โลกวุ่น ๆ ของสมมุติสงฆ์ คนไทยคงจะต้องทนยุ่งเหยิงกันอีกสักพัก ..เพราะขณะนี้กำลังอยู่ในระยะเวลาแห่งการรื้อปลวกศาสนาที่เคยเกาะกุมรุมทำลายแก่นพระศาสนาให้มันหมดไป
แม้จะค่อย ๆ รื้อ... ค่อย ๆ แคะ และกำลังจะได้ตัว "นางพญา" ซึ่งหมายว่า ถ้าตัวแม่จอด...ที่เหลือ ก็ง่าย ๆ
ความตกต่ำของคนอาศัยผ้าเหลืองหากิน นับจาก บักเณรคำ ที่ลงทุนเคี้ยวหมากสร้างอุตริมนุษยธรรม โอ่ว่ามีสหายเป็นพระอินทร์มากระซิบบอกให้สร้างพระมรกตยักษ์ ...เมื่ออ้างแล้ว ก็แอ้ม ๆ ตามด้วยขอตังค์ญาติโยม เอาไปสร้างพระองค์โตเขียวปี๋...... สุดท้ายพระยังไม่ทันเสร็จดี ตัวเอง "หนี" แถมหลวงพ่อองค์โต เมื่อเข้าไปตรวจก็พบว่า เป็นแค่ "เรซิ่น" เกรดจีนหลอกชาวบ้าน หาใช่มรกตล้ำค่าซะทีไหน
มันจึงเป็นสัจธรรมทีว่า การแสวงหาโมกขธรรม ...ไม่จำเป็นต้องใช้ "กะตังค์" เข้าไปแลก และวัดในนิยามพุทธแท้ คือ แหล่งเผยแพร่ธรรมะพุทธองค์ หาใช้ ร้านสะดวกซื้อบุญ 24 น. ไม่!
เหมือนเดินเข้าร้าน...ยังไม่ทันควักกระเป๋าจองตั๋ววงบุญ พวกเสนอหน้าเจ๋อ "รับตั๋ววงบุญแล้วสามารถซื้อค้อนในราคาพิเศษค่ะ...เอามั้ยคะ?"
เกมยื้อรอเวลา...ของเจ้าสำนักจานบิน จากผลพวงวิบากกรรมล่าสุด จากเช็คมหัศจรรย์ 878 ใบ รวมหมื่นล้านเศษ ที่นายศุภชัย ตีเช็คสหกรณ์ผ่องถ่ายออก ๆ มาตลอดระยะเวลาที่ ทั้งจ่ายตรงให้ธัมมชโย บ้างก็ฝากผ่านนอมินีนั่นนี่... บ้างก็แอบไปซื้อที่ทางแล้วย้อนกลับมาบริจาควัด ฯลฯ สารพัดยอดเซียนเหยีบเมฆที่ไม่น่าเชื่อว่าจะใจไม้ไส้ระกำทำกับเงินออมของแก่คนเฒ่าที่เก็บรอมมาทั้งชีวิตได้ลง
คุณศุภชัย ในชุดสีส้ม เดินคอตก มือสองข้างถูกสวมกุญแจมือ...หมดความขลัง แบบสวด "ชิตังเม ๆๆๆ" ก็ช่วยไม่ได้
เมื่อแรกใหม่ ๆ แกก็พยายามเก็บงำหลายเรื่องไว้... เพราะเชื่อว่า วันหน้าฟ้าเปิด ทุกอย่างอาจมีโอกาส "พลิก"
แต่พลันที่ คนรู้จักกันแบบที่ตนยอมทุ่มตัวถวายทุกอย่าง ออกมาบอกว่า "ไม่เคยรู้จักนายศุภชัย" นั่นคือไฮไลท์ประหนึ่งมีดกรีดกลางใจคุณศุภชัยที่เริ่มเข้าใจแล้วว่า "โลกแห่งกรรม" จริงๆ ไม่ต้องรอให้ตายแล้วไปรอจิบไวน์ทีดุสิตบุรี แต่ชาตินี้เข้าใจมันแล้วอย่างถ่องแท้
คำว่า "กัลยาณมิตร" ที่เคยมีแต่คนยกมือไหว้ ครับ ๆ ขา ๆ ... วันนี้แทบไม่มีใครกล้าเยี่ยมกลายทักทายสบายดีกับแกที่เรือนจำ เพราะตอนนี้.... แน่นอนแล้วว่าไม่มีใครอยากจดจำแก แม้นว่าครั้งหนึ่งจะเคยทุ่มเททุกสิ่งให้แก่วัดนี้เพียงใด
แต่เมื่อต้องกลายเป็น "ผู้ต้องโทษ" การยอมเดียจฉันท์เพื่อมิให้ภัยมาถึงตัว คือการแสดงออกชัดแจ้งแห่งการ "เอาตัวรอด"
เมื่อคนเราเข้าใจ "กฏแห่งกรรม" ตามความเป็นจริง .... และเมื่อสติมันนิ่งมองเห็นทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ปัญญามันก็อาจเกิดแม้นในที่ๆ ไม่ต้องอาศัยใครมากล่อมจิตพิจารณาศุนย์กลาง.... และดินแดนสุขาวดีหรือนิพพานที่เคยฝันว่ามี...และคิดว่าตนคงเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อปัญญามันตื่น มันก็พังครืน.... แก้วใสปิ๊งก็หายพลัน "หมดฝัน".. ทั้งๆที่ยังไม่ "หมดบุญ!"
