[CR] SOLO TRAVEL IN NAGOYA : ความประทับใจจากผู้หญิงที่สะพายกล้องเที่ยวคนเดียวเป็นครั้งแรก (JUNE 2016)

สวัสดีค่ะทุกคน ขอแนะนำตัว อย่างสั้นๆ ชื่อ”จ๋า”นะคะ จ๋าเคยคิดว่าจะลองแบกขาตั้งกล้องออกไปเที่ยวคนเดียวมานานแล้ว ยิ่งอ่านเยอะ ดูเยอะ ฟังเยอะ ก็ยิ่งคัน เค้าว่ากันว่าต้องลองเที่ยวคนเดียวดูสักครั้งแล้วจะติดใจ… ไหนๆก็ไหนๆ ประเดิมทริปแรกด้วยอะไรที่ซอฟต์ๆ ไม่ผาดโผน …ประเดิมที่นาโกย่ามันซะเลย…



บอกตามตรงว่าตอนแรกกล้าๆกลัวๆเพราะปกติไม่เคยเที่ยวต่างประเทศคนเดียวเลย ถ้าไม่ใช่การไปทำธุระที่ไปแล้วกลับ อันที่จริงแค่ไปเที่ยวต่างจังหวัดคนเดียวก็ไม่เคยแล้ว ต้องมีเพื่อนไปด้วยตลอด เพราะรู้สึกปลอดภัยกว่า และคิดว่าการไปเที่ยวคนเดียวมันเหงา แต่ด้วยความที่ลึกๆเราก็รู้สึกว่า เราอยากเที่ยวในแบบที่เราชอบ และใช้เวลาส่วนมากของการเที่ยว ไปกับสิ่งที่เราอินกับมันจริงๆ โดยไม่ต้องเกรงใจใคร บวกกับจ๋าอ่านหนังสือท่องเที่ยวเยอะมาก ติดตามเพจท่องเที่ยวก็เยอะ ก็ช่วยให้สลัดความกลัวออกไปได้บ้าง



และเมื่อทุกอย่างประจวบเหมาะ จ๋าได้บินมาทำงานที่นาโกย่า และได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณสัปดาห์กว่าๆ จ๋าจึงตัดสินใจ ใช้ช่วงเวลาว่างทั้งหมดของการมานาโกย่าครั้งนี้ สะพายกล้อง แบกขาตั้งกล้อง ออกไปเที่ยวคนเดียว ไปในที่ๆอยากไป และลองใช้เวลาในแต่ละที่ให้นานเท่าที่อยากจะอยู่ต่อ



พอได้มาลองออกเที่ยวคนเดียว"อย่างจริงจัง"เป็นครั้งแรก ปรากฏว่าความประทับใจจากการเที่ยวครั้งนี้มันมากกว่าครั้งก่อนๆ

วันนี้จ๋าจะมาสรุปความประทับใจที่ได้จากการลุยเดี่ยวเป็นครั้งแรกของจ๋าให้ทุกคนฟังกันค่ะ



ความประทับใจที่1 : ได้เรียนรู้สถานที่เที่ยวจากGuideท้องถิ่น แทนการอ่านGuide Book

Guideท้องถิ่นที่ว่า อาจเจอได้หลายรูปแบบ ทั้งไกด์อาชีพ ไกด์อาสาสมัคร หรือแม้แต่ความรู้ต่างๆที่บังเอิญได้รับจากการพูดคุยกับคนท้องถิ่นนั้นๆ แน่นอนว่าการเที่ยวคนเดียว ทำให้เรามีแนวโน้มในการพูดคุยกับคนท้องถิ่นมากกว่าการไปเที่ยวหลายคน ซึ่งเราจะเกาะกลุ่มอยู่กับพวกตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่



