คนในยุค ละโว้ เป็น ชาว ละวะ หรือ ลัวะ ใช่หรือไม่

ในเอกสารจีน เรียกเมืองละโว้ ว่าชื่อ เมืองหลอหู
มีจดหมายเหตุสมัยราชวงศ์จิน (พ.ศ.1658-1777)ว่า บริเวณประเทศเซียนกับหลอหู - คือสามเทสะ กับ ลวรัฐ  เดิมเป็นประเทศฝูหนาน(ฟูนัน)  อยู่ทิศตะวันตกของหลินอี้(จามปา) ระยะห่างกันราว 3,000 ลี้  ประเทศฝูหนานนี้อยู่ตรงอ่างใหญ่, พื้นที่กว้างขวางกว่า 3,000 ลี้  พลเมืองเป็นชาวนา  ทำนาปีหนึ่งได้ผลพอกินถึง 3 ปี  เคยส่งราชบรรณาการมาราชสำนักจีนตลอดมาตั้งแต่สมัย ราชวงศ์จิ้น ,สุ้ง,ฉี,เหลียง,สุย จนถึงราชวงศ์ถัง (พ.ศ. 1161-1450) ภายหลังประเทศฝูหนาน ได้แตกแยกออกเป็นสองประเทศ คือ เซียน(สยามเทสะ) กับ หลอหู (ลวรัฐ)

มีข้อสันนิษฐานว่าลวปุระหรือละโว้น่าจะเป็นเมืองของชาวลัวะ เพราะพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนบนไปจนถึงจีนตอนใต้
เดิมเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของกลุ่มมอญ-เขมร ซึ่งลัวะก็เป็นกลุ่มหนึ่ง ตำนานต่างๆ ล้วนแต่กล่าวถึงชาวลัวะก่อนการเข้ามาของ คนไท-ไต
ข้อสันนิษฐาน คือ ลัวะเป็นชาวพื้นเมืองที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของวัฒนธรรมมอญทวารวดี (จีนเรียก อาณาจักร ทวารวดี ว่า ถว่อหลอปอตี่)
เมืองลวปุระเป็นศูนย์อำนาจทางตอนเหนือที่จะขยายไปถึงหริภุญไชย ซึ่งก็เป็นดินแดนลัวะเหมือนกัน      
พระนางจามเทวีน่าจะเป็นลูกสาวลัวะที่ถูกส่งไปรับวัฒนธรรมมอญ-ขอม ที่ลวปุระ เมื่อกลับมาปกครองจึงขัดแย้งกับขุนหลวงวิลังคะ  
ที่เป็นกลุ่มลัวะใหญ่บริเวณลุ่มน้ำปิง ด้านดอยสุเทพ ที่ยังยึดมั่นจารีตลัวะดั้งเดิมอยู่ ขณะที่หริภุญไชยนั้นอยู่พื้นที่น้ำกวง
น้ำขาน และน้ำปิง ฤาษีวาสุเทพผู้สร้างหริภุญไชยก็คือลัวะที่รับวัฒนธรรมมอญ-เขมร
ขุนหลวงวิลังคะ กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของชาวลั๊วะ ตรงกับสมัยพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย
ทั้งสองพระองค์สู้รบกับเพื่อความแย่งชิงความเป็นใหญ่ระหว่างลั๊วะดั้งเดิมและวัฒนธรรมละโว้
https://th.wikipedia.org/wiki/พระนางจามเทวี

ในพงศาวดารเก่า ๆ เล่าว่า มีลวรัฐ (ลพบุรี) ก่อนขอมเข้ามามีอำนาจ สมัยพระนาง จามเทวี เคยทำสงครามกับพวกละว้า ปฐมพงศาวดารเมืองเงิน ยางเชียงแสน กล่าวว่ามีพวกละว้าอยู่บริเวณดอยตุง และตำนานพระธาตุภาคเหนือ กล่าวถึงชนชาติละว้าก่อนชนชาติไทย และ ขอม พงศาวดารเชียงตุง เขียนว่าคนทั้ง หลายออกมาจากน้ำเต้าใบเดียวกัน ละว้า ออกมาเป็นพวกแรก กะเหรี่ยงออกมาเป็นพวกที่สอง ต่อมาเป็นคนไทย (นิทานลดความอคติ)(บุญช่วย 2506, น.138-139) อาณาจักรของพวกละว้า คือบริเวณแหลมสุวรรณภูมิ และเขตมณฑลยูนนานตอนใต้ เมื่อถูกขอม เขมร ไทย ลาว จาม และ เวียดนามรุกรานก็พากันแตกพ่ายไปอยู่ตามป่าเขาห่างไกล (บุญช่วย 2506, น.141) ละว้านั้นเป็นชนกลุ่มดั้งเดิมที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในอาณาจักรล้านนามาก่อนการตั้งเมืองเชียงใหม่ อาณาจักรละว้า ถึงกาลล่มสลายประมาณปี พ.ศ. 1200 ในสมัยของขุนหลวงวิลังคะ ผู้นำคนสุดท้ายของชาวละว้า ปัจจุบันพบละว้า ในจังหวัด คือ ลำปาง อุทัยธานี สุพรรณบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน และแม่ฮ่องสอนหมู่บ้าน ละว้าที่ใหญ่ที่สุด อยู่ที่ ี่บ้านบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ในตำนานเสาหลักเมืองเชียงใหม่ เล่าว่า เดิมบริเวณเมืองเชียงใหม่ เป็นที่อยู่ของพวกละว้าหรือละว้า นับถือ ปีศาจ เมื่อเจ็บป่วยหรือมีเหตุการณ์อย่างไร ก็เซ่นบูชาผีต่าง ๆ ด้วยไก่ สุกร โค กระบือเสมอ แต่พวกนี้เป็นคนมีสัจจะ พญาอินตา หรือ พระอินทร์ ชอบพระทัยพวก ละว้าด้วยเหตุ  เป็นคน ซื่อ จึงทรง พระราชทานรางวัลด้วยการเนรมิตรบ่อทองคำ บ่อเงิน บ่อเพชรบ่อพลอยให้
http://www.sac.or.th/databases/ethnic/Content/Information/lawa.html