DSI จับอารมณ์ได้ถูกเวลา.... เลือกเดินเข้าไปหา และ กลับออกมาด้วยหน้าตาแจ่มใส บอก คุณศุภชัยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก!
ไม่นานก็มีหมายเรียก..... ตามมาด้วยหมายจับ และเริ่มกระบวนการขยับเขยื้อนจนสะเทือนไปทั้งลานบิน.... ราวกับใต้พื้นดินมีใครมาจุดไฟให้มันร้อนรน
สารพัดโรครุม...ไม่เท่ากลัดกลุ้มจนบ้านหมุน .... จนบัดนี้ยังแต่ว ๆ ไมยอมหยุด!
บ่ายเบี่ยง...หลบเลี่ยง เป็นปกติของคนที่กำลังหาหนทางออก นี่เป็นเกมที่ DSI และคนทั่วไปก็มองออก
บ่ายเบี่ยงได้..... แต่ จะหลบเลี่ยงได้ต่อไปอีกเท่าไหร่? นี่ซิคือคำถาม
บิ๊กต๊อก... ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวานบอก... ใจเย็น ๆ สักพักตนจะลงไปดูเรื่องนี้เอง สัญญานนี้ไม่ธรรมดา เพราะสัปดาห์หน้าอาจมีอะไรให้สนุกกว่า!
ผบ.ตร สั่งตำรวจ ตรวจเข้มรอบวัด.... ตรวจอาวุธศาตรา โดยเฉพาะแต่งขาวแต่ชอบพกพา ฯลฯ เหล่านี้ถือเป็นกิจกรรมดี ๆ ที่จัดให้ศิษยานุศิษย์ในวัดได้อุ่นใจว่า ตำรวจอยู่ไหนประชาชนปลอดภัยทุกคน ยกเว้น "ผู้ร้าย!"
สลายม๊อบมีอาวุธครบ... คสช. บอกไม่ลำบากใจ
ยิ่งสลายเหล่ากัลยาณมิตร ที่บอกกันขันแข็งว่า ไม่นิยมความรุนแรง ...มันก็ยิ่งง่าย
เพราะถ้า "ใช่" อย่างที่บอก ....แค่โทรโข่งบอกให้ทั้งพระทั้งโยมได้โปรดออกมาจากวัดให้หมด....เพราะตำรวจจะเข้าตรวจค้น ทุกคนที่เชื่อว่าตนเป็นคนดีและเข้าใจก็จะทำตามกฎหมายโดยง่าย...
แต่ถ้าหูฟังไม่ชัดยังไม่ยอมออก...ก็ต้องบอกให้มันดังกว่านั้น.......หรือถ้าดังแล้วยังไม่ "ฟัง"
แต่กลับริเปลี่ยนองค์ทรงเครื่องจากกัลยาณธรรม มาเป็น "โล่ห์" เป็น "นักรบ" นั่นเท่ากับ เข้าทาง คสช!
กล้าทำแบบนั้นก็หมดหวังจะไปดุสิตบุรี ...ยิ่งขัดขวางการทำงานเจ้าหน้าที่ งานนี้อาจต้องไป โรงพัก กับ ศาลกันก่อนได้เหยียบวงบุญละมัง
ก่อนพายุจะเข้า....ฟ้ามันจะเงียบ ๆ เหงา ๆ
ก่อนทะเลจะโครมคราม....ผืนน้ำเรียบดุจกระจก
นี่ DSI เงียบไปอย่างมีนัยยะนะ..........