การลุยเดี่ยวครั้งนี้ จ๋าได้รับข้อมูลดีๆจากสาวinformation centerที่ยื่นมือเข้ามาช่วยให้ข้อมูลการเดินทางทั้งที่ยังไม่ได้เอ่ยปากถาม คุณลุงยามที่ช่วยเล่าประวัติความเป็นมาของสถานที่ที่ตัวเองดูแลอยู่อย่างละเอียด คุณลุงนักธุรกิจที่มาเป็นไกด์อาสาสมัครที่ไม่เพียงแค่เล่าประวัติสถานที่เที่ยวแต่ยังแนะนำการแสดงที่ควรดูและอาหารยอดฮิตของเมืองนี้ คุณลุงคุณป้าสามีภรรยาที่ช่วยสอนการเข้าวัดในแบบของคนญี่ปุ่น ฯลฯ ซึ่งข้อมูลบางอย่างก็หาไม่ได้จากGuide Book สิ่งที่ได้มันยิ่งกว่าความรู้ เราได้เห็นวิถีชีวิต และได้เรียนรู้วัฒนธรรม รวมไปถึงนิสัยพื้นฐานของคนในชาตินั้นๆ



ความประทับใจที่2 : ฉันไม่กลัวคนแปลกหน้าแล้ว

ไปเที่ยวคนเดียว อะไรที่เคยไม่กล้าทำ มันก็ต้องลองทำแล้วทีนี้ จ๋าว่าข้อนี้เหมาะมากสำหรับคนที่อยู่ไทยแล้วไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ(หรือภาษาต่างประเทศอื่นๆ) ใครที่อายสำเนียง ก็ต้องใส่เต็มเพื่อเอาตัวรอด ไม่เพียงเท่านั้น ในกรณีที่เราหลงทาง ใครที่ไม่กล้าคุยกับคนแปลกหน้า มันก็ต้องกล้าเพื่อให้เอาตัวรอด

ตอนจ๋าเที่ยว บางทีดูแผนที่แล้วมึน หลงไปไหนต่อไหน คนละทิศละทางเพราะอ่านป้ายอักษรคันจิของญี่ปุ่นไม่ออก โชคดีที่อาศัยความกล้า ถามคนนู้นคนนี้ไปตลอดทาง จึงไปถึงจุดหมายได้ รวมถึงเรื่องภาษา กรณีนี้คือภาษาญี่ปุ่นที่จ๋าพอพูดได้แค่เบื้องต้นเท่านั้น ก็ต้องกล้าที่จะลองผิดลองถูก พูดไปหลายๆคำเพื่อให้คนญี่ปุ่นพอจับใจความเราได้ และช่วยเราได้ถูก



ความประทับใจที่3 : บรรลุวิชาถ่ายรูปตัวเอง

หมดยุคแห่งการselfieที่เห็นแต่หน้าไม่เห็นวิวแล้ว ไปเที่ยวทั้งทีก็ต้องเก็บภาพสถานที่เที่ยวชัดๆกันหน่อย แต่จะถ่ายแต่สถานที่ ไม่ถ่ายภาพคนเลย เดี๋ยวผู้หญิงขี้อวดอย่างเราจะไม่มีรูปไปอวดชาวบ้านว่าฉันมาเที่ยวจริงๆนะ! อิอิ เชื่อมั้ย การไปเที่ยวคนเดียว ทำให้เราได้ค้นพบมุมกล้องที่เราถูกใจเยอะมาก เพราะเรามีเวลาลองผิดลองถูก ไม่ต้องคอยกลัวว่าคนที่มาด้วยจะรำคาญ

รอบนี้จ๋าเอาขาตั้งกล้องไปค่ะ เลือกมุมได้ง่ายดายมาก แต่ข้อเสียคือหนัก แต่ถึงไม่มีขาตั้งกล้องจ๋าก็คิดว่า เราก็จะมีความสามารถในการสรรหามุมในการถ่ายภาพตัวเองได้อยู่ดี เนื่องจากเวลาเยอะ



ความประทับใจที่4 : หุ่นฟิตโดยไม่รู้ตัว

ก็ลองคิดดูสิค่ะ เดินทางคนเดียว สัมภาระต่างๆที่พกติดตัว เราก็ต้องแบกเองคนเดียวทั้งหมด ตามความ'เยอะ'ของเรา แถมการเที่ยวคนเดียว สามารถยืดหยุ่นได้ เรามีแนวโน้มที่จะเดินเพลินกว่าปกติ

