คนขี้แพ้ ๑๒ มิ.ย.๕๙

บันทึกของผู้เฒ่า

คนขี้แพ้


        เมื่อก่อนที่ผมจะเกษียณอายุราชการ ผมคิดว่าชีวิตของผมมีแต่ความพ่ายแพ้ ไม่เคยชนะอะไรเลย ตั้งแต่เด็ก ครูใหญ่โรงเรียนชั้นประถมเตยประมาทว่า คนอย่างเธอต่อไปคงจะทำอะไรไม่สำเร็จหรอก ผมจำไม่ได้ว่าทำผิดอะไร ท่านจึงได้ว่าเช่นนั้น แต่ก็เห็นผลเมื่อเรียน มัธยมปีที่ ๖ จบหลักสูตรชั้นมัธยมปลาย  ผมสอบตก

        แต่ผมก็แก้ตัวว่า ผมมีเวลาเรียนน้อย มัวแต่ไปขายขนมเลี้ยงชีวิต และได้ใบสุทธิแค่ชั้นมัธยมปีที่ ๔ เพราะข้ามชั้น ไม่ได้เรียน ม.๕ เนื่องจากมัวอพยพหลบภัยทางอากาศ ยามสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทั้งปี

        การกีฬาที่โรงเรียน ผมเล่นอะไร แข่งขันอะไร ก็แพ้เขาทุกครั้ง อยู่บ้านเล่นโปลิศจับขโมย เป็นขโมยก็ถูกจับได้ทุกที แต่พอเป็นโปลิสก็ไม่เตยจับขโมยได้สักที แม้แต่เล่นไพ่โกยก็ไม่เคยชนะใคร ผมจึงไม่ชอบการแข่งขัน และการพนันทุกชนิด แม้แต่สลากกินแบ่ง หรือหวยใต้ดินบนดิน

        ออกจากโรงเรียนอยากจะเป็นทหารเรือ ก็ว่ายน้ำไม่เป็น พอดีแม่ป่วยหนักปีเกณฑ์ทหาร ต้องขอผ่อนผันรักษามารดาที่มีลูกชายคนเดียว แล้วก็บวชให้แม่ พอสึกออกมา แม่ก็ตาย พอดีเกิดสงครามเกาหลี ก็เลยสมัครเป็นทหารราบ แต่พดดีสงครามเลิกมีการเจรจาสงบศึก เขาก็งดรับสมัครไปสงครามเกาหลี จึงคิดจะเอาดีทางทหาร เพราะอยากเป็นนักเขียน แต่เขียนมา ๑๐ ปีแล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จ จึงสมัครเรียนหลักสูตรนักเรียนนายสิบ ทหารสื่อสาร เพราะเขารับตั้งแต่นักเรียนที่จบแค่ ม.๓ เท่านั้น

        ผมเพิ่งประสบความสำเร็จครั้งแรกในชีวิต ก็คือสอบได้เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ได้ติดยศ สิบโท ไม่ต้องเป็น สิบตรี ก่อน เมื่อรับราชการเป็นนายทหารประทวนมาอีก ๑๕ ปี เป็น จ่าสิบเอก ก็สอบเลื่อนเป็นนายทหารสัญญาบัตรได้    ที่ ๑ ในจำนวนผูที่เข้าสอบ ๒๐๐ คน และเขาต้องการเพียง ๕ คนเท่านั้น

        คราวนี้ได้ยศ ร้อยโท โดยไม่ต้องเป็น ร้อยตรี ก่อน เพราะเงินเดือนเข้าขั้นแล้ว และปีต่อมาก็ถูกสลากออมสินรางวัลที่ ๑ ได้เงินเป็นแสน จนชักสงสัยว่า ชีวิตคงจะไม่เป็นไปตามคำทำนายของคุณครูใหญ่ที่ว่านั้นแล้วกระมัง

