เรื่องเก่าเล่าอดีต ๒๕ มี.ค.๕๖

กระทู้สนทนา
เรื่องเก่าเล่าอดีต ๒๕ มี.ค.๕๖

เรื่องของเพื่อน

“ เพทาย “

        ในกระบวนเพื่อนนักเรียนนายสิบของผม  ซึ่งคบหากันมาอย่างสนิทชิดเชื้อ  จนกระทั่งถึงเกษียณอายุด้วยกันนั้น  มีอยู่คนหนึ่งซึ่งมีจิตใจซื่อตรงมั่นคงต่อเพื่อน  ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้ว่าช่วงเวลากว่าสามสิบปีที่ผ่านมา  จะทำให้ฐานะความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของเพื่อนแต่ละคน  ต้องแตกต่างกันออกไปอย่างมากมาย  ทั้งในทางเจริญและทางเสื่อมก็ตาม  เราเรียกเขาว่านายหงอก  เพราะเมื่อหนุ่ม ๆ ผมของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนสีจากดำเป็นเทาแล้วก็เป็นสีขาวเกือบเต็มศรีษะ  แต่พอเกษียณอายุแล้วเดี๋ยวนี้ผมของเขากลับดำ เหลือแต่คิ้วเท่านั้นที่ปล่อยให้ขาวโพลน  เขาจึงเป็นนายหงอกของเราตลอดมา

        เขาเป็นคนอารมณ์ดีไม่เคยโกรธเคืองใคร  และไม่เคยเดือดเนื้อร้อนใจในความไม่ก้าวหน้าของชีวิตราชการ  เขาเป็นนายสิบอาวุโสอยู่จนกระทั่งใกล้จะเกษียณ  จึงได้เลื่อนเป็นนายทหารยศร้อยตรี  ในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันบางคน เป็นถึงพันเอกพิเศษก็มี  หน้าที่หลักของเขาก็คือพลขับรถ  ดังนั้นในยามว่างราชการเขาก็หารายได้พิเศษ  ด้วยการขับรถสองแถวเล็กรับส่งผู้โดยสารในย่านใกล้เคียงกับที่ทำงานของเขา  เพราะเขามีบ้านพักของทางราชการอยู่ในหน่วยนั้นเอง ซึ่งอยู่มาตั้งแต่เข้ารับราชการจนถึงบัดนี้  เพิ่งจะคิดย้ายเมื่อลูกสาวได้บรรจุเข้ารับราชการเป็นนายทหารหญิงนี่เอง  และก็เป็นบ้านของทางราชการอีกเช่นเคย

        เขาโชคดีที่เจ้านายเมตตาเห็นว่าเป็นคนสันโดษ  ไม่ต้องการที่จะเป็นนายทหารสัญญาบัตร  จึงส่งตัวไปช่วยราชการพิเศษหลายครั้งหลายหน  ภายในประเทศทั่วทั้งภาคใต้ภาคกลางและภาคอิสาน  นอกประเทศก็ไปสงครามเวียตนาม และเขมรก่อนที่เขมรแดงจะเข้ามายึดครอง  และจากเมืองเขมรนี้เอง ที่เขาได้เอาเหล้าเสือสิบเอ็ดตัวของจริงมาฝากพวกเราได้ลิ้มลอง การไปราชการบ่อย ๆ   ทำให้เขามีเงินเพิ่มพิเศษในการสู้รบ  บวกกับเงินเดือนที่รับประจำแล้ว  อยู่ในระดับนายพัน  เขาจึงไม่มีความเดือดร้อนในการครองชีพแต่อย่างใด  

        เขาไม่ใช่คนคอเหล้า  แต่สามารถคบกับพวกผม  ซึ่งกินเหล้าได้ทุกวันเวลาและสถานที่อย่างสนิทสนม  ส่วนมากเขาจะยอมให้เพื่อนชงวางไว้ตรงหน้าแก้วหนึ่ง  แล้วเขาก็ค่อย ๆ จิบไปจนเลิกรา  ใครจะเติมให้อีกเขาก็จะเอามือปิดปากแก้วไว้  พวกเราหลายคนเคยพยายามที่จะให้เขากินเหล้าให้ทันเพื่อน  ไม่เคยสำเร็จเลย  เนื่องจากเขาเป็นคนแข็งแรงล่ำสัน  และมีพละกำลังเข้มแข็ง  ไม่มีใครปล้ำกับเขาได้  แม้ในเวลาที่ไปทัศนาจรตามภูมิประเทศต่าง ๆ ที่เพื่อน ๆ เมากันหัวทิ่มหัวตำ  เขาพอใจเขาก็จะกิน  ถ้าไม่พอใจจะกินก็อย่าไปบังคับเขา  เวลาพบกันในกลุ่มของเรา  เขาจะมีเรื่องราวที่สนุกสนาน  มาเล่าให้ฟังเสมอ ไม่เคยเห็นเขามีเรื่องกลุ้มใจหรือเสียใจในเรื่องใด ๆ เลย  เพราะเขามีอารมณ์ขันเหลือเฟือ  

                       อย่างเมื่อตอนหนุ่มมากเขาตัดสินใจบวช  ที่วัดกลางปากน้ำสมุทรปราการ  เมื่อเพื่อนไปร่วมงานตามเวลาในบัตรเชิญ  ปรากฎว่าไม่มีการจัดพิธีรีตอง หรือเครื่องประกอบการอุปสมบทเหมือนอย่างงานทั่วไป ไม่มีแขกเหรื่อมาร่วมพิธี  และเขายังไม่ได้โกนผมด้วยซ้ำ  แล้วดันถามว่าพวกเราไปไหนกัน  เล่นเอาต้องมองหน้ากันเลิ่กลั่ก  ว่าเขาจะบวชจริงหรือเปล่า

