อดีตที่เคยพัง ปัจจุบันฉันเลยกลัว!!! งั้นหรือ ?? หรือเราคิดเยอะเกินไป !!!!! ความรัก คนชอบอ่านยาวๆ ต้องไม่พลาด !!!!

สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวพันทิปทั้งหลาย ที่รู้จักและไม่รู้จักก็ตาม ใช่ญาติและไม่ใช่ญาติก็ตาม เอิ่ม ไม่ใช่และ !!!!
กระทู้นี้ เขียนมาให้อ่านได้ทุกสถานะ  นะครับ มีแฟนแล้ว โสด หรือมีมากกว่าสองสถานะนี้ก็อ่านได้นะครับ
               เข้าเรื่องเลยละกัน
       ขอใช้ คำแทนตัวผมว่า อ นะครับ   ผมเองตอนนี้อายุ 24 ครับ ทำงานเป็นช่างตัดผมอยู่ร้านตัดผมกิ๊กก๊อกทั่วไปนี่แหละ ร้านไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย
แน่นอนครับ ในเรื่องความรักใครๆก็มี ล้วนเคยมีกันมาทังนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีนะครับ ที่เขียนมาให้อ่านนี่เรียกว่า ว่าง  เลยเขียน
      คุณเคยมั้ยครับ เมื่ออายุของคุณมากขึ้น ความเข้าใจในเรื่องอะไรต่างๆ มันก็ตามมา รวมถึงเรื่องความรัก  สำหรับตัวผมเองนั้น มีความรักมากะเค้าเหมือนกัน
แต่ติดอยู่ตรงที่ว่า เม่อใดที่มีความรัก มักจะไม่สมหวัง มันเป็นเพราะอะไรน่ะเหรอ อย่างที่บอก เมื่อเราโตขึ้นเราจะเข้าใจในสิ่งๆนั้นมากขึ้น ขอไม่พูดถึง อาการอกหักในสองครั้งแรกนะครับ เพราะมันเป็นความรักที่เด็กเกินไป ไม่น่าจดจำ
        
