แบกเป้ หิ้วกล้อง ทริปนี้ที่ #คีรีวง

กระทู้สนทนา
#บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช  เชื่อว่าเพื่อนๆทุกคนคงได้ยินชื่อของสถานที่แห่งนี้นะคะ วันนี้ จขกท.เลยจะมาขออาสา แชร์ประสบการณ์ไปเที่ยวในไสตล์ Bag Pag กับระยะเวลา 2 กับ 1 คืน ให้ฟังกันะคะ.... ไปอ่านกันได้เลยจ้าาาาาาาา ยิ้มยิ้ม

บ้านคีรีวง เดิมทีเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่กว่า 300 ปี ซึ่งจะมีประชาชนกลุ่มแรกในสมัยราชการที่ 1 ได้อพยพเข้ามาอาศัยตั้งถิ่นฐานรกราก อยู่บริเวณที่ราบระหว่างหุบเขาหลวง ซึ่เป็นทางต้นน้ำเรียกว่า "หมู่ 5 บ้านขุนน้ำ" และหลังจากนั้น ก็ได้มีการขยายหมู่บ้านกว้างขวางมากขึ้น จะประกอบไปด้วย 4 หมู่บ้านด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดจะอยู่อยู่ในพื้นที่ 8,173 ไร่ และจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อ เป็นหมู่บ้าน "คีรีวง" ซึ่งหมายถึง หมู่บ้านที่อยู่ในวงล้อมภูเขา ห้อมรอมไปด้วยธรรมชาติ วิถีการใช้ชีวิตของชาวบ้านในระแวกนั้น จะอยู่อาศัยกันแบบญาติพี่น้อง พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และจะยึดหลักอาชีพทำสวนยางพารา หรือสวนผลไม้ เป็นอาชีพหลัก และมีกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP  ของการร่วมกลุ่มจากชาวบ้านด้วยคะ...ข้อมูลที่ กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นประวัติที่ศึกษาไว้พอสังเขป และได้สอบถามจากชาวบ้าน ที่ได้ไปสัมผัสมาเล็กน้อยด้วยค่ะ...หากข้อมูลที่กล่าวมามีข้อผิดพลาดตรงไหน ต้องขออภัยไว้ ณ ตรงนี้ ด้วยนะคะ เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

สำหรับการเดินทางไปเที่ยวหรือไปพักผ่อนที่ คีรีวงนั่น ง่ายมากเลยคะ ไม่ว่าจะเป็นรถส่วนตัวหรือรถโดยสารประจำทาง...สำหรับรถส่วนตัว ก็ขับตรงไปจากตัวเมืองนครไปตามทางหลวงหมายเลข 4016 และเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 4015 พอถึงบริเวณกิโลเมตรที่ 9 ก็เลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้าน ตรงไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร ก็จะเจอกับหมู่บ้านคีรีวงคะ....แต่วันนี้ จขกท.และเพื่อนๆได้เลือกการเดินทางโดยรถไฟจาก สถานีชุมทางหาดใหญ่ (รถไฟฟรี) อิอิ  

รถไฟจะออกจากชานชลาหาดใหญ่-นครศรีธรรมราช ในเวลา 9.20 จขกท.และเพื่อนๆ (ทั้งหมด 7 คน) ก็มุ่งหน้าไปหาตั๋วกันที่ช่องขายตั๋ว (แอบกระซิบนิหนึ่งนะคะ จนท.ของสถานีหาดใหญ่ บริการดีมากๆ พูดจาเพราะมากๆ)   (นึกว่าล็อตตารี่เสี่ยงโชค ใช่ป่าว) ฮ่าๆๆๆๆ หลังจากที่ได้ตั๋วกันมาเรียบร้อยแล้วนั่น  กลุ่มของเราก็ได้ร่วมตัวกันไปหาเสบียงรองท้องกัน เพราะสมาชิกในกลุ่ม  มีส่วนหนึ่งที่เดินทางมาจากสงขลา รถตู้ สงขลา-หาดใหญ่ จะส่งผู้โดยสารไว้แค่ตลาดกิมหยง ทำให้พวกเขาต้องใช้วิธีเดินเท้าเข้ามาที่สถานีรถไฟนั่นเอง...(ปล.สำหรับคนไม่เคยออกกำลังกาย จะเหนื่อยมาก) ฮ่าๆๆๆ แต่สำหรับ จขกท.และเพื่อนอีก 2 คนนั้น เดินทางจากที่พักโดยวินมอไซต์รับจ้าง จากหน้า มอ.-สถานีรถไฟ ค่าโดยสารของวินมอไซต์อยู่ที่ 60 บาท จ้าาาาาา  หลังจากที่อัดเสบียงลงท้องกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่น  เดอะแก๊งของเรา ก็ได้ร่วมตัวกันถ่ายรูปเล่นๆ เพื่อเป็นการฆ่าเวลาไปในตัว ในขณะที่รอรถไฟ.....ถ่ายกันเองและ รบกวนเจ้าหน้าที่ ที่นั้นถ่ายให้บ้างและ ฮ่าๆๆ (ทำตัวหน้าสงสาร+น่าเอ็นดูเข้าไว้)  
    


