ณ อาณาจักร เก้ามนตรา.
จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ได้ปกป้องเมืองแห่งนี้มาเป็นเวลาช้านาน สืบต่อกันรุ่นต่อรุ่นแม้ร่างกายจะสลายสิ้นไปแล้วก็ตาม ตราบเท่าที่เวทมนต์ภายในภพนี้ของเหล่าราชาจอมเวทยังคงอยู่ ก็จะควบคุมและป้องกันเมืองอันสงบสุขนี้ตราบนานเท่านาน ทั้งใช้พลังควบคุมเกราะคุ้มกันเมืองจากเหล่าอสูรเวทนอกเมืองควบคุมลำธารให้มีน้ำใช้ตลอดปี และเพิ่มผลผลิตต่างๆ ให้กับชาวเมือทุกครัวเรือน ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ล้วนเกิดจากพลังอันศักดิ์สิทธิ์ของราชาจอมเวท
เมื่อใดก็ตามที่ราชาจอมเวทหมดอายุขัยลง พลังของท่านผู้นั้นจะยังคงอยู่ได้อีกเป็นเวลา 50 ปี จนกว่าจะมีผู้มาสืบตำแหน่งราชาจอมเวทแทน และผู้ที่จะมาสืบตำแหน่งนั้นได้จำเป็นต้องมี ธาตุแห่งสรรพสิ่ง ทั้ง 9 ธาตุ ภายในร่างกาย
-ทุกคนบนโลกนั้นล้วนเกิดมามีธาตุแห่งสรรพสิ่งเพียงแค่คนละ 1 – 2 ธาตุ คนที่มี 3 ธาตุ ขึ้นไปจะหายากมากและจะเรียกเค้าว่า จอมเวท-
ธาตุแห่งสรรพสิ่งนั้นประกอบด้วยธาตุทั้ง 9 ได้แก่
ดิน น้ำ ลม ไฟ แสง ความมืด สวรรค์ นรก วิญญาณ
-ดินกำเนิดน้ำ ลมกำเนิดไฟ สวรรค์กำเนิดแสง นรกกำเนิดความมืด ดิน น้ำ ลม ไฟ แสง ความมืด สวรรค์ และ นรก กำเนิดวิญญาณ และ วิญญาณกำเนิดธาตุทั้งหมด-
ธาตุทั้งหมดนั้นจะสอดคล้องกัน และทุกธาตุ จะใช้ในการดำเนินชีวิตของแต่ละครัวเรือนในดินแดนแห่งนี้ ตามความสามารถของธาตุนั้นๆ แต่ละคนนั้นจะรับรู้ถึงธาตุภายในตัวตอนอายุ 14 ปี และพลังธาตุที่ 2 ก่อนอายุ 18 ปีถ้าเกินกว่านั้นแล้วจะมีกลายเป็นผู้มี 1 ธาตุ เด็กที่เกิดมาจากผู้ที่มีธาตุแห่งสรรพสิ่งในตัว ต่างชนิดกัน มักจะได้รับธาตุใดธาตุหนึ่งของ พ่อ และ แม่ และส่วนน้อยทีจะได้ธาตุที่สอง ผู้คนจึงมักแต่งงานสร้างครอบครัวกับผู้ที่มีธาตุหลักที่เป็นธาตุเดียวเดียวกัน
เพื่อให้เด็กเกิดมามีธาตุหลักที่แข็งแรง และมีโอกาสได้ธาตุที่จะได้ธาตุที่สองจากการกำเนิดของธาตุหลักอีกด้วย เช่น ผู้ที่มีธาตุลมแข็งแรงมักจะมีธาตุที่สองเป็นธาตุไฟ เพราะลมกำเนิดไฟ และมี 1/1,000,000 จากทั้งหมดจะกำเนิดธาตุที่ 3 คือธาตุวิญญาณ และกลายเป็นจอมเวท และผู้คนก็ดำเนินชีวิตโดยประกอบอาชีพตามความถนัดทางเวทมนต์ของตนเอง และยังมีการเลี้ยงสัตว์อสูรเวท เพื่อใช้งานเวทมนต์ของพวกมันอีกด้วย