        แต่สิ่งเลวร้ายที่ติดตัวมาจนถึงเดี๋ยวนี้ ก็คือการกินเหล้า ผมกินเหล้าเป็นตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี เมื่อทำงานเป็นกรรมกรใช้แรงงาน อยู่ที่กรมพาหนะทหารบก และกินมาจนถึงปีเกณฑ์ทหาร ผู้หญิงที่รักเขาเป็นคนแรกในชีวิต ก็แต่งงานไปกับเสมียนธนาคารคนหนึ่ง ซึ่งผมไม่ได้แพ้เขาเพราะ จนอย่างเดียว แต่เพราะเป็นคนกินเหล้าด้วย ผู้หญิงเขาจึงไม่ได้สนใจเลย

        ตั้งแต่นั้นผมก็กินเหล้ามากขึ้น จนเป็นนายสิบขี้เมา แต่ก็ได้แต่งงานกับนายสิบหญิง ที่เขาไม่รังเกียจคนกินเหล้า จนเป็นนายทหารขี้เมา ได้ทำงานทางสถานีโทรทัศน์ก็เป็น คนกล้องขี้เมา จนมาเป็นนายพันขี้เมา จึงได้กลับไปเป็นรองหัวหน้าฝ่ายขี้เมาต่อไปจนเกษียณอายุราชการ โชคดีที่ผูบังคับบัญชาโดยตรง ท่านเห็นว่ามีผลงานถูกใจท่านมาทุกท่าน จึงได้รับความกรุณาให้บำเหน็จประจำปี ๒ ขั้น หลายครั้ง ไม่มีความผิดให้แป้กเลย จนอีก ๒ ปีจะเกษียณอายุ จึงได้เลื่อนเป็น พันเอก รุ่นสุดท้ายที่ไม่มีปริญญา เป็นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตราชการ นึกอยากจะไปกราบคุณครูใหญ่ข้างต้นนั้นให้ท่านช่วยยินดีด้วย ท่านก็เสียชีวิตไปนานแล้ว

        เมื่อพ้นจากชีวิตมนุษย์เงินเดือน มาเป็นมนุษย์บำนาญแล้ว ก็ยึดการเขียนหนังสือเป็นอาชีพหลัก เหมือนเมื่อหนุ่ม ๆ อีกครั้งหนึ่ง เพียง ๖ ปีก็มีผลงานเรียบเรียงวรรณคดีเรื่อง สามก๊ก ของท่านเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ร่วม ๓๐๐ ตอน และพงศาวดารจีนเรื่องอื่น ตลอดจนพงศาวดารไทย เรื่องสั้น และเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ อีก หลายร้อยชิ้น จนกระทั่งได้รับการพิมพ์รวมเล่มครั้งแรกในชีวิต คือสามก๊กฉบับลิ่วล้อหนึ่งชุด ๓ เล่ม และได้รับการพิมพ์ต่อมาอีก ๑๐ ปี รวมทั้งหมด ๙ เล่ม จนสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ให้รางวัลปลอบใจในฐานะที่เขียนหนังสือ หลังเกษียณอายุราชการมาถึง ๒๓ ปีคือรางวัล นราธิป เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๖ อายุ ๘๒ เข้า ๘๓ ปี ซึ่งเป็นความสำเร็จสุดยอดในการเขียนหนังสือ เช่นเดียวกับที่ได้เป็น พันเอก ซึ่งเป็นสุดยอดในความสำเร็จของคนที่เริ่มจากพลทหาร