ถ่ายกันเยอะมาก แต่ขอลงไว้บางส่วนและกันเนอะ!  อิอิ.......รถไฟมาแว้ววววว (เกือบ 10 โมง เลย) ปู๊น ปู๊น ชึกกะฉักๆๆ บ๊ายๆ หาดใหญ่ ปลายทางของเราคือ เมืองนครศรีดี๊ดี  "หมู่บ้านคีรีวง" อากาศดีที่สุดในประเทศไทย LetGo!! ... เราใช้เวลาในการนั่งอยู่บนรถไฟ ราวๆ 5 ชั่วโมงด้วยกัน ถามว่าเหนื่อยไหม? ตอบเลยว่า เหนื่อยมากๆจ้า ลุ้นตลอดการเดินทาง ฮ่า ฮ่า ฮ่า สมาชิกในแก๊งบางคน อยากลงไปนั่งรถตู้ตั่งแต่สถานีที่ 2 ซะด้วยซ้ำ! 555+++ แต่เหมือนที่บอกไว้ ทริปนี้ เราจะไปกันแบบลุยๆ แบบผจญภัย และจะเก็บเกี่ยวทุกๆประสบการณ์ไว้เป็นประสบการณ์ชีวิต อิอิ  



อันนี้เป็นรูปสมาชิกในกลุ่มบางส่วน นะคะ เกรงว่าถ้าลงหมด เดี่ยวพื้นที่จะเต็ม อิอิ เรานั่งกันไปเรื่อยๆ รถไฟผ่านสถานีแล้วสถานีเล่า ก็ยังไม่ถึงปลายทางของเราสักที 5555+++ อ่อ! จะบอกว่า นับว่าเป็นความโชคดีของพวกเรานิดหนึ่งนะคะ เพราะเหมือนที่รู้ๆกันว่า รถไฟฟรี จะมีประชาชน มากหน้าหลายตา ทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะ ทุกกลุ่ม ที่เลือกใช้บริการ ดังนั้นก็ไม่แปลกใจใช่ไหมคะ ถ้าเราจะเจอคนที่เรารู้สึกกลัว หรือรู้สึกหวาดระแวงต่างๆ แต่ในความโชคดีของเราคือ คุณป้าที่นั่งๆเก้าอี้ข้างๆเรา ใจดีมาก เหมือนเขาจะรู้ว่าพวกเราไม่เคยนั่งรถไฟ เขาก็จะชวนน้องๆในกลุ่มคุย แนะนำ พูดปลอบใจทุกอย่าง มันเลยทำให้พวกเรารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลยคะ (อย่าว่ากันเลยนะคะ ว่าพวกเรามโนความกลัวไปเอง เพราะสมาชิกในกลุ่มเราจะเป็นผู้หญิงซะเยอะ เนอะ!)
แต่ตลอดระยะเวลา 5 ชั่วโมงกว่าๆนั่น เราได้นั่งตลอดเลย ไม่มีใครต้องยืนเบียดกันเลย นอกจากจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายตามประสา เด็กๆ เพราะมันเข็ดมากๆ อีกอย่างสภาพรถไฟก็นับว่าใหม่ พอสมควรคะ ณ บัดนี้ เวลา ประมาณ 15.35  ถึงแล้วจ้า ปลายทางของเรา สถานีนครศรีธรรมราช (อันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลย เพราะทุกคนเหนื่อยมาก ลงรถปุ๊ป ป้ายแรกก็คือห้องน้ำเลยจ้า).......พอเราลงจากรถปุ๊ป ก็จะมีเจ้าหน้าที่ของสถานีนคร เดินเข้ามาหาแล้วถามพวกเราว่า ไปคีรีวงใช่ไหม? หลังจากนั้นเขาก็พาเราไปขึ้นรถพ่วงข้าง (ซาเล้ง) เพื่อที่จะให้ไปส่งที่คิวรถสองแถวที่จะต่อเข้าหมู่บ้านคีรีวง แต่จริงๆแล้ว จากสถานีรถไฟไปที่คิวรถสองแถว อยู่ไม่ไกลกันเลย ถ้าเราจะเลือกใช้วิธีเดินเท้าก็ได้นะคะ แต่เจ้าหน้าที่เค้าคงเห็นว่าเรามีสมาชิกผู้หญิงเยอะ เขาเลยไม่อยากให้เดินมั่งคะ! (สงสัยกลัวเดินไปชนรถใครเข้า) 555+++   เราเลยขอแช๊ะๆรูป กับพี่ จนท. เขาไว้เป็นที่ระทึกสักรูปและกันเนอะ! อิอิ ส่วนนี้คือรถพ่วงข้างที่ บรรทุกพวกเราไปส่ง หรือถ้าภาษาใต้บ้านเรา จะเรียกว่ารถ "ซาเล้ง"  5555+++ ดูจากในรูปแล้ว คงไม่สามารถรับใครเพิ่มได้แน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆ.....ถึงแล้ว สองแถวของเรา  อิอิ สังเกตให้ดีนะค่ะ จะมีสองแถวที่เขียนว่า นครศรี-จันดี กับ นครศรี-คีรีวง เล็งเป้าหมายให้ดีนะค่ะ ว่าจะไปไหน อิอิ   เหมือนที่กล่าวไว้ข้างต้นนั่นแระค่ะ ว่าขับรถตรงไปจากตัวเมืองนครตามทางหลวงหมายเลข 4016 และเลี้ยวซ้ายตามทางหลวง 4015 พอถึงหลักกิโลเมตรที่ 9 ตรงไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร ก็จะถึงหมู่บ้านคีรีวง ใช้เวลาในการเดินทาง จากตัวเมืองนครเข้าหมู่บ้าน ประมาณครึ่งชั่วโมง  ถึงแว้วววววววววววว "คีรีวง"  จุดนี้ในภาพคือ สะพานคีรีวง จะเรียกว่าเป็นตัวท็อปของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้ เพราะทุกคนที่มาที่นี้จะต้องเก็บภาพกับเจ้าสะพานนี้ไว้เป็นที่ระลึก

