เนื่องจากเราได้ใช้บริการรถเมล์เพื่อมาทำงานตอนเช้า วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว หลังจากไม่ได้ขึ้นรถเมล์ตอนเช้ามาเป็นสิบปี คือปรกติเราขับรถไปทำงานแต่ช่วงนี้รถเสีย ซ่อมประมาณ 3-4 วัน และด้วยความงกเพราะเห็นช่วงนี้รถติดเลยไม่ยอมเสียค่า Taxi เลยตัดสินใจว่าจะขึ้นรถเมล์ไปทำงาน
ขั้นแรก : ต้องตื่นเช้าขึ้น เพื่อรถจะได้ยังไม่ติดและคนไม่แน่นจนเกินไป สรุป ตื่นตี 5 หน้าไม่ต้องแต่งเดี๋ยวจะสาย ออกจากบ้าน 5.40
ขั้นสอง : เมื่อถึงป้ายรถเมล์ มองหาสายที่จะไป แต่ไม่เห็นมีป้ายบอก (คือเวลาเราอยู่ ตปท.จะมีป้ายบอกค่อนข้างละเอียด สายไหนไปไหน) เอาวะเอาที่จำได้ ดั๊น...จำได้อยู่สายเดียว รอสายที่ชัวร์ละกัน...............
ขั้นสาม : รถเป้าหมายมาแล้ววววว เรารีบโบกมือแต่ไกล เมื่อรถมาใกล้ถึงเรา แต่รถดันไม่จอดสนิท (งงเลย) รถแค่ชะลอตัว เราต้องรีบกระโดดขึ้นก่อนรถจะ ไป ฮึ๊บ...(รอด) ขึ้นรถได้อย่างปลอดภัย ใจเราก็คิดว่า หูย คนขึ้นรถเมล์แบบนี้ทุกวัน ขาจำเป็นต้องแข็งแรงมากอ่ะ
ขั้นสี่ : ข้อนี้เล่นเรามึนมาก คือ เราอยู่บนรถแล้ว แถมเช้านี้ฝนตกปรอยๆ แต่เราไม่รู้เลยว่ารถแล่นไปถึงไหนแล้ว ที่กระจกหน้าต่างข้างรถทั้งซ้าย ขวา และด้านหลัง มีฟิลม์อะไรไม่รู้บางๆติดเต็มรอบคันเลย จะมีใสมองออกไปเห็นก็แค่ด้านหน้าคนขับ กับเวลาที่เค้าเปิดประตูเมื่อถึงป้าย แต่คนบนรถก็เริ่มเยอะแล้ว จะมองออกไปก็ลำบาก แต่คนบนรถเมล์ก็สามารถลงรถกับถูกป้ายมาก (งงเลย รู้ได้ไง ว่าถึงไหนแล้ว) บนรถก็ไม่มีบอกว่ารถถึงไหนแล้ว

แถมคนขับก็บอกให้ลุกเลย ลุกเลย ลุกก่อนถึงป้ายนะ (แล้วนี่มันถึงไหนแล้วเนี่ย) สุดท้ายด้วยความเดาและจินตนาการเอาเองว่าน่าจะใกล้ละ เลยลุกมายืนใกล้ๆประตู พอประตูเปิดก็ร้องอ๋อ......อีก 2 ป้าย ทีนี้ก็คอยนับละ ว่าจอดป้ายที่ 1 อ้อ...จอดป้ายที่ 2 ลงได้
พอลงรถมาได้นี่ โหย สนุกอ่าาาา แต่ต้องขอชมเลย คนที่ขึ้นรถเมล์นี่สมองต้องไว ขาแข็งแรง

ปล.ไม่รู้แท๊กผิดห้องบ้างรึเปล่า ถ้าผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ ปรกติสิงแต่ห้องแป้งกับบลู
ถึงคุณ : ที่ขึ้นรถเมล์เพื่อมาทำงานตอนเช้าทุกคน คุณเป็นคนที่เก่งมาก
ขั้นแรก : ต้องตื่นเช้าขึ้น เพื่อรถจะได้ยังไม่ติดและคนไม่แน่นจนเกินไป สรุป ตื่นตี 5 หน้าไม่ต้องแต่งเดี๋ยวจะสาย ออกจากบ้าน 5.40
ขั้นสอง : เมื่อถึงป้ายรถเมล์ มองหาสายที่จะไป แต่ไม่เห็นมีป้ายบอก (คือเวลาเราอยู่ ตปท.จะมีป้ายบอกค่อนข้างละเอียด สายไหนไปไหน) เอาวะเอาที่จำได้ ดั๊น...จำได้อยู่สายเดียว รอสายที่ชัวร์ละกัน...............
ขั้นสาม : รถเป้าหมายมาแล้ววววว เรารีบโบกมือแต่ไกล เมื่อรถมาใกล้ถึงเรา แต่รถดันไม่จอดสนิท (งงเลย) รถแค่ชะลอตัว เราต้องรีบกระโดดขึ้นก่อนรถจะ ไป ฮึ๊บ...(รอด) ขึ้นรถได้อย่างปลอดภัย ใจเราก็คิดว่า หูย คนขึ้นรถเมล์แบบนี้ทุกวัน ขาจำเป็นต้องแข็งแรงมากอ่ะ
ขั้นสี่ : ข้อนี้เล่นเรามึนมาก คือ เราอยู่บนรถแล้ว แถมเช้านี้ฝนตกปรอยๆ แต่เราไม่รู้เลยว่ารถแล่นไปถึงไหนแล้ว ที่กระจกหน้าต่างข้างรถทั้งซ้าย ขวา และด้านหลัง มีฟิลม์อะไรไม่รู้บางๆติดเต็มรอบคันเลย จะมีใสมองออกไปเห็นก็แค่ด้านหน้าคนขับ กับเวลาที่เค้าเปิดประตูเมื่อถึงป้าย แต่คนบนรถก็เริ่มเยอะแล้ว จะมองออกไปก็ลำบาก แต่คนบนรถเมล์ก็สามารถลงรถกับถูกป้ายมาก (งงเลย รู้ได้ไง ว่าถึงไหนแล้ว) บนรถก็ไม่มีบอกว่ารถถึงไหนแล้ว
แถมคนขับก็บอกให้ลุกเลย ลุกเลย ลุกก่อนถึงป้ายนะ (แล้วนี่มันถึงไหนแล้วเนี่ย) สุดท้ายด้วยความเดาและจินตนาการเอาเองว่าน่าจะใกล้ละ เลยลุกมายืนใกล้ๆประตู พอประตูเปิดก็ร้องอ๋อ......อีก 2 ป้าย ทีนี้ก็คอยนับละ ว่าจอดป้ายที่ 1 อ้อ...จอดป้ายที่ 2 ลงได้
พอลงรถมาได้นี่ โหย สนุกอ่าาาา แต่ต้องขอชมเลย คนที่ขึ้นรถเมล์นี่สมองต้องไว ขาแข็งแรง
ปล.ไม่รู้แท๊กผิดห้องบ้างรึเปล่า ถ้าผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ ปรกติสิงแต่ห้องแป้งกับบลู