เคยคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดถึงมั้ย .... ?
ถ้าคำตอบคือใช่ ลองเล่ามาให้เราฟังบ้าง
ส่วนเรื่องของเรานะหรอ...
เริ่มจากเรารู้จักคนๆ เขาแกกว่าหลายปีทีเดียว เขาเป็นผู้ชายรูปร่างกลางๆ ไม่สูงมาก ผิวกลางๆ ไม่ถึงขั้นว่าขาวนะ รูปร่างเขาอวบๆ หน่อย (จริงๆควรเรียกผู้ชายร่างกลมซะมากกว่า ฮ่าๆๆ) โดยรวมดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ไม่โดดเด่นอะไรเป็นผู้ชายวัยทำงานที่ดูภายนอกออกแนวจะน่ากลัวสะด้วยซ้ำ ฮ่าๆๆ แต่เวลาเขายิ้มนะมันอบอุ่นมากๆเลยหละ หน้าที่การงานเขาก็โอเคนะ เขาเป็นคนพูดเก่ง เฟรนลี่มากๆ คุยสนุกเฮฮาปาร์ตี้ มีเรื่องมากเล่ามากมาย และคอยเป็นที่ปรึกษาปัญหาในหลายๆเรื่อง และเป็นได้ดีมากๆ นี่อาจจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เขามีนะ และที่สำคัญที่สุด " เขาเป็น Single Dad " หละ
เข้าเรื่องเลยแล้วกันเนอะ ขอแทนตัวเขาว่าพี่ละกันเนอะ เรากับพี่เขารู้จักกันมาได้สักเกือบๆปีแล้ว อันเนื่องมากจากสายงาน เรียกได้ว่าเริ่มต้นจากคำว่า "งาน" เราอยู่คนละภาคกันเลยนะ ห่างกันหลายร้อยกิโลเลย เนื่องด้วยเนื้องานต้องติดต่อสื่อสารกันอยู่ตลอดทำให้เราสนิทกัน ยังจำความรู้สึกครั้งแรกได้ดี จากที่กำลังเครียดเรื่องงานเอามากๆ เลยต้องขอคำปรึกษาจากเขาเป็นครั้งแรก วันนั้นเป็นวันที่อากาศสดใส แต่สภาพจิตใจเราย่ำแย่มาก เพราะงานกำลังอยู่ในภาวะที่ไม่โอเคเท่าที่ควร แต่เชื่อมั้ยการสนทนากันครั้งและทำให้เราถึงกับขมวดคิ้ว และอดอมยิ้มไม่ได้ ยอมรับว่าเขามีความสามารถในการสื่อสารกันผู้อื่นได้ดีมากจริงๆ เชื่อมั้ยเป็นการสนทนาเรื่องงานที่ผ่อนคลายที่สุดในชีวิตของเราเลย คิดในใจว่าเขาเก่งมากที่ผ่อนคลาความตึงเครียดในหัวเราได้โดยที่เราไม่ได้ขอร้องแต่อย่างใด และยังช่วยแนะนำและแก้ไขปัญหาเนื้องานที่แสนจะวุ่นวาย ตึงเครียดให้เบาลงได้เยอะมากเลย
เคยรู้สึกว่าคุยกับใครเป็นครั้งแรก แล้วมันรู้สึกเหมือนเรารู้จักสนิทสนมกันมานานมั้ย นั้นหละ ความรู้สึกมันเป็นแบบนั้นเลย (ฟังดูน้ำเน่าเนอะ แต่มันจริงว่ะ) ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนั้น แต่หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรนะ ยังคงทำงานต่อไป
ด้วยงาน (ฟังเหมือนเอางานมาอ้าง ฮ่าๆ) ที่มันต้องติดต่อสอบถามกันอยู่บ่อยๆ ทำให้ความสนิทสนมมันเพิ่มมากขึ้น จากที่แค่คุยเรื่องงานก็เริ่มเฮฮาปาร์ตี้ ช่วยเม้าส์ เล่านู้นเล่านี้ให้ฟังกันอย่างสนุกสนาน แต่สักระยะมันก็เริ่มไม่สนุกแล้วหละ มันมีช่วยเวลาที่เขาดราม่าเรื่องแฟนเก่าเขา (แม่ของลูกเขา และความรักที่โคตรเศร้าที่เขาเจอมา) เราให้คำปรึกษาเรื่องความรักและหลายๆเรื่องในชีวิตกันเสมอ ทั้งเรื่องครอบครัว การงาน ชีวิตประจำวัน บลาๆๆ เรามีมุมมองความรักที่แตกต่างกัน แต่ต่างก็ยอมรับในความคิดเห็นกันและกัน นั้นทำให้แต่ละวันเราคุยกันจนเหนื่อยเลยหละ (ฮ่าๆ) เราคุยกันทุกวันเลยนะ จนมันรู้สึกว่า มันบ่อยเกินไปรึเปล่า มันเริ่มมากเกินไปแล้วรึเปล่า (ในใจมันเป็นคำถามนะ และคำตอบมันคือ "ใช่ มันมากไปแล้วมั้งเนี่ย