สัปดาห์หน้า ฟ้าฝนและพายุ กำลังจะมา.......เสียงครืน ๆ โครมคราม..บอกเตือนกันไว้ก่อนให้ "เก็บผ้าผ่อนออกจากวัด...กลับไปกันเถิด" นะจ๊ะ!
"ชิตังเม" ของผู้พ่ายแพ้
แม้จะค่อย ๆ รื้อ... ค่อย ๆ แคะ และกำลังจะได้ตัว "นางพญา" ซึ่งหมายว่า ถ้าตัวแม่จอด...ที่เหลือ ก็ง่าย ๆ
ความตกต่ำของคนอาศัยผ้าเหลืองหากิน นับจาก บักเณรคำ ที่ลงทุนเคี้ยวหมากสร้างอุตริมนุษยธรรม โอ่ว่ามีสหายเป็นพระอินทร์มากระซิบบอกให้สร้างพระมรกตยักษ์ ...เมื่ออ้างแล้ว ก็แอ้ม ๆ ตามด้วยขอตังค์ญาติโยม เอาไปสร้างพระองค์โตเขียวปี๋...... สุดท้ายพระยังไม่ทันเสร็จดี ตัวเอง "หนี" แถมหลวงพ่อองค์โต เมื่อเข้าไปตรวจก็พบว่า เป็นแค่ "เรซิ่น" เกรดจีนหลอกชาวบ้าน หาใช่มรกตล้ำค่าซะทีไหน
มันจึงเป็นสัจธรรมทีว่า การแสวงหาโมกขธรรม ...ไม่จำเป็นต้องใช้ "กะตังค์" เข้าไปแลก และวัดในนิยามพุทธแท้ คือ แหล่งเผยแพร่ธรรมะพุทธองค์ หาใช้ ร้านสะดวกซื้อบุญ 24 น. ไม่!
เหมือนเดินเข้าร้าน...ยังไม่ทันควักกระเป๋าจองตั๋ววงบุญ พวกเสนอหน้าเจ๋อ "รับตั๋ววงบุญแล้วสามารถซื้อค้อนในราคาพิเศษค่ะ...เอามั้ยคะ?"
เกมยื้อรอเวลา...ของเจ้าสำนักจานบิน จากผลพวงวิบากกรรมล่าสุด จากเช็คมหัศจรรย์ 878 ใบ รวมหมื่นล้านเศษ ที่นายศุภชัย ตีเช็คสหกรณ์ผ่องถ่ายออก ๆ มาตลอดระยะเวลาที่ ทั้งจ่ายตรงให้ธัมมชโย บ้างก็ฝากผ่านนอมินีนั่นนี่... บ้างก็แอบไปซื้อที่ทางแล้วย้อนกลับมาบริจาควัด ฯลฯ สารพัดยอดเซียนเหยีบเมฆที่ไม่น่าเชื่อว่าจะใจไม้ไส้ระกำทำกับเงินออมของแก่คนเฒ่าที่เก็บรอมมาทั้งชีวิตได้ลง
คุณศุภชัย ในชุดสีส้ม เดินคอตก มือสองข้างถูกสวมกุญแจมือ...หมดความขลัง แบบสวด "ชิตังเม ๆๆๆ" ก็ช่วยไม่ได้
เมื่อแรกใหม่ ๆ แกก็พยายามเก็บงำหลายเรื่องไว้... เพราะเชื่อว่า วันหน้าฟ้าเปิด ทุกอย่างอาจมีโอกาส "พลิก"
แต่พลันที่ คนรู้จักกันแบบที่ตนยอมทุ่มตัวถวายทุกอย่าง ออกมาบอกว่า "ไม่เคยรู้จักนายศุภชัย" นั่นคือไฮไลท์ประหนึ่งมีดกรีดกลางใจคุณศุภชัยที่เริ่มเข้าใจแล้วว่า "โลกแห่งกรรม" จริงๆ ไม่ต้องรอให้ตายแล้วไปรอจิบไวน์ทีดุสิตบุรี แต่ชาตินี้เข้าใจมันแล้วอย่างถ่องแท้
คำว่า "กัลยาณมิตร" ที่เคยมีแต่คนยกมือไหว้ ครับ ๆ ขา ๆ ... วันนี้แทบไม่มีใครกล้าเยี่ยมกลายทักทายสบายดีกับแกที่เรือนจำ เพราะตอนนี้.... แน่นอนแล้วว่าไม่มีใครอยากจดจำแก แม้นว่าครั้งหนึ่งจะเคยทุ่มเททุกสิ่งให้แก่วัดนี้เพียงใด
แต่เมื่อต้องกลายเป็น "ผู้ต้องโทษ" การยอมเดียจฉันท์เพื่อมิให้ภัยมาถึงตัว คือการแสดงออกชัดแจ้งแห่งการ "เอาตัวรอด"
เมื่อคนเราเข้าใจ "กฏแห่งกรรม" ตามความเป็นจริง .... และเมื่อสติมันนิ่งมองเห็นทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ปัญญามันก็อาจเกิดแม้นในที่ๆ ไม่ต้องอาศัยใครมากล่อมจิตพิจารณาศุนย์กลาง.... และดินแดนสุขาวดีหรือนิพพานที่เคยฝันว่ามี...และคิดว่าตนคงเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อปัญญามันตื่น มันก็พังครืน.... แก้วใสปิ๊งก็หายพลัน "หมดฝัน".. ทั้งๆที่ยังไม่ "หมดบุญ!"