****สำหรับวันนี้ ขอเบรคไว้เท่านี้ก่อนนะค่ะ เพื่อนๆ เดี่ยวพรุ้งนี้จะหาเวลามาต่อให้เสร็จเลยจ้าาาาาา

---นานาสวัสดี---มาอ่านต่อกันเถอะค่ะ! โดยรวมจากเวลาแล้ว กลุ่มของเราจะมาถึงที่พัก ประมาณ 4 โมงเย็นนิดๆคะ (ภาษาใต้บ้าน จขกท.คือ ล่อซะเกือบค่ำ) 555++ พอมาถึงที่พักปุ๊ป สิ่งแรกที่คิดไว้คือ ไปเล่นน้ำให้ร่างกายสดชื่นกันเถอะ! อ่อ! ขอแวะมากล่าวถึงเรื่องที่พักนิดหนึ่งนะคะ ที่พักของเราคือ "เพชรคีรีโฮมเสตย์" พวกเราได้ทำการจับจองจากที่พักจากทาง Facebook ซึ่งเจ้าของที่พักชื่อ พี่วิ หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่เอาเป็นว่าใจดีและเป็นกันเองมากๆ คะ ดูแลพวกเราเหมือนน้องๆลูกๆ ที่พักของเราที่ได้นั่นจะเป็นรูปแบบบ้านทรงไทย 2 ชั้น (เต็มไปด้วยธรรมชาติ) ซึ่งชั้นบนจะถูกดัดแปลงไว้เพื่อรองรับลูกค้า ส่วนชั้นล่างเจ้าของเขาจะอยู่เอง พื่อคอยดูแลความเรียบร้อยให้กับลูกค้า สำหรับค่าที่พักนั่นจะอยู่ที่คนละ 350.- รวมกับอาหารมื้อค่ำ 1 มื้อนะคะ แต่สมาชิกของเรา เลือกที่จะทำปิ้งย่าง อาหารทะเล เพิ่มเติม กันในตอนกลางคืน เล็กๆน้อยๆ ตามประสา วัยรุ่นเนอะ!  อมยิ้ม16อมยิ้ม16   นี้คือภาพบางส่วนของที่พักเล็กน้อยนะคะ เพราะตอนนั้นทุกคนรีบไปเล่นน้ำกันมาก เลยไม่ทันได้เก็บภาพไว้จ้า อมยิ้ม01อมยิ้ม16อมยิ้ม16 อ้าวๆๆ ฟังเรื่องที่พักกันเสร็จแล้ว ไปฟังวีกรรมของพวกเรากันต่อเลยจ้าาาาา หลังจากที่จัดแจงสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วนั่น พวกเราทุกคนก็ได้ มุ่งหน้าไปหาเช่าจักรยานคนละคันเพื่อที่จะปั่นไปเล่นน้ำตกกัน ค่าเช่าจักรยานจะอยู่ที่ คันละ 50.- (ราคาโดยทั่วๆไปก็ประมาณี้นะคะ) อ่อ! จะบอกว่าสถานที่ ที่เราไปเล่นน้ำนั่น ไม่ใช่ตรงเจ้าสะพานตัวท็อปนั่นนะค่ะ แต่มันคือ คลองต้นน้ำ ซึ่งจะต้องปั่นขึ้นไปทางเขา ห่างจากที่พักประมาณ 1 กิโลเมตร จะสวนทางกับทางที่ไปสะพานคะ ชาวบ้านแถวนั่นจะเรียกกันว่า "คลองน้ำลึก" ซึ่งจะเป็นทางที่น้ำไหลลงมาสู่เจ้าสะพานนั่นแหละคะ ท่านผู้ชม! จุ๊บๆจุ๊บๆ   