กูเริ่มร็สึกดีๆ กับพี่

แล้วหละ") เราว่าเราคงคิดไปฝ่ายเดียวแหละ พี่เขาโตแล้ว มีครอบครัว มีลูกแล้ว ที่สำคัญคือเขาเป็นคนอัธยาศัยดี เฟรนลี่ เลยทำให้เราสับสน แต่

เวลาเรารู้สึกดีๆกับใครสักคนมันไม่ผิดหรอก เพราะเราห้ามความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นไปแล้วไม่ได้หรอกจริงมั้ย???
จริงๆเราไม่ควรรู้สึกดีกับพี่เขามากเกินไปแบบนี้เนอะ ตอนนี้เราเลยเจ็บเอง เราเป็นคนนิสัยไม่ดี จริงๆเราเองก็มีแฟนอยู่แล้วแหละ แล้วเราก็รู้ตัวเองว่าถ้าเรายังคุยกับพี่เขาต่อ มันต้องไม่ดีแน่ๆ เลยเลยเลือกที่จะเลิกคุยกัยพี่เขา เลิกคุยกันสักพักก็ยังทำใจไม่ได้ ยังนิสัยไม่ได้ทักเขาไปอีก แล้วก็เสือกรู้สึกผิดอีกแล้วก็

เลิกคุยอีก

เป็นแบบนี้อยู่หลายรอบมาก ทรมานตัวเอง รู้สึกเกลียดตัวเองมากเลยที่เป็นแบบนี้ กับแฟนก็รักนะ แต่กับพี่เขาทำไมไม่ลืมสักที อยากลืมนะ แต่มันเป็นความทรงจำดีๆทั้งนั้นมันลืมไม่ลง ตอนนี้ก็ตัดสินใจเลิกติดต่อเขามาเกือบครึ่งปีละ แต่มันยังอดห่วงอดเข้าไปส่งไม่ได้จริงๆ ทำไมเราเป็นคนแบบนี้ว่ะ พี่เขาก็ไม่ได้อะไรนะ เฉยๆ ไป มีแต่เรานี่แหละที่

