การไปเที่ยวสถานที่เป็นกิจกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเรียนรู้ เพราะเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ออกไปสัมผัสประสบการณ์จริงนอกห้องเรียน สำหรับโครงการโลจไฟว์ในครั้งนี้ โรงเรียนของเราได้จัดกิจกรรมทัศนศึกษาไปยังหมู่บ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเป็นชุมชนที่มีการจัดการทรัพยากรและการขนส่งอย่างเป็นระบบในรูปแบบของชุมชนพึ่งพาตนเอง
เหตุผลที่เลือกหมู่บ้านแม่กำปองเป็นสถานที่ศึกษาในครั้งนี้ เพราะแม่กำปองเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้หลักโลจิสติกส์ในชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านการบริหารจัดการการขนส่งสินค้า การจัดการการท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน และการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างคุ้มค่า จึงเหมาะสมกับเนื้อหาการเรียนรู้ของวิชาโลจิสติกส์เป็นอย่างยิ่ง
วันนี้คือเราเดินทางออกจากโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่โดยรถบัส เดินทางใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจึงถึงอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นต่อรถสองแถวเข้าไปยังหมู่บ้านแม่กำปอง ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและธรรมชาติที่สมบูรณ์
สถานที่หลัก ๆ ที่เราได้ไปเยี่ยมชม ได้แก่:
•หมู่บ้านแม่กำปอง: ชุมชนเล็ก ๆ ในหุบเขาที่มีอากาศเย็นตลอดปี มีบ้านไม้เก่าเรียงรายไปตามถนนที่คดเคี้ยว ตัวหมู่บ้านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ มีเสียงน้ำไหลจากลำธารและเสียงนกร้องคลอไปตลอดวัน
•น้ำตกแม่กำปอง: น้ำตกธรรมชาติที่สวยงาม มีทั้งหมด 7 ชั้น การเดินขึ้นไปชมวิวแต่ละชั้นนั้นเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่า เพราะได้เห็นธรรมชาติที่สมบูรณ์
•ร้านกาแฟชมนกชมไม้: จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นหมู่บ้านแม่กำปองในมุมสูง เราได้ลองชิมกาแฟที่ปลูกและคั่วเองในท้องถิ่น และได้พูดคุยกับเจ้าของร้านถึงกระบวนการผลิตและการจัดส่งกาแฟซึ่งเชื่อมโยงกับระบบโลจิสติกส์อย่างชัดเจน
•โฮมสเตย์บ้านแม่กำปอง: เป็นที่พักที่เราพักในคืนแรก เป็นบ้านไม้เล็ก ๆ ที่เจ้าของบ้านดูแลเราอย่างอบอุ่น ได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านที่เรียบง่ายแต่มีระเบียบ มีความเป็นกันเอง และใกล้ชิดธรรมชาติ
กิจกรรมในทัศนศึกษาครั้งนี้มีทั้งที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และกิจกรรมนันทนาการ เช่น:
•การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ: ได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศ ป่าเบญจพรรณ และต้นไม้ท้องถิ่น
•การเข้าชมกระบวนการผลิตชา กาแฟ และสินค้าท้องถิ่น: จากแปลงปลูกจนถึงการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ รวมถึงวิธีขนส่งไปขายในเมือง
•การพูดคุยกับวิทยากรในชุมชนเรื่อง “โลจิสติกส์ท้องถิ่น”: ได้เรียนรู้ว่าแม้จะเป็นหมู่บ้านห่างไกล แต่ก็มีการจัดการขนส่งสินค้า วัตถุดิบ และนักท่องเที่ยวอย่างมีระบบ
•กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์: ตอนเย็นมีการแสดงของนักเรียนแต่ละกลุ่ม รวมถึงการร้องเพลงรอบกองไฟร่วมกับชาวบ้าน สร้างความสนุกสนานและความสามัคคี
ทริปนี้เป็นทริปที่ประทับใจมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะได้เห็นความเรียบง่ายที่งดงามของชาวบ้านแม่กำปอง ได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์และธรรมชาติที่หาไม่ได้จากในเมืองใหญ่ อีกทั้งยังได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากประสบการณ์ตรง เช่น การจัดการระบบโลจิสติกส์ในชุมชนที่ไม่มีเทคโนโลยีมากนัก แต่กลับมีประสิทธิภาพผ่านความร่วมมือและการวางแผนอย่างดี อีกเรื่องที่น่าประทับใจมากคือการที่พวกเราได้ใช้ชีวิตแบบไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีความสะดวกสบายเหมือนในเมือง แต่กลับทำให้เราหันมาพูดคุยและทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ และมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว
และะค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยประมาณของทริปนี้ ค่ารถบัสไป-กลับ≈700บาท ค่าที่พัก2วัน1คืน≈450บาท ค่าอาหาร4มื้อ≈300บาท ค่าเข้าชมน้ำตก+วิทยากร+วัสดุ≈200บาท รวม=1650บาท