เมื่อกรุงศรีอยุทธยา เกิดเป็นศูนย์กลางขึ้นในแคว้นละโว้เดิมใน พ.ศ. 1893 และได้ยึดครองเอาอาณาจักรสุโขทัย (ลิลิตยวนพ่าย ได้เชลย จากเมืองเชลียง ภาษาล้านนาเรียกเมืองเชียงชื่น ) ไว้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรในต้นพุทธศตวรรษที  20 คำว่า สยามก็เลื่อนลงมาหมายคลุมหมายทั้งสุโขทัยและศรีอยุธยา  และมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงศรี อยุธยาแห่งเดียว
http://www.dpu.ac.th/dpurc/assets/uploads/magazine/4al2smiobcu84w.pdf

ในพระราชสาส์นและมงคลประณามการ ของพระเอกาทศรถซึ่งมีส่ง ไปถึงทองฝิหลิบพระยาประตุการ (Don philipp แห่งโปรตุเกส) เมื่อราว พ.ศ. 2161  เรียกประเทศทั้งสองว่า  "แผ่นดินเมืองประตุการ(โปรตุเกส) แลแผ่นดินกรุงพระมหานครทวารวดี ศรีอยุธยา"
(จาก การต่างประเทศในแผ่นดินพระเอกาทศรถ,ขจร สุขพาวารสารศิลปากร ปีที่ 4 เล่น 4 มกราคม 2504 ) ส่วนคนในบังคับทั้งหมด เรียกไว้ว่า
"ข้าขัณฑสีมากรุงพระมหานครทวารวดีศรีอยุธยา"
http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=1391
http://haab.catholic.or.th/history/history01/protuget5.html
http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_detail.php?id=1390

ในข้อความตอนนี้ แสดงว่า อยุธยา ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันดีของทวารวดี อยู่ ถูกต้องหรือไม่

และคำที่น่าสนใจ คือคำว่า ลิลิต เป็นคำที่เกิดขึ้นในสมัยอยุธยา ในวรรณกรรมหรือตำนานของทางล้านนาไม่ปรากฏคำว่า ลิลิต
ในวิกิไทยบอกเพียงว่า ความเป็นมาของลิลิต ไม่ปรากฏแน่ชัด โดยสืบค้นได้เก่าสุดถึงสมัยอยุธยา
https://th.wikipedia.org/wiki/ลิลิต
ถ้ามองในภาษาที่ถูกนำมาเป็นภาษาสวยงามสมัยนั้น คงไม่พ้นภาษาพราหมณ์(สันสกฤต) บาลี  และภาษาฝรั่งที่ใกล้ชิดอยุธยาคงไม่พ้นโปรตุเกส (Portugal)
ความเห็นส่วนตัว คำว่าลิลิต มีความใกล้เคียงกับคำว่า  literature(literaturar ในภาษาโปรตุเกส)  ที่แปลว่าวรรณกรรม หรือบทกวี ซึ่งน่าจะรับความหมายของคำพร้อมเสียง ไม่ผ่านทางพราหมณ์ ก็น่าจะเป็นผ่านทางโปรตุเกสที่มีความสัมพันธ์อันดีในขณะนั้น ซึ่งมีความชื่นชอบในอาวุธของโปรตุเกส เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

รูปแบบวรรณกรรมในยุคต้นอยุธยา(กาพย์ฉบัง ฉันทลักษณ์เขมร วรรณคดียุคต้นอยุธยา)
http://www.sujitwongthes.com/2012/04/weekly20042555/

การค้นศัพท์อภิธานของสันสกฤต
http://spokensanskrit.de/index.php
การค้นศัพท์อภิธานของโปรตุเกส
https://books.google.co.th/books?id=G7dWAAAAcAAJ&pg=RA4-PA37&lpg=RA4-PA37&dq#v=onepage&q&f=false
http://www.dicio.com.br/


ถ้าดูจากหลักฐานเก่าๆ คำว่า ละวะ ข่าวะ ละว้า ว้า  แยกคำออกจากคำว่า ลาว  
แสดง ลาว กับ ละว้า เป็นคนละเผ่าพันธุ์ถูกหรือไม่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่