        อีกครั้งหนึ่งเขาโทรศัพท์ไปชวนเพื่อนฝูง  ให้ไปกินข้าวต้มกันในค่ำวันหนึ่ง  เมื่อถามว่าที่ร้านไหน  เขาตอบเสียงปกติธรรมดาว่า  ศาลา ๘ วัดตรี  เมื่อไปถึงปรากฎว่าเป็นงานสวดพระอภิธรรมศพลูกชายคนโตของเขา  ซึ่งเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร  อย่างนี้ก็มีด้วย

        ในวงเหล้าของเรา  นายหงอกจะมีเรื่องมาเล่าอยู่เสมอ  ซึ่งบางทีก็อาจจะซ้ำกับเรื่องขำขันของไทยบ้างฝรั่งบ้าง  แต่เขาก็เล่าให้เพื่อนหัวเราะได้เสมอ  ทั้ง ๆ ที่บางคนเคยได้ฟังมาแล้วก็ตาม  ในสมัยที่พวกลูก ๆ ของเราผ่านการเรียนชั้นมัธยมศึกษาแล้ว  กำลังจะเข้าไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา  คนนั้นก็คุยว่าลูกของตนสอบติดที่นั่นที่นี่  มหาวิทยาลัยก็มี  สถาบันเทคโนโลยีก็มี  สถาบันฝึกหัดครูก็มี  นายหงอกยังเหลือแต่ลูกเล็กก็คุยบ้างว่า  เพื่อนนายสิบข้างบ้านของเขาคนหนึ่งซึ่งผมรู้จัก ลูกเขาก็ติดเหมือนกัน  ถามว่าที่ไหนเขาบอกว่าสามพราน  เมื่อไล่เรียงต่อไปก็ปรากฎว่าไม่ใช่นักเรียนนายร้อยตำรวจ  แต่ติดที่โรงพัก ดูเหมือนเขาหาว่าขายยาบ้าซึ่งสมัยนั้นเรียกว่ายาม้า

        พอมาถึงสมัยเศรษฐกิจตกต่ำ  จนสถาบันการเงินต้องล้มระเนระนาดไปเป็นแถว  ผู้คนตกงานเป็นหมื่นเป็นแสน  เพื่อน ๆ ก็ปรารภถึงพวกลูก ๆ ว่าต้องว่างงานไปตาม ๆ กัน บ้างก็ทำงานธนาคาร  บ้างก็อยู่บริษัทประกันภัย  บางคนก็ทำงานเป็นนายหน้าขายรถยนต์  หรือบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า  ต่างก็ต้องออกมาเตะฝุ่น  ได้รับผลกระทบในด้านการครองชีพกันทั่วหน้า  นายหงอกก็คุยว่าเพื่อนบ้านของเขาอีกคนหนึ่ง  ลูกชายเรียนช่างไฟฟ้าเหมือนกัน  แต่ไม่ได้ต่อระดับปริญญา  ไม่เห็นมันเดือดร้อนอะไร  เมื่อถามว่าเพราะอะไร  เขาตอบหน้าตาเฉยว่า  เห็นมันเที่ยวเอาไฟฟ้าช็อตปลาในคูข้างบ้านกินมั่งขายมั่ง  ไม่อดอยากเลย

        เรื่องที่เขาไม่ได้เล่าเพราะผมกับเพื่อนก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย  คือในกลางดึกของคืนหนึ่งที่เราเมากันอย่างเคย  ที่ร้านแถว ๆ หน้าวัดยี่ส่ายใกล้กับสี่แยกปิ่นเกล้าเดี๋ยวนี้  เมื่อช่วยกันเฉลี่ยค่าเหล้ายาปลาปิ้งเรียบร้อยจนเกือบจะหมดกระเป๋าด้วยกันแล้ว  ต่างก็จะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน  นายหงอกอยู่ไกลกว่าเพื่อนแถวท่าเรือคลองเตย  แต่มีสติดีกว่าเพื่อน  ได้กวักมือเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง  ซึ่งยังไม่มีการใช้มิเตอร์  และไม่ได้ติดแอร์  เขาชะโงกหน้าเข้าไปถามคนขับว่า  

                        “ โชเฟอร์  ไปท่าเรือมั้ย “  คนขับเห็นพวกเรามุงกันอยู่หลายคนเลยถามว่า

        “ ท่าเรือไหนครับ “  คงไม่แน่ใจว่าเราจะไปท่าเรืออยุธยา  หรือท่าเรือเมืองกาญจน์

        นายหงอกตอบเสียงดังฟังชัดว่า

        “ ท่าเรือคลองเตย “  คนขับยิ้มแป้นรีบรับคำทันที

        “  ไปครับพี่ “

        นายหงอกก็ยิ้มกว้างขวางเหมือนกันเมื่อบอกว่า

        “ ดีมาก  อาศัยไปด้วยคนซี่ “

        ผลปรากฎว่า คนขับรีบหุบยิ้ม  กระชากรถพรืดออกไปทันที  จนนายหงอกแทบหัวทิ่ม  เพื่อนหัวเราะกันครืน

        
                                                           ##########

ทหารปืนใหญ่
กรกฎาคม ๒๕๔๕


วางเมื่อ ๒๕ มี.ค.๕๖ เวลา ๒๐.๐๓
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่