จะบ้าเหรอแอบเผลอมีใจให้พี่ที่ทำงาน อายุห่าง 23 ปี !!!

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ นี่เป็นกระทู้แรกที่เราเขียน เราขอแทนชื่อตัวเองว่า " จิ๋ว " แล้วกันนะ จิ๋วเองโสดมาได้สองปีแล้วค่ะ

ส่วนพี่ชายคนนั้น เราขอแทนชื่อเขาว่า "พี่ใหญ่"  เรื่องราวของเราเริ่มเกิดขึ้นเมื่อเราได้มาทำงานในที่แห่งหนึ่ง ต้องเรียนรู้งาน

เพื่อนร่วมงาน และปรับตัวเข้าหาสิ่งใหม่ๆซึ่งก็เป็นเรื่องปกติแหละเนอะ ช่วง 3- 4 วันแรกก็เป็นช่วงอบรมเรียนรู้งานหยุมหยิมเยอะแยะ

ด้วยความที่เรายังใหม่ในที่นี้ เราก็แอบๆกังวล คิดมากนิดๆ แต่ด้วยนิสัยปกติเราจะเป็นผู้หญิงสายฮาถึงค่อนข้างบ้าค่ะ

ชอบทำให้คนอื่นหัวเราะ ชอบคิดคำประดิษฐ์ใหม่ๆมาพูดในกลุ่ม ซึ่งในกลุ่มเพื่อนๆเรียกได้ว่า เรานี่แหละโจ๊กตัวแม่ของกลุ่มเลยค่ะ

คำพูดคำจาก็อารมณ์ประมาณไลน์สาวประเภทสองสายฮาประมาณนั้นเลย เพราะฉะนั้นเวลาถ้าคิดมากเราก็จะไม่มาแสดงออกในที่ทำงาน

แล้วก็ไม่คิดนานด้วยค่ะ อาจจะมีแว๊บๆมาคิดบ้างนานๆครั้ง เวลาเหนื่อยและท้อ แต่การมาทำงานของเราในที่แห่งนี้จะเรียกว่าเริ่มเรียนรู้

เพื่อนร่วมงานใหม่ทั้งหมดทุกคนเลยก็ไม่ใช่ เพราะก็มีเพื่อนที่เราสนิทอยู่แล้วมาทำงานที่ด้วยเหมือนกัน

แหะๆ โชคดีอะพอมีคนเม้าท์คนแชร์ความรู้สึกด้วยนิดนึง แต่!! แต่!! แต่ !!! ด้วยความที่เราเป็นน้องใหม่แกะกล่องแหละมั้ง

เลยทำให้มีพวกพี่ๆที่ทำงานมาขายขนมจีบอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่ก็มาจีบแบบเสี่ยวๆค่ะ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้สนใจอะไรอะโน้ะ

เพราะว่าเพิ่งมาทำงานได้ไม่นานด้วย งานการก็ยังทำได้ไม่โปร มีความอยากโฟกัสงานก่อนนิดนึงแหละ คือตอนแรกคิดไว้แค่นี้ค่ะ

ก็เลย ผ่านนค่ะ!!!! บรัยส์ก่อนนะจ๊ะนังเด๋อ  แล้วเราก็มุ่งหน้าทำงานอย่างเดียวเลย ทำๆไปจนวันหนึ่งได้มีโอกาสมาทำงานร่วมกับ "พี่ใหญ่" คนนี้

แรกเห็นก็ไม่ได้ชอบอะไรนางหรอกค่ะ ใครจะไปคิดอะไรแบบนั้น ก็พี่เค้าอายุมากกว่าเราตั้งเท่าตัวนี่นา 5555555555555 จิ๋วไม่ได้อยากจะมา

หาเพื่อนให้พ่อนะคะ  แต่พอทำงานกะนาง ก็สัมผัสได้ว่านางเป็นคนใจดี แบบชิวๆสไตล์ และความใจดีของนางก็ไม่ใช่แค่ว่าดีแค่กับเรานะคะ

แต่นางดีแบบนี้กับเพื่อนร่วมงานทุกคนอยู่แล้วค่าาาา ละไอ่ที่จิ๋วบอกว่าพี่เค้านั้นดี ดี ดี ดี แล้วไงต่อ ดีแบบไหนอะไรยังไง อาจจะมีหลายคน

