ครอบครัวก็พาไปหาคนทรงบ้าง พาไปวัดทำพิธีเสียไปตั้งหลายพัน กินยาจีน ทำหมดทั้งพิธีไทยและจีน
กินสุดยอดมหายาเม็ดละพันกว่าบาทก็กินมาแล้ว คือมันไม่หาย และมันจะเป็นมากกว่าเดิมด้วย แล้วมันหลอนๆ ในหัวตลอด
ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ตอนนั้นก็รักษาอยู่ที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยา แอดมิท เพราะว่าหนักละ
มือสั่นและความดันตก เหลือ 70/50 หมอบอกให้นอนให้น้ำเกลือ 1 คืน แล้วให้กลับ แต่จริงๆ คือให้น้ำเกลือเสร็จก็อยู่ต่ออีกเป็นเดือน
เนื่องจากเราอาละวาดจึงได้สายข้อมือแดง ระหว่างนี้เค้าก็จะปรับยาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้สายข้อมือเหลือง
สายแดงคือลงจากห้องพักไม่ได้ ลิฟท์จะถูกใส่กุญแจไว้ ถ้าเหลืองลงไปได้แต่ต้องมีญาติไปด้วย และลงไปได้แค่ 30 นาที
กิจวัตรประจำวันที่นี่ก็มี 6 โมงเช้าปลุกให้ตื่น อาบน้ำ เสร็จแล้วมาออกกำลังกาย แบบช้าๆ คล้ายๆ รำวง กินข้าวเช้า
ที่นี่จะไม่มีส้อมให้ใช้ แม้ว่าจะกินก๋วยเตี๋ยว เพราะอาจถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ สายหน่อยก็ไม่มีอะไรทำ เอาหนังสือมาอ่านได้
แต่ต้องให้ญาติเอามา ห้ามมีทรัพย์สมบัติเยอะ นางพยาบาลบอกว่าถ้าหายไม่มีใครรับผิดชอบ ทุกสิ่งที่แหลมๆ
และเป็นอาวุธได้ห้ามครอบครอง เช่นดินสอสี ไม้บรรทัด ห้ามใช้มือถือ ห้ามเล่นเน็ต ห้ามใช้ไอพอดฟังเพลง
บ่ายๆ ฝากนางพยาบาลซื้อของได้ จะมีญาติฝากเงินไว้ให้ เผื่ออยากได้อะไรเพิ่มเติมที่เซเว่น 6 โมง กินข้าวเย็น
ตบท้ายด้วยนมเปรี้ยว เราจำไม่ได้ละว่าเค้าเปิดทีวีให้ดูตอนไหน ก่อนกินข้าวหรือหลังกินข้าว ใครจะดูทีวีก็ได้
แต่จะเปิดอยู่ช่องเดียว รู้สึกจะเป็นช่อง 7 แล้วก็มีตู้คาราโอเกะ ร้องได้แค่ครึ่งชั่วโมงมั้ง กินยาแล้วก็นอนตอน 2 ทุ่ม
ถ้าไม่นอนพยาบาลจะตามมาบังคับให้นอน เวลาเข้าห้องน้ำให้ระวัง เพราะกลอนอยู่ข้างนอก
มีน้องคนนึงนอนอยู่ห้องเดียวกันดันล็อกประตูก่อนเข้าห้องน้ำ เลยออกมาไม่ได้ นอนในส้วมทั้งคืน
ตอนรักษาอยู่เราถูกช้อตไฟฟ้าด้วย คือปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ เข้าไปในสมอง ออกมาก็เบลอ
จำอะไรไม่ได้ ตอนนี้เราก็อาการปกติ ไม่มีซึมเศร้า ไม่มีมาเนีย อาจจะเครียดบ้างบางครั้ง เป็นได้ก็หายได้
กินยาทุกวันสม่ำเสมอ ออกกำลังกายบ้าง คืออยากให้รู้ว่าคนที่มีอาการทางจิตหายได้ อย่าเสียเวลาไปหาหมอผีอยู่เลย
เราไม่รู้นะ ผีมีจริงรึเปล่า แต่ถ้ามันมีวิธีทางโลก ที่มันเห็นแน่ๆ อ่ะ ว่ามันได้ผล ทำไมจะไม่ลองทำ