คือเราเรียนจบสถาปัตยกรรรมศาสตร์มา
พ่อเราเป็นสถาปนิก ตอนจะเข้ามหาลัย เราอยากเข้านิเทศมาก ชอบทำงานสร้างสรรค์ งานโฆษณา งานสื่อหรือแม้กระทั่งงานออกแบบต่างๆ
แต่พ่อบอกว่า เรียนถาปัตย์เถอะ จบมาก็ไปได้อีกหลายทาง ดูคนนั้นสิ จบถาปัตย์มาเป็นพิธีกร คนนั้นจบถาปัตย์มาเป็นนักเขียน
คนนั้นจบถาปัตย์มาเป็นนักร้อง เราก็โอเค ไปสอบถาปัตย์ สอบติดก็เรียนเลยค่ะ เก๋ๆ
ปีหนึ่งปีสองเรียนดีมีความสุข ปีสามเริ่มเจอโปรเจคที่ยากๆ เราเป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องก่อสร้างเรื่องโครงสร้างและวิศวะใดใดทั้งสิ้น
ยิ่งวิชาเขียนแบบนี่ไปกันใหญ่ หัวไม่ไป เขียนเสา เขียนประตู ผิดๆถูกๆ สรุป! ปีสามบอกตัวเองว่า น่าจะไปไม่รอด
ขนาดรู้ว่าตัวเองคงไปไม่รอด ก็ไม่เคยคิดจะเรียนใหม่อีกรอบ ด้วยความที่ เสียเวลา เสียเงินทอง ก็ต่อสู้จนจบมาได้
ตอนทำวิทยานิพนธ์ปีสุดท้ายนี่ตรวจแบบไปร้องไห้ไป
งาน Design ดีมาก แนวความคิดชนิดที่ว่าอาจารย์ชม
แต่..............ก่อสร้างไม่ได้ตามหลักความเป็นจริง+เขียนแบบไม่ผ่าน วางงานระบบต่างๆผิดไปหมด รวนสุดๆ แต่ก็จบมาจนได้
พอถึงเวลาทำงาน เราเดินสายสมัครงานชนิดที่ว่า ไม่สมัครงานทางด้านสถาปัตยกรรมเลยสักนิด
นู่นค่ะ ไปสมัครการตลาด ออกแบบสื่อ พวกครีเอทีฟ PR มีเดีย >>และสุดท้ายก็ทำงานทางด้านการตลาดและสื่อ
ตอนแรกที่ได้งานยังต้องโกหกพ่อว่าทำงานออกแบบภายใน (พ่อก็เชื่อสนิทเราส่งเงินให้ท่านทุกเดือนตั้งแต่เริ่มงาน จนผ่านไปสามเดือนความลับแตก)
เรา Happy มากกับตรงนี้ ทำงานมีความสุข เจ้านายรัก เป็นที่รักของทุกคนเพราะเราทำงานได้ดีเลิศสร้างสรรค์และบริหารเวลาเก่ง
มีแนวคิดที่เข้าท่าในการทำอะไรต่างๆ ฟังดูดีใช่ป่าว.....