สงสัยใช่ปะ สั้นๆเลยนะคะ พี่เค้ามีน้ำใจมาก แต่ถ้าเอายาวๆ ก็คือพี่ใหญ่จะเป็นคนคอยสังเกตใส่ใจความรู้สึกเพื่อนร่วมงานทุกคนค่ะ จะคอย

ถามไถ่ ชอบทำนู่นทำนี่ ซื้อข้าวซื้อขนมให้น้องๆเพื่อนๆร่วมงาน รวมถึงกำลังใจมีให้เพื่อนร่วมงานตล้อตตลอด เรียกว่าเป็นพี่ที่ทุกคนที่ทำงานรัก

และเคารพเลยก็ว่าได้ แล้วไงคะ ด้วยความที่พี่เค้านิสัยแบบนี้ไงจิ๋วก็เลยประทับใจค่ะ มีความปลื้มปริ่มเป็นธรรมดา คนดีทัศนคติบวกใครๆก็ต้อง

ปลื้มถูกไหมคะ เราก็ทำงานด้วยกันผ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งนานวันจิ๋วก็ยิ่งประทับใจในความเป็นผู้ชายอบอุ่นของพี่เค้า  ก็ไม่ได้ชอบอะนะแต่ว่าแค่ปริ่ม

ใจที่ทำงานยังมีคนดีดี  จริงจริ้ง...


แต่!!! แต่ !!! แต่!!! อยู่มาวันหนึ่งค่ะ พี่ใหญ่เค้าก็เอ่ยกับจิ๋วในช่วงหลังเลิกงานว่า เอ้อ น้องจิ๋วแถวนี้มีร้านคาราโอเกะด้วยนะ เคยไปละยัง

มันมีทางลัดไปด้วย แล้วก็สาธยายทางลัดค่ะ เราก็แบบดี๊ด๊าค่ะ เฮ้ย! จริงเหรอคะพี่ใหญ่คือหนูชอบร้องคาราโอเกะมากๆเลย ดีเลยค่ะ

คือปกติเราเป็นสายร้องเพลงสากลหรือเพลงไทยระดับตัวแม่ เช่น บียอนเซ่ อาเรียน่า เจนิเฟอร์ คิ้ม นิว จิ๋ว

ตัวแม่คนไหนที่สายหวีดยกขบวนมากันให้หมดค่ะ งานไต่บันไดเสียงก็ต้องมา ร้องให้ปังกันไปข้าง

แล้วพี่ใหญ่เค้าก็บอกว่าเย็นนี้เดี๋ยวไปกันชวนเพื่อนๆกันไปด้วย เลยดี๊ด๊าขั้นขีดสุด หน้านี่บานเป็นจานดาวเทียม

แต่...สุดท้ายไม่ได้ไปค่ะ พี่ใหญ่อวตานหายร่างกลับบ้านไปในพริบตา ไม่มีการเซย์กู้ดบายใดใด เราก็เลยงอนค่ะ

แล้วคืนเดียวกันนั่นเองก็เลยคิดค่ะ คิดว่า เอ้ะ เราจะงอนพี่ใหญ่ทำไมวะเนี่ย พี่เค้าอาจจะมีธุรงธุระ

ละจำเป็นอะไรที่เค้าต้องมาเซย์กู้ดบายแกก่อนกลับบ้านยะ นังจิ๋ว!! พอด่าตัวเองไปได้สักพัก เริ่มหวั่นค่ะ เริ่มคิด ว่า

หรือว่า หรือว่าตอนนี้เรากำลังตกหลุมหนุ่มใหญ่เข้าให้แล้ว ไม่นะ นังจิ๋วแกจะมาหาเพื่อนให้พ่อจริงๆเหรอ

ลองคำนวณอายุพี่ใหญ่แล้วก็แบบ เว้ยเฮ้ย! นี่มันห่างกับเราตั้ง 23 ปีเลยนะเว่ย เธอจะรู้สึกหวั่นไหวแบบนี้ไม่ได้นะ

คิดไปคิดมานี่มันน้องพ่อคนเล็กของพ่อชัด ๆ เช้าวันรุ่งขึ้น จิ๋วเลยไม่คุยกับพี่ใหญ่เลยค่ะ พี่ใหญ่ถามอะไรจิ๋วก็ตอบแบบสั้นๆ แค่คำเดียว