DSI จับอารมณ์ได้ถูกเวลา.... เลือกเดินเข้าไปหา และ กลับออกมาด้วยหน้าตาแจ่มใส บอก คุณศุภชัยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก!
ไม่นานก็มีหมายเรียก..... ตามมาด้วยหมายจับ และเริ่มกระบวนการขยับเขยื้อนจนสะเทือนไปทั้งลานบิน.... ราวกับใต้พื้นดินมีใครมาจุดไฟให้มันร้อนรน
สารพัดโรครุม...ไม่เท่ากลัดกลุ้มจนบ้านหมุน .... จนบัดนี้ยังแต่ว ๆ ไมยอมหยุด!
บ่ายเบี่ยง...หลบเลี่ยง เป็นปกติของคนที่กำลังหาหนทางออก นี่เป็นเกมที่ DSI และคนทั่วไปก็มองออก
บ่ายเบี่ยงได้..... แต่ จะหลบเลี่ยงได้ต่อไปอีกเท่าไหร่? นี่ซิคือคำถาม
บิ๊กต๊อก... ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวานบอก... ใจเย็น ๆ สักพักตนจะลงไปดูเรื่องนี้เอง สัญญานนี้ไม่ธรรมดา เพราะสัปดาห์หน้าอาจมีอะไรให้สนุกกว่า!
ผบ.ตร สั่งตำรวจ ตรวจเข้มรอบวัด.... ตรวจอาวุธศาตรา โดยเฉพาะแต่งขาวแต่ชอบพกพา ฯลฯ เหล่านี้ถือเป็นกิจกรรมดี ๆ ที่จัดให้ศิษยานุศิษย์ในวัดได้อุ่นใจว่า ตำรวจอยู่ไหนประชาชนปลอดภัยทุกคน ยกเว้น "ผู้ร้าย!"
สลายม๊อบมีอาวุธครบ... คสช. บอกไม่ลำบากใจ
ยิ่งสลายเหล่ากัลยาณมิตร ที่บอกกันขันแข็งว่า ไม่นิยมความรุนแรง ...มันก็ยิ่งง่าย
เพราะถ้า "ใช่" อย่างที่บอก ....แค่โทรโข่งบอกให้ทั้งพระทั้งโยมได้โปรดออกมาจากวัดให้หมด....เพราะตำรวจจะเข้าตรวจค้น ทุกคนที่เชื่อว่าตนเป็นคนดีและเข้าใจก็จะทำตามกฎหมายโดยง่าย...
แต่ถ้าหูฟังไม่ชัดยังไม่ยอมออก...ก็ต้องบอกให้มันดังกว่านั้น.......หรือถ้าดังแล้วยังไม่ "ฟัง"
แต่กลับริเปลี่ยนองค์ทรงเครื่องจากกัลยาณธรรม มาเป็น "โล่ห์" เป็น "นักรบ" นั่นเท่ากับ เข้าทาง คสช!
กล้าทำแบบนั้นก็หมดหวังจะไปดุสิตบุรี ...ยิ่งขัดขวางการทำงานเจ้าหน้าที่ งานนี้อาจต้องไป โรงพัก กับ ศาลกันก่อนได้เหยียบวงบุญละมัง
ก่อนพายุจะเข้า....ฟ้ามันจะเงียบ ๆ เหงา ๆ
ก่อนทะเลจะโครมคราม....ผืนน้ำเรียบดุจกระจก
นี่ DSI เงียบไปอย่างมีนัยยะนะ..........
สัปดาห์หน้า ฟ้าฝนและพายุ กำลังจะมา.......เสียงครืน ๆ โครมคราม..บอกเตือนกันไว้ก่อนให้ "เก็บผ้าผ่อนออกจากวัด...กลับไปกันเถิด" นะจ๊ะ!