            แต่ที่จะเล่านี่คือความรักครั้งที่ 3 ของการมีแฟน สำหรับตัวผมเองนั้น ออกตัวก่อนเลยว่า ก็ไม่ได้ดีกว่าใครอะไรมากมาย คนเรามีทั้งด้านบวกและลบ ในตัวเราเอง   แต่เมื่อไรที่เรามองเห็นความผิดพลาดของตัวเราเองและยอมรับมัน เพื่อที่จะแก้ไขในสิ่งนั้นให้ได้ ย่อมนับว่าเป็นเรื่องดี
             ย้อนไปเมื่อซักสองปีกว่าที่ผ่านมา  ผมมีแฟนครับ แก่กว่าผม 2 ปี  โดยส่วนตัว ถ้าเป็นไปได้ ผมจะชอบคนที่มีนิสัยใจคอ พูดคุยรู้เรื่องและไม่ง้องแง้งน่ะครับ
ที่ๆเราเจอกัน มันก็ไม่ได้น่าไปเที่ยวเท่าใดนักหรอก เพราะว่าบ้านเธอมีอาชีพ เกี่ยวกับการเล่นการพนัน ตามงานศพบ้านนอกน่ะ หวังว่าคงจะนึกภาพออกนะครับ
จากที่ไม่เคยมองใคร คนๆนึงก็สวยขึ้นมาในสายตาคนที่โสด มาพักใหญ่ เฝ้าดู แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องได้คุยนะ ผมถือคติที่ว่า  คนสวยบางคน ไม่จำเป็นต้องได้ครอบครอง ขอแค่เราได้มอง ก็สุขใจ จากนั้น เวลาก็เริ่มทำงานในส่วนของมัน นานอยู่พอสมควรครับ จากการที่เราเป็นแค่คนๆนึง คุยกันไปมา แค่คนรู้จัก ก็เริ่มใกล้ชิดสนิทสนมและเป็นแฟนกันในที่สุด จนถึงวันที่เรามีความรักหวานชื่น ไม่มีอะไรให้เป็นสาเหตุมากั้นขวามงของความรัก แต่บอกไว้ตรงนี้นะครับ ที่เราคุยกันและคบกัน พ่อแม่เค้าไม่รู้นะครับ แต่ก็เห็นกันปกติไม่ได้หลบซ่อน เพียงแต่เค้าบอกกับผมว่า ไม่อยากให้พ่อแม่เค้ารู้ สาเหตุนั้นผมเข้าใจดี อย่างที่บอกครับ นี่คือความรักครั้งท่ 3สำหรับผม มันไม่ได้สวยหรูหรือเพอเฟ็คต์ อะไรเลย ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอกครับ ผู้หญิงที่ผมชอบ เค้าเคยมีแฟน เคยแต่งงานมา ผมรู้นะครับ รู้แต่แรกก่อนที่จะไปจีบเค้าด้วย แต่ทำไงได้ล่ะครับ อดีต มันไม่สำคัญหรอก ถ้าเราคิดจะรักใครคนนึงจริงๆขึ้นมา เค้าเคยเกือบจะมีลูกกับแฟนเค้านะครับ แต่มาแท้งซะก่อน เพราะเค้าท้องลูกแฝด แต่ผิดปกติ หมอเลยจำเป็นต้องผ่าออก ผมรับได้ทั้งหมดในเร่องที่เค้าเล่ามา เพราะบอกไปแล้ว ว่าเมื่อเราอายุมากขึ้น เราจะเข้าใจโลกมาขึ้น
แต่ก่อนต้องสเปคแบบนั้นแบบนึ้ ต้องสวยต้องซิง นั่นมันความคิดตอนเด็กที่ห้าวๆ แต่พอ มาอกหักครั้งที่สอง สเปคก็เปิดกว้างมากขึ้น ก็คือคนที่ 3 คือ ถึงแม้เค้าจะแต่งงานมาแล้ว เราก็รับได้ ขอแค่ให้รักกันเข้าใจกันก็พอ อดีตไม่ต้องไปใส่ใจ
    
       จนกระทั่ง เราคบกันได้เกือบจะปี มีตัวละครใหม่เข้ามา จากที่เรารักกันอยู่ดีๆ ก็มีหนุ่ม เข้ามาจีบเธอ แต่เค้านั้น แก่กว่าเธอ 10 ปี เค้าเข้ามาจีบเธอแบบเปิดเผย เปิดเผยต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ และเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่โทรศัพท์เคยจับเล่นได้ ก็มีความลับระหว่างกัน จากนั้นมาผมรู้ดี ว่าเธอคงจะไม่ได้อยู่กับผมอีกแล้ว
ตอนแรกที่เค้าเข้ามาจีบเธอ เธอก็ยังอยู่กับผมนะ หมายถึงยังเล่าให้ฟังอยู่ว่ามีคนนี้มาจีบ มาขอไลน์ และหลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนไป
       เวลาแค่ 3 เดือนครับ เราทะเลาะกัน จากที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เธอให้เหตุผลว่า เธออายุ25 แล้ว เธอต้องการความมั่นคง เธออยากมีลูก ซึ่งในตอนนั้น ผมไม่มีอะไรเลย ที่จะให้เธอได้ตามที่เธอขอ จนท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ไปจากผม จากนั้นเธอใช้เวลากับคนใหม่ของเธออีก 3 เดือน ก็ได้แต่งงานกัน  ความรู้สึกผมตอนนั้น ร่างกายผมมันมีลมหายใจนะ แต่มันไม่มีความรู้สึก คนรอบข้างที่รู้จักกัน ก็ยังใจดีมาบอก ว่า เออเนี่ย เด็กแต่งงานแล้วนะ วันนี้ๆ  ผมก็รู้ แต่ก็ครับ  ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ นอกจาก ยอมรับความเศร้าที่เข้ามาในชีวิต !!!!  บอกไปจะเชื่อมั้ยครับ เวลาแค่ช่วงประมาณ อาทิตย์ สองอาทิตย์ น้ำหนักผมจะลดลงไปได้ ถึง 7 กิโล
เรียกว่าเข้าสู่โหมดตรอมใจก็ได้ครับ อาชีพก็อย่างที่บอก เป็นแค่ช่างตัดผมบ้านนอก  เงินก็ได้ไม่เท่าไร จะไปสู้คนใหม่ของเธอที่เป็นเจ้าของร้านซ่อมโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ได้ ได้อย่างไร  
          