        แล้วก็เป็นนักเขียนขี้เมาต่อมาจนถึงปัจจุบัน เมื่ออายุ ๔๔ ปีผมกินเหล้าและสูบบุหรี่มาพร้อม ๆ กันเป็นเวลา ๓๘ ปีแล้ว ก็เลิกกินเหล้า และสูบบุหรี่ แต่ยังแอบไปกินเบียร์ผสมโซดาต่อมาอีก เพราะหมอบอกว่าเป็นโรคตับ โดยไม่ได้เปลี่ยนไปสูบกัญชา ดื่มเบียร์ตอนยังไม่แก่ได้ปริมาณสูงสุดวันละ ๔ ขวด แล้วก็ค่อย ๆ ลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น จนถึงอายุ ๗๐ กว่าปี จึงเหลือวันละหนึ่งกระป๋อง เว้นวันที่มีการเลี้ยงในงานต่าง ๆ และสังสรรค์ประจำเดือน ๆ ละ สองครั้งตลอดปี  จึงได้พบว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน ซึ่งเดิมเข้าใจว่าเป็นแขนงหนึ่งของโรคกระเพาะอาหาร มีอาการแสบท้องเมื่อหิว และจุกลิ้นปี่เมื่ออิ่ม ได้พบหมอและส่งไปตรวจลำไส้ กับกระเพาะอาหาร ด้วยการเอากล้องจิ๋ว สวนทวาร และแหย่จากลำคอลงไปถ่ายรูปสองครั้ง หมอก็ว่าไม่มีแผลหรืออะไรที่ร้ายแรงกว่าการอักเสบ จากพิษชองแอลกอฮอล์ที่กินมาเป็นเวลายาวนาน และให้ยามากินประจำ แต่ก็ยังไม่เลิกการกินเบียร์ทุกวัน อย่างน้อยหนึ่งกระป๋อง เอาใจกิเลสหรือพยาธิในกระเพาะ

        ผมเคยมีการวางแผน งดกินแอลกอฮอล์เมื่อรับศีลห้า ในวันอาทิตย์จากวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๕ แต่ก็มีมารมาชวนให้ละเมิด อยู่เสมอจนงดได้ไม่ถึงปีละ ๔๐ ครั้ง และต่อมาเพื่อไม่มีแรงเดินทางไปถึงวัดนี้ ก็พยายามงดกินในวันพระ แต่ก็ลืมบ้างอะไรบ้าง จนต้องเว้นเหมือนกัน

        จนกระทั่งวันหนึ่ง กินเกาเหลาเนื้อเปื่อยกับข้าวเปล่า ที่ร้านในตลาดเทเวศร์ด้านสี่เสา เกิดติดคอกลืนข้าวไม่ลง คายก็ไม่ได้ ต้องออกไปยืนรอที่ริมคลองเตรียมอาเจียน แต่ก็ไม่อาเจียน จึงเข้าไปซื้อน้ำอัดลมจากในร้านเซเว่น มาดูดทีละน้อย สักพักจึงค่อย ๆ เรอออกมา แล้วอาการใกล้จะเป็นจะตายก็หายไป ต่อมาจึงต้องระวังการกิน ไม่กินของหนียวของแข็ง หรือกินข้าวทีละน้อย ๆ เพราะเป็นบ่อยขึ้น จนกระทั่งเป็นเมื่อกินอาหารเช้าที่โรงอาหาร ในโรงพยาบาล ที่ไปตรวจผู้สูงอายุเป็นประจำ  หมอก็แนะนำยาน้ำขนานใหม่ให้กินทันทีเวลาเป็นแบบนี้ ซึ่งของเขาก็ได้ผลชะงัดจริง ๆ อาการจะหายไปภายใน   ๕ นาที ก็พ้นความทรมาน แต่ยานั้นขวดเล็กนิดเดียว โตกว่ายาประเภทยาชูกำลังขวดสีดำสักเท่าเดียว ราคาขวดละ ๒๐๐ บาท แบ่งดื่มได้ไม่กี่ครั้งก็หมด

        จนกระทั่งวันหนึ่งเหตุเกิดเมื่อกินข้าวมื้อเย็นที่บ้าน ทั้ง ๆ ที่เป็นข้าวต้ม ก็ติดคอผะอืดผะอมอยู่พักหนึ่ง ยาก็หมดขวด กินน้ำอัดลมก็ไม่หาย จึงบอกลูกชายออกไปซื้อเบียร์มาให้กระป๋องหนึ่ง พอดูดเข้าไปอึกเดียวอาการก็ทุเลาลง เลยดูดต่อไปจนหมดกระป๋อง ก็สบายดีเหมือนไม่ได้เป็นอะไรมาก่อน