พอถามมากๆเดินหนีเลยค่ะ แอบรู้สึกผิดนิดๆ  แล้ววันนั้นทั้งวันจิ๋วก็ทำงานของจิ๋วไปค่ะ จนเลิกงานเผอิญเจอพี่ใหญ่ระหว่างทางกลับบ้าน

พี่ใหญ่ก็ชวนไปร้องเกะค่ะ จิ๋วเองก็ลืมตัวค่ะ ด้วยคำว่าร้องเกะมันดังก้องอยู่ในหัว จังหวะนั้นลืมแอคลืมเก๊กท่าไปซะสนิทเลย

พี่ใหญ่พูดมางี้ ก็รีบไปสิคะ สรุปเดินตามพี่ใหญ่ไปค่ะ สักพักจิ๋วก็เลยถามว่าแล้วเพื่อนๆละคะ พี่ใหญ่ไม่ตอบค่ะ

คุยเรื่องอื่นจิปาถะไปจนถึงห้องคาราโอเกะ ระหว่างนั้นจิ๋วก็รู้ในใจละค่ะว่ามาสองคนสินะ อายก็อายเพราะปกติจิ๋วจะร้องเกะเฉพาะกับเพื่อนสาว

คนสนิทเท่านั้น เพราะจังหวะนั้นเราสามารถโอเปร่าได้เบอร์แรงสุด พีคสุดและสะใจสุดสุด แต่นี่มากะพี่ใหญ่แค่สองคน ก็อายสิคะถึงแม้จริงๆแล้ว

จิ๋วจะเป็นคนที่ไม่ค่อยอายอะไรเลย มันเกร็งอะค่ะ ร้องเพลงให้คนไม่คุ้นเคยฟัง สุดท้ายพี่ใหญ่ก็ให้จิ๋วประเดิมก่อนจากแรกๆมีเกร็งๆก็เริ่มปล่อยตัว

เองทีละนิดๆ หลังๆเราก็ร้องด้วยกันค่ะ พี่ใหญ่ร้องเพลงวัยรุ่นมาก ลืมบอกไปว่าพี่ใหญ่ไม่ใช่แค่ร้องเพลงฟังเพลงวัยรุ่นอย่างเดียวนะคะ

แต่การแต่งตัวการพูดจาก็ด้วย พอร้องเพลงเสร็จ พี่ใหญ่ก็พูดเรื่องหนังค่ะ เกริ่นถึงหนังเรื่องหนึ่งสนุกมากๆ เพิ่งเข้าโรงวันนี้ ไปดูมั้ย

ทุกคนคิดว่าจิ๋วไปไหมคะ ... จิ๋วไปค่ะ ไปแบบติสท์ๆเลย คิดว่าก็แค่ดูหนังค่ะ ดูเสร็จก็แยกย้าย แล้วไม่ได้คิดด้วยนะคะว่าพี่ใหญ่เค้าจะชอบเรา

เพราะอายุ เพราะนิสัยปกติพี่ใหญ่ใจดีกับเพื่อนร่วมงานทุกๆคนค่ะ เราก็ไปซื้อตั๋วเพื่อดูหนังที่ห้างห้างหนึ่งที่มีคนพลุกพล่านในใจกลางกรุง

แต่ระหว่างรอหนัง มีเวลาเหลือชั่วโมงนิดๆ ไม่มีอะไรทำ หิวข้าวค่ะ เลยไปกินข้าวฆ่าเวลากัน กินเสร็จได้เวลาดูหนังพอดี ระหว่างนั้นก็คุยนู่นนี่ขำ

ขันกันไป แล้วเวลาเข้าโรงหนังก็มาถึง มาสองคนก็ต้องนั่งติดกันอะเนอะ นั่งไปค่ะ พ่อก็คือพ่อ อ้อ ปกติเราเป็นลูกสาวที่สนิทกับคุณพ่อมากๆคะ

มีอะไรจะคุยไลน์โทรหากันบ่อยมากๆ ทุกวันนี้ยังนอนห้องเดียวกับท่านอยู่เลย ดูไปครึ่งแรกยังไม่มีอะไรใดๆเกิดขึ้นค่ะ แต่เราไม่สบายเลยไอ