                  ใครจะไปทำใจรับได้ ในเมื่อแฟนที่ตัวเองรักและเคยกอดกันมาก่อน จะแต่งงานแล้วไปอยู่กินกับคนอื่น  แล้วยังต้องเห็นกันอยู่ทุกวันเพราะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน  ผมยอมรับเลยว่าผม ทำใจไม่ได้ในช่วงแรก ๆ   ตรอมใจมากๆ ขนาดแค่ลูกคาเข้ามาตัดผม เค้าคุยกับผมปกติ แต่ผมกลับน้ำตาคลอเบ้าแล้ว ไม่วาใครก็ตาม
ผมกลายเป็นคนไม่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากไปไหน ไม่อยากกิน เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง  เวลาเท่านั้น ที่ช่วยเยียวยาผม จนผมทำใจได้ แต่กว่าจะผ่านมันมาำด้ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ง่ายเลย ที่เราจะใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ที่มันไม่ใช่สถานะเดิม  ตอนนี้ผ่านมา จะเกือบ 3 ปีแล้วครับ ผมทำใจได้เรียบร้อย
                  และประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด ล้วนแต่ทำให้ผมต้องเก็บมาคิดทั้งที่ผมเป็นคนคิดเยอะมากอยู่แล้ว ในวันนี้ผมเปลี่ยนไปในมุมมองของความรัก
แต่ผมก็เป็นคนคิดเยอะอยู่แล้วนะครับ ย้ำนะครับว่าคิดเยอะ แต่ไม่ได้คิดมาก มันไม่เหมือนกันนะ ทุกวันนี้ ผมคิดแค่ว่า ถ้าเรามีแฟน ถึงตอนนี้ ต่อให้คนที่มาชอบผม
จะแต่ววานมีลูกติดมาแล้วก็ช่าง หรือคนโสด ก็ได้ ขอแค่ให้เค้ารักเราจริงๆ เหมือนที่เราคิดว่าเราก็รักเค้าจริงๆ ไม่ต้องเป็นคนดีสำหรับผม   แค่คุณไม่ชั่วกับผม เหมือนที่ผ่านๆมาก็พอ   แต่เร่องที่ผมคิดเยอะกว่าคนในวัยเดียวกันหลายๆคน นั้น คุณต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่ามันเป็นความคิดของคนอายุ 24  อย่างม จริงๆแล้ว ผมคิดได้ตั้งแต่ เป็นช่างตัดผมแรกๆแล้วล่ะ ไม่ใช่เพราะผมมีความรักมาหลายครั้งนะ แต่ความรักแค่ไม่กี่ครั้งที่ผ่านมามันทำให้ผมคิดอะไรได้หลายเรื่อง
                  
                 การที่เราจะรักกับใครซักคนนึงได้นั้น มันไม่ได้รักกันแค่สองคนนะ  เพราะถ้าเราคิดจะรักเค้าแล้ว เราต้องรักครอบครัวของเค้าด้วย และเช่นเดียวกัน ก็ต้องคิดว่าเค้าจะรักครอบครัวเราด้วยมั้ย เพราะชีวิตเรา ไม่ได้อยู่กันแค่สองคน แต่ยังมีญาติทั้งฝั่งเค้า และฝั่งเรา ให้ดูแล ครอบครัวจะใหญ่ขึ้นและมีความสุข
  แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปดูแลญาติเราทุกคนหรอกนะ แค่ปรับตัวให้เข้ากับเค้าได้ก็พอ      จะได้ไม่เกิดปัญหาระหองระแหงขึ้นตามมาในภายหลัง
คำพูดผม มันอาจจะดูเหมือนคนโบราณคร่ำครึ นะครับ แต่มันมาจากความคิดของผม มาจากคนที่มีอายุแค่ 24 เท่านั้น มาจากช่างตัดผม ที่อดีตเคยพัง แต่จะดำเนินชีวิต ไปอย่างไร ได้ ถ้าเรายึดติดกับอดีต  ตอนนี้ผมก็รอแค่ ใครสักคน ที่จะเข้ามาในชีวิต เพื่อทำให้ชีวิตนั้นมีสีสัน ขึ้นมา
    