ภาพกลุ่มจักรยานตรงนี้ ก็ไม่ได้เก็บไว้เช่นเดิมคะ เพราะทุกคนรีบปั่นๆๆ เพื่อให้ถึงไอ้เจ้าน้ำตกนี้ให้เร็วที่สุด เพราะเดี่ยวมันจะค่ำซะก่อน บวกกับความเหนื่อยหล้า ความเพลียในร่างกาย ที่นั่งรถมา เลยอยากจะกระโดดน้ำให้สดชื่นนนน แต่ แต่ แต่ แต่ คงลืมไปว่า แต่ละคนไม่เคยออกกำลังกายกันเลยก็ว่าได้ 5555++ ยังไม่ทันถึงครึ่งทาง ขอให้คำนี้และกันนะค่ะว่า "ลิ้นล่อ" จ้าาาาา เหนื่อยโฮกกกกก  ฮ่าๆๆๆ แต่ เราทุกคนก็ไม่หยุดปั่นกันนะค่ะ ปั่น ปั่น ปั่น ต่อกันค้า 34! ลุย เพี้ยนลุยเพี้ยนลุย ตลอด 2 ข้างทาง มีชาวบ้านคอยส่งแรงเชียร์ เป็นกำลัง และคอยชี้บอกทางให้ตลอด พูดได้เลยว่า ชาวบ้านแถวนั่น ใจดีมากๆค่ะ เพี้ยนสู้สู้เพี้ยนสู้สู้เพี้ยนสู้สู้ และ 2 ข้างทางแถวๆนั่นก็จะเต็มไปด้วยธรรมชาติ และสวนผลไม้นานาชนิด จขกท.แอบคิดในใจ น่าจะมีเงาะ หรือมังคุด ทุเรียน เล็ดลอดออกมาบ้างเนอะ 555+++ ถึงแว้ววววววววว น้ำตก ของข้า หึหึ! (หัวเราะเหมือนตัวโกงในละคร) อยากจะบอกให้เป็น จุดฮา นิดหนึ่งคะ จขกท. และสมาชิกทุกคน ในกลุ่ม ต้องแบกจักรยานขึ้นไปเล่นน้ำตกด้วยจ้าาา อันนี้สัมผัสกับความรู้สึกมาเองเลยจ้า เพราะอะไหร่รู้ไหมคะ เพราะกลัวว่าถ้าลงมา จักรยานเขาจะหายจ้าาาาา (เดี่ยวทริปมันจะไม่สนุกเนอะ) อิอิ มาถึงจุดนี้ ขอลงรูปแบบรัวๆ และกันนะคะ กับภาพที่ได้ถ่ายไว้ตอนเล่นน้ำ มีทั้งตั้งใจบ้าง ไม่ตั้งใจบ้าง เผลอบ้าง แกล้งบ้าง ก็ว่ากันไปนะ พาพันอาบน้ำ







แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่