ก็เลยเอามือกอดอกตัวเองไว้มือจะได้อุ่นๆ โรงหนังก็เปิดแอร์เย๊นเย็น ไปๆมาๆกลางเรื่อง อยู่ๆพี่ใหญ่ก็เกาแขนตัวเองยิบๆ ขอสารภาพนะคะว่า

ตาเราเองอดชำเลืองมองพี่ใหญ่ไม่ได้ คอยสอดแนมตลอดเวลาที่เขาคันยุกยิก เลยเอามือไปช่วยเกาค่ะ นึกภาพออกไหมคะ ในโรงหนังมืดๆมี

แสงสว่างจากจอหนัง กับคนยุกยิกดุ๊กดิ๊กข้างๆ เกาแขนไปสองสามครั้ง จู่ๆพี่ใหญ่ก็เลื่อนมือมาจับมือเราค่ะ ........... รู้สึกว้าบบบ!มากกกก

แบบตุบบบ... แบบเฮ้ยย.... แต่ไม่สะบัดมือออกค่ะ ใจมันสั่นๆ ไปสักพักพี่เค้านวดมือให้ระหว่างที่ดูค่ะ สบายมาก สบายจนง่วงนอนจะหลับ

เลยบอกพี่เค้าให้หยุดนวด 555555555555 ปกติเป็นสาวติดสปาซะด้วย เจองี้ไปมีเคลิ้มเบาๆ เราเหมือนคนเก้ๆกังๆกันทั้งคู่ค่ะ คือไม่รู้ว่าจะจับ

มือหรือจะปล่อยดี คือหลังจากนี้คือจับหยุดจับหยุดกันไปซักพัก แต่แล้วก็จับค่ะ แล้วสักพักก็ซบ แลดูใจง่ายเนอะ แอบหงุดหงิดตัวเองอยู่เหมือน

กัน นังจิ๋วบ้าทีผู้ชายคนอื่นๆไม่เคยสนใจ จะมาแพ้ให้กับน้องชายพ่ออะไรตอนนี้ ปกติไม่ใช่ผู้หญิงหวานค่ะ ซบไปไม่นานเมื่อยคอ คอนี่เคล็ดเลย

ปกติเวลามีแฟนก็ไม่เคยจับมือหรือซบแฟนเลยค่ะ แฟนเนี่ยเป็นฝ่ายมาซบเราด้วยซ้ำ แต่ไม่ให้ซบนานหรอกค่ะ ขี้รำคาญนิดๆ

555555555555555555  นี่แพ้ให้แก่ความอบอุ่น ความรู้สึกเป็นเด็กหญิงตัวเล็กสาวน้อยน่ารักทุกครั้งที่ได้ใกล้พี่ใหญ่

สรุปวันนั้นก็เลยดูไปหัวใจอิ่มเอม พี่เค้าก็มาส่งที่บ้านค่ะ แล้วคืนนั้นเราก็คิดอีกว่า จะเอาจริงเหรอเนี่ย นี่ชอบจริงๆใช่ไหม ทำไงดี

อายุเรามันต่างกันมากเลยนะ ระหว่างนั้นอยู่ดีๆ พี่ก็เปิดเพลง ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหนค่ะ งานบิ้วก็มา งานเพ้อก็มี

เออหวะ "มันจำเป็นต้องเหรอที่ต้องอยู่ในกฏกณฑ์ที่ใครบางคนกำหนดว่ารักเป็นอย่างไร" เราไม่ได้ทำอะไรโจ่งแจ้งน่าเกลียดนี่

คือบอกไว้เลยนะคะว่าเวลาเจอกันที่ทำงาน จิ๋วกับพี่ใหญ่ไม่มีอาการงุ้งงิ้งกันเลย คุยกันปกติค่ะ เอาจริงๆจิ๋วก็ว่ามันดูไม่ค่อยดีด้วยแหละถ้าทำ

อย่างงั้นในที่สาธารณะ แต่ในโรงหนังมันมืด 55555555555 ทุกวันนี้เราทั้งคู่ก็ยังคงทำงานกันไปเรื่อยๆค่ะ จิ๋วรู้สึกดีนะเหมือนเวลาทำงานแล้ว

หัวใจพองโตอยากทำงานไม่รู้สึกเหนื่อย แบบแฮปปี้ที่จะมาทำงาน คิดไว้ว่านี่อาจจะเป็นพลังขับเคลื่อนในการทำงานอย่างหนึ่งของเรา เวลาที่

เหนื่อยหรือเจอปัญหาแค่มองหน้าพี่เค้าก็รู้สึกดีขึ้น เรายังไม่ได้คบกันนะคะ แต่แค่นี้ก็ถือเป็นเรื่องราวดีดีในชีวิตของแพน เอ้ย จิ๋วแล้วละค่ะ

...................................................................................................................................................................................