จากที่จ๋าเว้นช่วงไม่ได้ออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน จนแก้มเริ่มออก พุงเริ่มเป็นชั้น พอออกไปเที่ยวคนเดียว ด้วยความที่เดินเยอะมาก (แล้วยังอุตส่าห์ใส่ส้นสูงเที่ยวอีก) ทำให้จ๋าได้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอไปโดยปริยาย บวกกับแบกกล้อง ขาตั้งกล้อง และสัมภาระอื่นๆด้วยตัวเองทั้งหมด จ๋าเลยได้ออกกำลังกายแบบstrengthไปด้วย รวมๆแล้วออกกำลังกายได้มากกว่า เวลาที่จ๋าไปเข้าฟิตเนสจริงจังเสียอีก!



ความประทับใจที่ 5 : ได้ลองผิดลองถูก และลองมันจนถูก

เดินทางคนเดียว ก็คงต้องปรึกษากับตัวเอง ว่าจะเอายังไง ไปทางไหน กลับยังไง แน่นอนว่าการไปสถานที่ที่ไม่คุ้นชิน ต้องมีหลงบ้างแน่นอน

จ๋าเองเที่ยวคนเดียวครั้งแรกก็นั่งรถไฟผิด ไม่ยอมเปลี่ยนสาย เลยไปตั้ง11สถานีแล้วเพิ่งจะมารู้ตัว(เรียกได้ว่านั่งไปจนเกือบสุดสายแล้ว) นอกจากนี้ก็ยังงงกับแผนที่ เดินไปผิดฝั่งจนทะลุไปไกล อ่านป้ายอะไรไม่ออก เพิ่งจะมารู้ตัว แต่สุดท้ายพอหาทางกลับมาถูก มันแบบดีใจมากอ่ะ!



ความประทับใจที่ 6 : ได้เรียนรู้ความแตกต่างในเชิงบวก

ทุกๆที่ ทุกๆประเทศ ต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่เราจะเลือกรับมาแบบไหน ไปเที่ยวทั้งที ลองสังเกตความแตกต่าง ส่วนไหนเราดีกว่า เราก็คงไว้ ส่วนไหนเค้าดีกว่า เราลองเอามาปรับใช้

มีอย่างนึงที่จ๋าประทับใจมากจากการมาเที่ยวนาโกย่าครั้งนี้ คือคนญี่ปุ่นเค้าไม่หยุดที่คำว่า'แก่'จริงๆ จ๋าเห็นคุณยายวัยชราเดินหลังค่อมถือไม้เท้าออกมาเที่ยวช้อปปิ้งตามห้างอย่างมีความสุข คุณปู่สูงอายุที่เดินไม่ไหว ก็นั่งรถเข็น มานั่งกินราเมนอย่างเพลิดเพลิน คุณปู่มาคนเดียวก็จริงแต่ดูสนิทกับพนักงานในร้านมาก



ถ้าคุณเป็นคนที่เบื่อกับชีวิตเดิมๆ เบื่อการทำอะไรเดิมๆ ลองออกเที่ยวสิคะ แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตยังมีอะไรอีกเยอะที่เราไม่เคยพบเจอ ยิ่งถ้าคุณเที่ยวคนเดียวได้ คุณจะสามารถสร้างความสุขได้ด้วยตัวคุณเอง และเชื่อมั้ย ว่าการออกเที่ยวคนเดียว มันทำให้เรื่องเล่าของคุณดูน่าสนใจขึ้นเป็น2เท่าเลย!

สุดท้ายนี้ จ๋าคิดว่าผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้ ถ้ารู้จักระวังตัว และมีสติ ลองเช็คความพร้อมของตัวเองและเลือกสถานที่ที่เหมาะสม และคุณจะสนุกไปกับมันแน่นอนค่ะ

ที่มา จากบล็อคของจ๋าเองค่ะ ใครชอบฝากติดตามด้วยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชื่อสินค้า:   เมืองนาโกย่า
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่