แต่เบื้องหลังไม่เป็นแบบนั้นเลย
พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ ลุง ป้า น้า อา คนข้างบ้าน เพื่อนพ่อ เพื่อนแม่
เวลาใครถามว่าเราทำงานอะไร พอเราตอบงานที่ทำในปัจจุบัน
โดนเทเละเลยค่ะ
"เสียดายเวลาเรียนจบคณะเก่งมาทำไมไม่ทำงานตรงสาย"
"ถาปัตย์สอบเข้ามันยากนะ จบมาทำไมไม่ทำงานสายตัวเอง ทำไมไปทำงานที่ง่ายกว่าที่เรียนมา จะเรียนไปทำไม"
คือเราไม่รู้จะอธิบายยังไง เราทำงานตรงจุดนี้มีความสุขล้นเหลือมาก
แต่พ่อเรานี่ก็จะให้เราทำงานเป็นสถาปนิกเต็มตัว ซึ่งเราไม่ได้ชอบในแบบนั้น เราชอบแบบที่เราทำอยู่ตอนนี้
วันนี้ทะเลาะกันเรื่องจะให้เราไปสอบเอาใบประกอบวิชาชีพสถาปัตย์ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากจะสอบเลยเราไม่ได้จะทำด้านนี้จะสอบเอามาทำไม
ยังไม่พอพยามหางานราชการที่เป็นสถาปัตย์มาให้เราไปสอบเช่น ผังเมือง สถาปนิกราชการ บลาๆๆ
เรารู้ว่าเราเรียนมามันแสนสาหัสกว่าจะสอบเข้า กว่าจะฝ่าฝันมาจนถึงเรียนจบ ทุ่มเงินทอง เทกายและใจไปมากแค่ไหน
แต่เราอยากไปตามางที่เราชอบได้ไหม เราทำงานสาย การตลาด ออกแบบสื่อ พวกครีเอทีฟ PR
ไม่ได้หมายความว่าเราจะรื้อทุกสิ่งอย่างตอนเรียน
เรานำความรู้ที่เรียนมาปรับใช้ได้แบบดีเลิศและเราก็ภูมิใจที่เราจบถาปัตย์มาทำให้เราได้ Strong ในส่วนนี้
แต่คุณพ่อคุณแม่ และท่านผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ และท่านยังพยามให้เราไปเป็นสถาปนิกเต็มตัว
เราจะทำยังไงกับชีวิตดี ให้ท่านรู้สึกปล่อยวาง?
เรารู้พ่อแม่เราคงฝันสลายที่จะเห็นภาพสถาปนิกสาวนั่งออกแบบบ้านหรือออกแบบโครงการต่างๆ
เราแค่อยากระบายเพราะไม่รู้ว่าใครเจอสถานการณ์แบบเราบ้าง
แล้วจะแก้ปัญหาอธิบายให้ท่านเข้าใจในตัวเราได้ยังไง?
นี่ก็บ่นจนมาถึงบรรทัดสุดท้ายแล้ว ขอบคุณที่รับฟังนะคะ
ตามนั้นเลยค่ะ..........................................TT" เหนื่อยใจ
จบสถาปัตย์ แต่ไม่ได้ทำงานสถาปัตย์?
พ่อเราเป็นสถาปนิก ตอนจะเข้ามหาลัย เราอยากเข้านิเทศมาก ชอบทำงานสร้างสรรค์ งานโฆษณา งานสื่อหรือแม้กระทั่งงานออกแบบต่างๆ
แต่พ่อบอกว่า เรียนถาปัตย์เถอะ จบมาก็ไปได้อีกหลายทาง ดูคนนั้นสิ จบถาปัตย์มาเป็นพิธีกร คนนั้นจบถาปัตย์มาเป็นนักเขียน
คนนั้นจบถาปัตย์มาเป็นนักร้อง เราก็โอเค ไปสอบถาปัตย์ สอบติดก็เรียนเลยค่ะ เก๋ๆ
ปีหนึ่งปีสองเรียนดีมีความสุข ปีสามเริ่มเจอโปรเจคที่ยากๆ เราเป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องก่อสร้างเรื่องโครงสร้างและวิศวะใดใดทั้งสิ้น
ยิ่งวิชาเขียนแบบนี่ไปกันใหญ่ หัวไม่ไป เขียนเสา เขียนประตู ผิดๆถูกๆ สรุป! ปีสามบอกตัวเองว่า น่าจะไปไม่รอด
ขนาดรู้ว่าตัวเองคงไปไม่รอด ก็ไม่เคยคิดจะเรียนใหม่อีกรอบ ด้วยความที่ เสียเวลา เสียเงินทอง ก็ต่อสู้จนจบมาได้
ตอนทำวิทยานิพนธ์ปีสุดท้ายนี่ตรวจแบบไปร้องไห้ไป
งาน Design ดีมาก แนวความคิดชนิดที่ว่าอาจารย์ชม
แต่..............ก่อสร้างไม่ได้ตามหลักความเป็นจริง+เขียนแบบไม่ผ่าน วางงานระบบต่างๆผิดไปหมด รวนสุดๆ แต่ก็จบมาจนได้
พอถึงเวลาทำงาน เราเดินสายสมัครงานชนิดที่ว่า ไม่สมัครงานทางด้านสถาปัตยกรรมเลยสักนิด
นู่นค่ะ ไปสมัครการตลาด ออกแบบสื่อ พวกครีเอทีฟ PR มีเดีย >>และสุดท้ายก็ทำงานทางด้านการตลาดและสื่อ
ตอนแรกที่ได้งานยังต้องโกหกพ่อว่าทำงานออกแบบภายใน (พ่อก็เชื่อสนิทเราส่งเงินให้ท่านทุกเดือนตั้งแต่เริ่มงาน จนผ่านไปสามเดือนความลับแตก)
เรา Happy มากกับตรงนี้ ทำงานมีความสุข เจ้านายรัก เป็นที่รักของทุกคนเพราะเราทำงานได้ดีเลิศสร้างสรรค์และบริหารเวลาเก่ง
มีแนวคิดที่เข้าท่าในการทำอะไรต่างๆ ฟังดูดีใช่ป่าว.....