การไปเที่ยวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ให้ความรู้เรื่องโลจิสติกส์ แต่ยังได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและผู้อื่น ได้ฝึกความอดทน ความมีวินัย และการเปิดใจกับสิ่งใหม่ ๆ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก และหวังว่าในอนาคตจะได้มีโอกาสกลับไปเยือนแม่กำปองอีกครั้งหนึ่งค่ะ
เที่ยวชุมชนสโลว์ไลฟ์2วัน1คืน หมู่บ้านแม่กำปองจังหวัดเชียงใหม่
เหตุผลที่เลือกหมู่บ้านแม่กำปองเป็นสถานที่ศึกษาในครั้งนี้ เพราะแม่กำปองเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้หลักโลจิสติกส์ในชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านการบริหารจัดการการขนส่งสินค้า การจัดการการท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน และการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างคุ้มค่า จึงเหมาะสมกับเนื้อหาการเรียนรู้ของวิชาโลจิสติกส์เป็นอย่างยิ่ง
วันนี้คือเราเดินทางออกจากโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่โดยรถบัส เดินทางใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจึงถึงอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นต่อรถสองแถวเข้าไปยังหมู่บ้านแม่กำปอง ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและธรรมชาติที่สมบูรณ์
สถานที่หลัก ๆ ที่เราได้ไปเยี่ยมชม ได้แก่:
•หมู่บ้านแม่กำปอง: ชุมชนเล็ก ๆ ในหุบเขาที่มีอากาศเย็นตลอดปี มีบ้านไม้เก่าเรียงรายไปตามถนนที่คดเคี้ยว ตัวหมู่บ้านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ มีเสียงน้ำไหลจากลำธารและเสียงนกร้องคลอไปตลอดวัน
•น้ำตกแม่กำปอง: น้ำตกธรรมชาติที่สวยงาม มีทั้งหมด 7 ชั้น การเดินขึ้นไปชมวิวแต่ละชั้นนั้นเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่า เพราะได้เห็นธรรมชาติที่สมบูรณ์
•ร้านกาแฟชมนกชมไม้: จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นหมู่บ้านแม่กำปองในมุมสูง เราได้ลองชิมกาแฟที่ปลูกและคั่วเองในท้องถิ่น และได้พูดคุยกับเจ้าของร้านถึงกระบวนการผลิตและการจัดส่งกาแฟซึ่งเชื่อมโยงกับระบบโลจิสติกส์อย่างชัดเจน
•โฮมสเตย์บ้านแม่กำปอง: เป็นที่พักที่เราพักในคืนแรก เป็นบ้านไม้เล็ก ๆ ที่เจ้าของบ้านดูแลเราอย่างอบอุ่น ได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านที่เรียบง่ายแต่มีระเบียบ มีความเป็นกันเอง และใกล้ชิดธรรมชาติ
กิจกรรมในทัศนศึกษาครั้งนี้มีทั้งที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และกิจกรรมนันทนาการ เช่น:
•การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ: ได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศ ป่าเบญจพรรณ และต้นไม้ท้องถิ่น
•การเข้าชมกระบวนการผลิตชา กาแฟ และสินค้าท้องถิ่น: จากแปลงปลูกจนถึงการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ รวมถึงวิธีขนส่งไปขายในเมือง
•การพูดคุยกับวิทยากรในชุมชนเรื่อง “โลจิสติกส์ท้องถิ่น”: ได้เรียนรู้ว่าแม้จะเป็นหมู่บ้านห่างไกล แต่ก็มีการจัดการขนส่งสินค้า วัตถุดิบ และนักท่องเที่ยวอย่างมีระบบ
•กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์: ตอนเย็นมีการแสดงของนักเรียนแต่ละกลุ่ม รวมถึงการร้องเพลงรอบกองไฟร่วมกับชาวบ้าน สร้างความสนุกสนานและความสามัคคี
ทริปนี้เป็นทริปที่ประทับใจมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะได้เห็นความเรียบง่ายที่งดงามของชาวบ้านแม่กำปอง ได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์และธรรมชาติที่หาไม่ได้จากในเมืองใหญ่ อีกทั้งยังได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากประสบการณ์ตรง เช่น การจัดการระบบโลจิสติกส์ในชุมชนที่ไม่มีเทคโนโลยีมากนัก แต่กลับมีประสิทธิภาพผ่านความร่วมมือและการวางแผนอย่างดี อีกเรื่องที่น่าประทับใจมากคือการที่พวกเราได้ใช้ชีวิตแบบไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีความสะดวกสบายเหมือนในเมือง แต่กลับทำให้เราหันมาพูดคุยและทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ และมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว
และะค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยประมาณของทริปนี้ ค่ารถบัสไป-กลับ≈700บาท ค่าที่พัก2วัน1คืน≈450บาท ค่าอาหาร4มื้อ≈300บาท ค่าเข้าชมน้ำตก+วิทยากร+วัสดุ≈200บาท รวม=1650บาท
การไปเที่ยวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ให้ความรู้เรื่องโลจิสติกส์ แต่ยังได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและผู้อื่น ได้ฝึกความอดทน ความมีวินัย และการเปิดใจกับสิ่งใหม่ ๆ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก และหวังว่าในอนาคตจะได้มีโอกาสกลับไปเยือนแม่กำปองอีกครั้งหนึ่งค่ะ