โดยที่มีพลังของราชาจอมเวทเป็นศูนย์กลางในการดำรงชีวิต ขุนนางหรือนักรบ ได้รับการส่งวิญญาณจากราชาจอมเวท(แสง) การทำให้ฝนตกนอกฤดูกาล(ลม น้ำ) การบดบังสายตาศัตรูไม่ให้มองเห็นเมืองและชาวเมือง(มืด) และการควบคุมการคลุ้มคลั่งของธาตุทั้ง 9(วิญญาณ) เป็นต้น ทายาทของราชาจอมเวทนั้น ส่วนมากจะมีธาตุในตัว 3 ธาตุขึ้นไป แต่ในประวัติศาสตร์ยังไม่เคยมีทายาทคนไหน มีธาตุถึง 9 ธาตุและ บัลลังก์ของราชาจอมเวทแต่ละรุ่นนั้นจึงไม่ใช่ทายาทของราชาจอมเวท แต่จะเป็นผู้ที่มี 9 ธาตุจากที่อื่น และเราเรียกคนผู้นั้นว่า ผู้ถูกเลือก
เหล่าลูกหลานของราชาจอมเวทนั้น เมื่อเกิดมามีธาตุไม่ถึง 9 ธาตุนั้นก็ไม่สามารถสืบต่อราชบัลลังก์ของ ราชาจอมเวทได้ เหล่าลูกหลานจึงมีหน้าที่ สืบหาผู้ที่มี 9 ธาตุ จากทั่วอาณาจักร และทดสอบฝึกฝน พวกเค้าเพื่อมาประลองกับ ผู้ที่มี 9 ธาตุคนอื่นๆ ที่ แต่ละคนหามา เพื่อชิงบัลลังก์และกลายเป็นราชาจอมเวท และจะมียศลองลงมาจาก ราชาจอมเวท โดยมีลูกหลานของราชาเป็นผู้สนับสนุนแต่ละคนก่อนถึงวันคัดเลือก ราชาจอมเวท ผู้ถูกเลือกทุกคนจะต้องมีคุณสมบัติที่พร้อมต่อการเป็นราชาจอมเวทและจบจาก การศึกษาใน โรงเรียนแห่งจอมเวท ที่ผลิตทหารขุนนางและนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และผู้ที่มีจะเข้าเรียนได้ต้องมี 3 ธาตุขึ้นไปหรือต้องเป็นระดับจอมเวทเท่านั้น และโรงเรียนแห่งนี้ ชื่อว่า
“วิหารแห่งสายใยศักดิ์สิทธิ์”
วิหารแห้งสายใยศักดิ์สิทธิ์ บทนำ
เมื่อใดก็ตามที่ราชาจอมเวทหมดอายุขัยลง พลังของท่านผู้นั้นจะยังคงอยู่ได้อีกเป็นเวลา 50 ปี จนกว่าจะมีผู้มาสืบตำแหน่งราชาจอมเวทแทน และผู้ที่จะมาสืบตำแหน่งนั้นได้จำเป็นต้องมี ธาตุแห่งสรรพสิ่ง ทั้ง 9 ธาตุ ภายในร่างกาย
-ทุกคนบนโลกนั้นล้วนเกิดมามีธาตุแห่งสรรพสิ่งเพียงแค่คนละ 1 – 2 ธาตุ คนที่มี 3 ธาตุ ขึ้นไปจะหายากมากและจะเรียกเค้าว่า จอมเวท-
ธาตุแห่งสรรพสิ่งนั้นประกอบด้วยธาตุทั้ง 9 ได้แก่
ดิน น้ำ ลม ไฟ แสง ความมืด สวรรค์ นรก วิญญาณ
-ดินกำเนิดน้ำ ลมกำเนิดไฟ สวรรค์กำเนิดแสง นรกกำเนิดความมืด ดิน น้ำ ลม ไฟ แสง ความมืด สวรรค์ และ นรก กำเนิดวิญญาณ และ วิญญาณกำเนิดธาตุทั้งหมด-