        เจ้ากิเลสในจิต และพยาธิในกระเพาะ คงจะดีใจไชโยโห่ร้องฉลองกันใหญ่ ต้อนรับยาใหม่ที่ราคาถูกกว่ายาที่กินประจำหลายเท่า ตั้งแต่บัดนั้นก็เลยหามากินเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่มื้อเย็น จนเลื่อนขึ้นเป็นมื้อกลางวันด้วย อ้างว่าเป็นการป้องกันล่วงหน้าก่อนเกิดอาการดังกล่าว ซึ่งก็ได้ผลจริง จนกลับไปกินเบียร์ทุกวันอย่างเดิม จนอายุย่างเข้าปีที่ ๘๖

        ผมเอาชนะโรคภัยที่รบกวนทุกวันอยู่ได้ไม่เท่าไร ก็เกิดอาการชนิดใหม่ขึ้นมา คือมีอาการมวนท้องคลื่นไส้ ก่อนที่จะกินอาหารทุกมื้อ แม้แต่มื้อเช้าด้วย ถ้าขืนกินเบียร์ป้องกันไว้ก่อนตามสูตรชองกิเลส ก็จะกลายเป็นคนกินแอลกอฮอล์ทั้งวัน เหมือนคนสูงอายุในสมัยก่อน ที่เคยเห็นเมื่อเด็ก ๆ ว่าจะต้องโอกอ้ากก่อนกินข้าวทุกมื้อ และถ้าได้ยาเข้าไปกรึ๊บหนึ่ง ทั้งที่หกเรี่ยราดเพราะมือสั่นกว่าจะยกถึงปากได้ อาการนั้นก็จะหายไป กินข้าวกินปลาอร่อย จนกลายเป็นโรคติดสุราเรื้อรังไปเยอะแยะแล้ว

        เมื่อทำอย่างนั้นมาได้หลายเดือนเข้าก็ได้สติว่า รู้แล้วทำไมไม่แก้ไข จนกระทั่งวันหนึ่ง เป็นวันพระ ตั้งใจว่าจะสมาทานศีลห้า ตั้งแต่เช้าวันนั้น จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นให้เหมือนเดิมที่เคยทำมา เมื่อไปวัดชลประทานรังสฤษดิ์ แต่เดี๋ยวนี้ได้แค่ฝากเงินแม่บ้านไปทำบุญที่วัดบุรณศิริมาตยาราม อันเป็นวัดที่เคยบวชเรียนเมื่อก่อนแม่จะเสียชีวิต

        แต่มารก็มาผจญอย่างเคย คือเริ่มมวนท้องคลื่นไส้ ทำท่าจะอาเจียนตั้งแต่ก่อนอาหารมื้อกลางวัน ก็ลองกินยาธาตุน้ำแดงขององค์การเภสัชกรรม ไปหนึ่งจอกประมาณสองช้อนโต๊ะ เมื่ออาการทุเลาลงก็รีบกินข้าวต้มให้อิ่ม ก็พอค่อยยังชั่วไปได้ ดีใจว่าสามมารถทำได้ โดยไม่ต้องพึ่งแอลกอฮอล์แล้ว

        พอถึงมื้อเย็นตั้งใจว่าจะทำอย่างมื้อกลางวัน พอมีอาการมวนท้องก็เตรียมจะกินยาธาตุ แต่เหลือบไปมองเห็นเบียร์ยังเหลืออยู่อีกกระป๋องหนึ่ง ใจก็คิดว่าจะเหลือไว้ทำไม จัดการเสียให้หมดไป เริ่มต้นพรุ่งนี้จะได้ปลอดโปร่ง ไม่มีอุปสรรคมาขัดขวาง ให้เปลี่ยนแปลงความตั้งใจอีก

        มือเริ่มหยิบน้ำแข็งจากกระติกใส่แก้วใหญ่ที่ใช้ประจำ พอหูได้ยินเสียงฝากระป๋องเบียร์เปิดดังป๊อก ผมจึงได้สติว่า

        ยกนี้ผมแพ้จนได้.

#########

๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๙
เวลา ๑๔.๕๐ น.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่