แต่เบื้องหลังไม่เป็นแบบนั้นเลย
พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ ลุง ป้า น้า อา คนข้างบ้าน เพื่อนพ่อ เพื่อนแม่
เวลาใครถามว่าเราทำงานอะไร พอเราตอบงานที่ทำในปัจจุบัน
โดนเทเละเลยค่ะ
"เสียดายเวลาเรียนจบคณะเก่งมาทำไมไม่ทำงานตรงสาย"
"ถาปัตย์สอบเข้ามันยากนะ จบมาทำไมไม่ทำงานสายตัวเอง ทำไมไปทำงานที่ง่ายกว่าที่เรียนมา จะเรียนไปทำไม"
คือเราไม่รู้จะอธิบายยังไง เราทำงานตรงจุดนี้มีความสุขล้นเหลือมาก
แต่พ่อเรานี่ก็จะให้เราทำงานเป็นสถาปนิกเต็มตัว ซึ่งเราไม่ได้ชอบในแบบนั้น เราชอบแบบที่เราทำอยู่ตอนนี้
วันนี้ทะเลาะกันเรื่องจะให้เราไปสอบเอาใบประกอบวิชาชีพสถาปัตย์ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากจะสอบเลยเราไม่ได้จะทำด้านนี้จะสอบเอามาทำไม
ยังไม่พอพยามหางานราชการที่เป็นสถาปัตย์มาให้เราไปสอบเช่น ผังเมือง สถาปนิกราชการ บลาๆๆ
เรารู้ว่าเราเรียนมามันแสนสาหัสกว่าจะสอบเข้า กว่าจะฝ่าฝันมาจนถึงเรียนจบ ทุ่มเงินทอง เทกายและใจไปมากแค่ไหน
แต่เราอยากไปตามางที่เราชอบได้ไหม เราทำงานสาย การตลาด ออกแบบสื่อ พวกครีเอทีฟ PR
ไม่ได้หมายความว่าเราจะรื้อทุกสิ่งอย่างตอนเรียน
เรานำความรู้ที่เรียนมาปรับใช้ได้แบบดีเลิศและเราก็ภูมิใจที่เราจบถาปัตย์มาทำให้เราได้ Strong ในส่วนนี้
แต่คุณพ่อคุณแม่ และท่านผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ และท่านยังพยามให้เราไปเป็นสถาปนิกเต็มตัว
เราจะทำยังไงกับชีวิตดี ให้ท่านรู้สึกปล่อยวาง?
เรารู้พ่อแม่เราคงฝันสลายที่จะเห็นภาพสถาปนิกสาวนั่งออกแบบบ้านหรือออกแบบโครงการต่างๆ
เราแค่อยากระบายเพราะไม่รู้ว่าใครเจอสถานการณ์แบบเราบ้าง
แล้วจะแก้ปัญหาอธิบายให้ท่านเข้าใจในตัวเราได้ยังไง?
นี่ก็บ่นจนมาถึงบรรทัดสุดท้ายแล้ว ขอบคุณที่รับฟังนะคะ
ตามนั้นเลยค่ะ..........................................TT" เหนื่อยใจ