ธาตุทั้งหมดนั้นจะสอดคล้องกัน และทุกธาตุ จะใช้ในการดำเนินชีวิตของแต่ละครัวเรือนในดินแดนแห่งนี้ ตามความสามารถของธาตุนั้นๆ แต่ละคนนั้นจะรับรู้ถึงธาตุภายในตัวตอนอายุ 14 ปี และพลังธาตุที่ 2 ก่อนอายุ 18 ปีถ้าเกินกว่านั้นแล้วจะมีกลายเป็นผู้มี 1 ธาตุ เด็กที่เกิดมาจากผู้ที่มีธาตุแห่งสรรพสิ่งในตัว ต่างชนิดกัน มักจะได้รับธาตุใดธาตุหนึ่งของ พ่อ และ แม่ และส่วนน้อยทีจะได้ธาตุที่สอง ผู้คนจึงมักแต่งงานสร้างครอบครัวกับผู้ที่มีธาตุหลักที่เป็นธาตุเดียวเดียวกัน
เพื่อให้เด็กเกิดมามีธาตุหลักที่แข็งแรง และมีโอกาสได้ธาตุที่จะได้ธาตุที่สองจากการกำเนิดของธาตุหลักอีกด้วย เช่น ผู้ที่มีธาตุลมแข็งแรงมักจะมีธาตุที่สองเป็นธาตุไฟ เพราะลมกำเนิดไฟ และมี 1/1,000,000 จากทั้งหมดจะกำเนิดธาตุที่ 3 คือธาตุวิญญาณ และกลายเป็นจอมเวท และผู้คนก็ดำเนินชีวิตโดยประกอบอาชีพตามความถนัดทางเวทมนต์ของตนเอง และยังมีการเลี้ยงสัตว์อสูรเวท เพื่อใช้งานเวทมนต์ของพวกมันอีกด้วย โดยที่มีพลังของราชาจอมเวทเป็นศูนย์กลางในการดำรงชีวิต ขุนนางหรือนักรบ ได้รับการส่งวิญญาณจากราชาจอมเวท(แสง) การทำให้ฝนตกนอกฤดูกาล(ลม น้ำ) การบดบังสายตาศัตรูไม่ให้มองเห็นเมืองและชาวเมือง(มืด) และการควบคุมการคลุ้มคลั่งของธาตุทั้ง 9(วิญญาณ) เป็นต้น ทายาทของราชาจอมเวทนั้น ส่วนมากจะมีธาตุในตัว 3 ธาตุขึ้นไป แต่ในประวัติศาสตร์ยังไม่เคยมีทายาทคนไหน มีธาตุถึง 9 ธาตุและ บัลลังก์ของราชาจอมเวทแต่ละรุ่นนั้นจึงไม่ใช่ทายาทของราชาจอมเวท แต่จะเป็นผู้ที่มี 9 ธาตุจากที่อื่น และเราเรียกคนผู้นั้นว่า ผู้ถูกเลือก
เหล่าลูกหลานของราชาจอมเวทนั้น เมื่อเกิดมามีธาตุไม่ถึง 9 ธาตุนั้นก็ไม่สามารถสืบต่อราชบัลลังก์ของ ราชาจอมเวทได้ เหล่าลูกหลานจึงมีหน้าที่ สืบหาผู้ที่มี 9 ธาตุ จากทั่วอาณาจักร และทดสอบฝึกฝน พวกเค้าเพื่อมาประลองกับ ผู้ที่มี 9 ธาตุคนอื่นๆ ที่ แต่ละคนหามา เพื่อชิงบัลลังก์และกลายเป็นราชาจอมเวท และจะมียศลองลงมาจาก ราชาจอมเวท โดยมีลูกหลานของราชาเป็นผู้สนับสนุนแต่ละคนก่อนถึงวันคัดเลือก ราชาจอมเวท ผู้ถูกเลือกทุกคนจะต้องมีคุณสมบัติที่พร้อมต่อการเป็นราชาจอมเวทและจบจาก การศึกษาใน โรงเรียนแห่งจอมเวท ที่ผลิตทหารขุนนางและนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และผู้ที่มีจะเข้าเรียนได้ต้องมี 3 ธาตุขึ้นไปหรือต้องเป็นระดับจอมเวทเท่านั้น และโรงเรียนแห่งนี้ ชื่อว่า