ยังทำใจไม่ได้สักที
สุดท้ายแล้วเรื่องมันก็จะจบแบบเดิม เราคงทำได้แค่นี้จริงแหละ เราไม่อยากให้ทุกอย่างแย่ไปกว่านี้ เพราะมันไม่ไดีกับใครทั้งนั้น
เราขอให้อ้วนเจอคนดีๆ ที่ดีมากๆ อยากเห็นอ้วนสมหวังนะ ดูแลสุขภาพ ระวังสุขภาพให้มากๆ อ้วน ดูแลตัวเองและ 9 ให้ดีๆนะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเนอะ
ที่เล่านี่ เราดูทุเรศมากเลยเนอะ มันอึดอัดเกินกว่าจะพูดกับใคร ขอโทษถ้ากระทู้นี้มันรกสายตาใคร ขอบคุณถ้าเผื่อมีใครแว๊บเข้ามาดู
ในเมื่อทำได้แค่คิดถึง และยังคงคิดถึงอยู่เสมอ
ถ้าคำตอบคือใช่ ลองเล่ามาให้เราฟังบ้าง
ส่วนเรื่องของเรานะหรอ...
เริ่มจากเรารู้จักคนๆ เขาแกกว่าหลายปีทีเดียว เขาเป็นผู้ชายรูปร่างกลางๆ ไม่สูงมาก ผิวกลางๆ ไม่ถึงขั้นว่าขาวนะ รูปร่างเขาอวบๆ หน่อย (จริงๆควรเรียกผู้ชายร่างกลมซะมากกว่า ฮ่าๆๆ) โดยรวมดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ไม่โดดเด่นอะไรเป็นผู้ชายวัยทำงานที่ดูภายนอกออกแนวจะน่ากลัวสะด้วยซ้ำ ฮ่าๆๆ แต่เวลาเขายิ้มนะมันอบอุ่นมากๆเลยหละ หน้าที่การงานเขาก็โอเคนะ เขาเป็นคนพูดเก่ง เฟรนลี่มากๆ คุยสนุกเฮฮาปาร์ตี้ มีเรื่องมากเล่ามากมาย และคอยเป็นที่ปรึกษาปัญหาในหลายๆเรื่อง และเป็นได้ดีมากๆ นี่อาจจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เขามีนะ และที่สำคัญที่สุด " เขาเป็น Single Dad " หละ
เข้าเรื่องเลยแล้วกันเนอะ ขอแทนตัวเขาว่าพี่ละกันเนอะ เรากับพี่เขารู้จักกันมาได้สักเกือบๆปีแล้ว อันเนื่องมากจากสายงาน เรียกได้ว่าเริ่มต้นจากคำว่า "งาน" เราอยู่คนละภาคกันเลยนะ ห่างกันหลายร้อยกิโลเลย เนื่องด้วยเนื้องานต้องติดต่อสื่อสารกันอยู่ตลอดทำให้เราสนิทกัน ยังจำความรู้สึกครั้งแรกได้ดี จากที่กำลังเครียดเรื่องงานเอามากๆ เลยต้องขอคำปรึกษาจากเขาเป็นครั้งแรก วันนั้นเป็นวันที่อากาศสดใส แต่สภาพจิตใจเราย่ำแย่มาก เพราะงานกำลังอยู่ในภาวะที่ไม่โอเคเท่าที่ควร แต่เชื่อมั้ยการสนทนากันครั้งและทำให้เราถึงกับขมวดคิ้ว และอดอมยิ้มไม่ได้ ยอมรับว่าเขามีความสามารถในการสื่อสารกันผู้อื่นได้ดีมากจริงๆ เชื่อมั้ยเป็นการสนทนาเรื่องงานที่ผ่อนคลายที่สุดในชีวิตของเราเลย คิดในใจว่าเขาเก่งมากที่ผ่อนคลาความตึงเครียดในหัวเราได้โดยที่เราไม่ได้ขอร้องแต่อย่างใด และยังช่วยแนะนำและแก้ไขปัญหาเนื้องานที่แสนจะวุ่นวาย ตึงเครียดให้เบาลงได้เยอะมากเลย
เคยรู้สึกว่าคุยกับใครเป็นครั้งแรก แล้วมันรู้สึกเหมือนเรารู้จักสนิทสนมกันมานานมั้ย นั้นหละ ความรู้สึกมันเป็นแบบนั้นเลย (ฟังดูน้ำเน่าเนอะ แต่มันจริงว่ะ) ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนั้น แต่หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรนะ ยังคงทำงานต่อไป
ด้วยงาน (ฟังเหมือนเอางานมาอ้าง ฮ่าๆ) ที่มันต้องติดต่อสอบถามกันอยู่บ่อยๆ ทำให้ความสนิทสนมมันเพิ่มมากขึ้น จากที่แค่คุยเรื่องงานก็เริ่มเฮฮาปาร์ตี้ ช่วยเม้าส์ เล่านู้นเล่านี้ให้ฟังกันอย่างสนุกสนาน แต่สักระยะมันก็เริ่มไม่สนุกแล้วหละ มันมีช่วยเวลาที่เขาดราม่าเรื่องแฟนเก่าเขา (แม่ของลูกเขา และความรักที่โคตรเศร้าที่เขาเจอมา) เราให้คำปรึกษาเรื่องความรักและหลายๆเรื่องในชีวิตกันเสมอ ทั้งเรื่องครอบครัว การงาน ชีวิตประจำวัน บลาๆๆ เรามีมุมมองความรักที่แตกต่างกัน แต่ต่างก็ยอมรับในความคิดเห็นกันและกัน นั้นทำให้แต่ละวันเราคุยกันจนเหนื่อยเลยหละ (ฮ่าๆ) เราคุยกันทุกวันเลยนะ จนมันรู้สึกว่า มันบ่อยเกินไปรึเปล่า มันเริ่มมากเกินไปแล้วรึเปล่า (ในใจมันเป็นคำถามนะ และคำตอบมันคือ "ใช่ มันมากไปแล้วมั้งเนี่ย
จริงๆเราไม่ควรรู้สึกดีกับพี่เขามากเกินไปแบบนี้เนอะ ตอนนี้เราเลยเจ็บเอง เราเป็นคนนิสัยไม่ดี จริงๆเราเองก็มีแฟนอยู่แล้วแหละ แล้วเราก็รู้ตัวเองว่าถ้าเรายังคุยกับพี่เขาต่อ มันต้องไม่ดีแน่ๆ เลยเลยเลือกที่จะเลิกคุยกัยพี่เขา เลิกคุยกันสักพักก็ยังทำใจไม่ได้ ยังนิสัยไม่ได้ทักเขาไปอีก แล้วก็เสือกรู้สึกผิดอีกแล้วก็
สุดท้ายแล้วเรื่องมันก็จะจบแบบเดิม เราคงทำได้แค่นี้จริงแหละ เราไม่อยากให้ทุกอย่างแย่ไปกว่านี้ เพราะมันไม่ไดีกับใครทั้งนั้น
เราขอให้อ้วนเจอคนดีๆ ที่ดีมากๆ อยากเห็นอ้วนสมหวังนะ ดูแลสุขภาพ ระวังสุขภาพให้มากๆ อ้วน ดูแลตัวเองและ 9 ให้ดีๆนะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเนอะ
ที่เล่านี่ เราดูทุเรศมากเลยเนอะ มันอึดอัดเกินกว่าจะพูดกับใคร ขอโทษถ้ากระทู้นี้มันรกสายตาใคร ขอบคุณถ้าเผื่อมีใครแว๊บเข้ามาดู