                  ผมทำใจได้เพราะผมออกมาทำงานที่อื่น ไม่ได้อยู่ที่เดิมเหมือนแต่ก่อน มาเป็นชางตัดผมแบ่งเปอร์เซ็นต์ อยู่ในเมืองที่มีความเจริญระดับนึง แต่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองเลยหรอกนะครับ  นอกมานิดนึง รายได้ก็พอดีกว่าอยู่ที่บ้าน  
                  หลายคนอาจจะสงสัยว่า ถ้าดีขนาดนี้ทำไมถึงโดนทิ้งใช่มั้ยครับ ก็อย่างที่บอกล่ะครับ  คนราถ้ารู้ว่าเรามีข้อเสียข้อผิดพลาดตรงไหน เมื่อเราหาเจอ ข้อผิดพลาดนั้นและยอมรับที่จะแก้ไขมัน ผมถือว่าเป็นเรื่องดีนะ อย่างน้อย ก็ไม่กลับไปเป็นแบบเก่าอีก
                  และถ้าถามว่าไม่มีใครมาจีบบ้างหรอ ตอบเลยว่า ไม่มีเลยครับ เพราะผมมาอยู่ที่นี่คนเดียว ในเมืองที่เต็มไปด้วยความอันตรายมากมาย  ผมแทบไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนกะเค้าเลย ขนาดอยู่ในจังหวัดที่มีที่ท่องเที่ยวเป็นทะเลนะ ผมยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย เพราะผมกลัวที่จะต้องไปไหนคนเดัยว มันเสี่ยงอันตรายเกินไปกับเมืองนี้ แล้วเป็นช่างตัดผมชาย ก็มีแต่ลูกค้าชายเท่านั้นที่มาตัดผม จะมีสวยหน่อยก็มีแต่คนที่พาลูกตัวเองมาตัดผมเท่านั้น 5555
                
                    สุดท้ายนี้ ก็รอแต่ว่า เม่อไหร่จะมีคนที่เข้าใจกัน หรือคนที่คิดแบบผม เหมือนกันแบบนี้ หลังไมค์มาคุยกันได้นะครับ  ผมยังไม่แก่นะ แต่คสามคิดผมอาจจะดูผู้ใหญ่ไปหน่อย  อายุจะมากกว่าน้อยกว่ากัน ไม่เป็นปัญหา ขอแค่คุยดันเข้าใจก็พอ  
      
                       ตกลงผมตั้งหัวข้อกระทู้ผิดหรือเปล่าว้าาาา    5555   อดีตเคยพัง ปัจจุบันเลยกลัว  หรือมุมมองทางความรักกันแน่ ?????

                             ขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่อ่านเรื่องราวชีวิตของผมมาจนจบ และหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจในสิ่งที่ผมได้เขียนมาให้ท่านอ่านเป็นตัวอักษรและผมขอรับรองว่านี่เป็นเรื่องจริงของชีวิตผมจริงๆ ไม่ใช่เรื่องแต่งแน่นอนครับ    
                                                                                                               ขอบคุณครับ    
   แสดงความเห็นได้นะครับ หลังไมค์ก็ได้ ผมรออ่านอยู่   นะครับ  อยากรู้เหมือนกันว่าตัวตนของผมในมุมมองของท่านนั้น ผมเป็นคนอย่างไร ????
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่