ปล.1ขอเล่าแบบไม่ลงรายละเอียดเพราะแค่อยากมาแชร์ความรู้สึกวิ้งๆให้ได้ระบายออกมาบ้าง เก็บไว้คนเดียวอึดอัดค่ะ และเรื่องนี้ก็เพิ่งเริ่มต้น

จิ๋วยังไม่รู้เลยว่าตกลงแล้วสุดท้ายมันจะเป็นยังไงต่อไป เราไม่มีเบอร์โทรศัพท์กันค่ะ มีแต่ไลน์กลุ่มที่ทำงานกับเฟสบุ๊ค ซึ่งอยู่มานานมากๆแล้วพี่

ใหญ่ก็ไม่เคยส่งข้อความอะไรมาหยอดจิ๋วเลย แต่วันนี้เค้าเพิ่งส่งรูปที่มีข้อความว่ากุญแจที่หายไป-ปาล์มมี่ มาค่ะ เอาเป็นว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง

ต่อไปเดี๋ยวจิ๋วจิ๋วจะมาอัพเดทต่อละกันเน้าะ ตอนนี้จิ๋วเองก็ยังคิดว่าถ้าไม่ได้คบกันก็ไม่เป็นไรแค่รู้สึกดีก็พอแล้ว แต่บางทีมันก็มีหวังบ้างแหละ

.. ยังไงทุกคนแสดงความคิดเห็นกันเกี่ยวกับเรื่องราวของจิ๋วหน่อยนะคะ ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมก็ถามมาได้เลยค่ะ

.....................................................................................................................................................................................

ปล.2 จากที่มีเพื่อนๆมาคอมเม้นว่าให้จิ๋ว เช็คสถานภาพพี่เค้าดูให้ชัวร์ก่อน

ตรงนี้ทำให้จิ๋วตระหนักได้ว่าลืมบอกไป จิ๋วเช็คเรียบร้อยตั้งแต่ตอนที่เริ่มรู้สึกตัวได้ว่าเริ่มหวั่นไหวกับพี่ใหญ่เลย ขอบคุณมากไม่งั้นจิ๋วก็ลืม

เล่าจุดนี้ไปเลยเพราะค่อนข้างสำคัญ จิ๋วได้เช็คโดยการหลอกถาม เพื่อนในที่ทำงาน รวมทั้งตัวพี่ใหญ่เอง คือถามแบบอ้อมๆนะคะ

มีการสืบข้อมูลผ่านทางเฟสบุ๊ค รูปที่ถูกแท๊ก การโพส ไล่ย้อนดูกันเลยทีเดียว รวมถึงเสิร์ชในกูเกิ้ลด้วยการนำชื่อ นามสกุลพี่ใหญ่

เสิร์ชอินลงไป รู้ใช่ไหมคะ พี่กู๋ เรานี่สามารถใส่ชื่อลงไปและพิมพ์ บิดา มารดา คู่สมรส ดูได้  คอยแอบสอดแนมพฤติกรรมการใช้มือถือ

ของพี่ใหญ่อยู่บ่อยๆ ประหนึ่งจะลอกข้อสอบ 555555555 ล้อเล่นค่ะ ก็แอบๆหาจังหวะชำเลืองดูแหละ พอเค้าจะคุยหรือจะอะไรจะแอ๊บนิ่งๆ

แบบเต้ย ฮอร์โมนนิดนึงค่ะ เพราะจิ๋วเองก็กลัวเรื่องผิดศีลธรรมอยู่เหมือนกัน ไม่อยากไปเป็นตัวแทรกกลางระหว่างใคร หรือทำลายครอบครัว

อันน่ารักอบอุ่นของใครค่ะ สรุปพี่ใหญ่ใจดีของเรา โสดสนิทไร้พันธะชัวร์ 100 เปอร์เซ็นต์ หมอจิ๋วฟันธงค่ะ !!!! ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่