คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
อ่านสักนิดนะคะ แง่คิดดีๆ
หญิงสาวชาวเหนือแต่งงานกับหนุ่มใต้
หญิงสาวไม่ทานเผ็ด แต่หนุ่มใต้ขาดเผ็ดไม่ได้
มีอยู่วันหนึ่ง หญิงสาวกลับบ้านแม่ พ่อของเธอซึ่งชอบทานเค็มเป็นคนทำอาหาร
เมื่อถึงเวลาทานข้าว คุณแม่ของเธอถือถ้วยใส่น้ำร้อนมาใบหนึ่ง ก่อนทาน แม่ของเธอก็คีบอาหารผ่านน้ำร้อนในถ้วย จากนั้นถึงคีบเข้าปาก ทานอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่พูดอะไร
เธอสังเกตสิ่งที่แม่ทำ จึงเข้าใจว่าทำไม่พ่อกับแม่จึงอยู่กันได้ยืดยาว
วันต่อมา
เธอทำอาหารที่สามีชอบทาน แน่นอน แต่ละอย่างมีรสเผ็ดจัดจ้าน
แต่ตรงหน้าของเธอ มีน้ำร้อนอยู่ถ้วยหนึ่ง
สามีของเธอเห็นภรรยาคีบอาหารผ่านน้ำร้อนแล้วก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย น้ำตาก็รื้นขึ้นมา
วันต่อมา สามีของเธออาสาทำอาหารบ้าง แต่อาหารที่เขาปรุงไม่มีอะไรที่เผ็ดเลยสักอย่าง
แต่ว่า ตรงหน้าของเขา มีจานเล็กๆที่มีพริกอยู่เต็มจาน ทุกครั้งที่เขาตักข้าวเข้าปาก เขาก็จะหยิบพริกในจานนั้นตามเข้าปากไปด้วย ทุกคำข้าวอร่อยเหมือนเดิม...
Cr.นุสนธิ์บุคส์
การปรับตัวเข้าหากันดีที่สุดค่ะ ถ้าต่างฝ่ายต่างเป็นตัวของตัวเอง ถ้านิสัยไม่ตรงกัน ก็รับกันไม่ได้ ถึงจะรับได้ ยังไงก็ต้องมีการปรับเข้าหากันอยู่ดี ทุกคนล้วนอยากให้คนที่เรารักเป็นอย่างที่เราต้องการทั้งนั้นค่ะ เช่น ก่อนแต่งงาน กินเหล้าหนัก ติดเที่ยว ติดพนัน อะไรต่างๆ พอมาหลังจากแต่งงานคนเราก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น อะไรที่มันไม่ดีควรเลิก ถึงจะอยากทำแค่ไหนก็ต้องหักห้ามใจ ก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน และเป็นตัวของตัวเองในส่วนที่ดี ส่วนที่ทั้งสองคนรับได้ค่ะ
ุ
หญิงสาวชาวเหนือแต่งงานกับหนุ่มใต้
หญิงสาวไม่ทานเผ็ด แต่หนุ่มใต้ขาดเผ็ดไม่ได้
มีอยู่วันหนึ่ง หญิงสาวกลับบ้านแม่ พ่อของเธอซึ่งชอบทานเค็มเป็นคนทำอาหาร
เมื่อถึงเวลาทานข้าว คุณแม่ของเธอถือถ้วยใส่น้ำร้อนมาใบหนึ่ง ก่อนทาน แม่ของเธอก็คีบอาหารผ่านน้ำร้อนในถ้วย จากนั้นถึงคีบเข้าปาก ทานอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่พูดอะไร
เธอสังเกตสิ่งที่แม่ทำ จึงเข้าใจว่าทำไม่พ่อกับแม่จึงอยู่กันได้ยืดยาว
วันต่อมา
เธอทำอาหารที่สามีชอบทาน แน่นอน แต่ละอย่างมีรสเผ็ดจัดจ้าน
แต่ตรงหน้าของเธอ มีน้ำร้อนอยู่ถ้วยหนึ่ง
สามีของเธอเห็นภรรยาคีบอาหารผ่านน้ำร้อนแล้วก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย น้ำตาก็รื้นขึ้นมา
วันต่อมา สามีของเธออาสาทำอาหารบ้าง แต่อาหารที่เขาปรุงไม่มีอะไรที่เผ็ดเลยสักอย่าง
แต่ว่า ตรงหน้าของเขา มีจานเล็กๆที่มีพริกอยู่เต็มจาน ทุกครั้งที่เขาตักข้าวเข้าปาก เขาก็จะหยิบพริกในจานนั้นตามเข้าปากไปด้วย ทุกคำข้าวอร่อยเหมือนเดิม...
Cr.นุสนธิ์บุคส์
การปรับตัวเข้าหากันดีที่สุดค่ะ ถ้าต่างฝ่ายต่างเป็นตัวของตัวเอง ถ้านิสัยไม่ตรงกัน ก็รับกันไม่ได้ ถึงจะรับได้ ยังไงก็ต้องมีการปรับเข้าหากันอยู่ดี ทุกคนล้วนอยากให้คนที่เรารักเป็นอย่างที่เราต้องการทั้งนั้นค่ะ เช่น ก่อนแต่งงาน กินเหล้าหนัก ติดเที่ยว ติดพนัน อะไรต่างๆ พอมาหลังจากแต่งงานคนเราก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น อะไรที่มันไม่ดีควรเลิก ถึงจะอยากทำแค่ไหนก็ต้องหักห้ามใจ ก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน และเป็นตัวของตัวเองในส่วนที่ดี ส่วนที่ทั้งสองคนรับได้ค่ะ
ุ
สมาชิกหมายเลข 2029709 ถูกใจ, ทิดสม ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 7159329 ถูกใจ, HiVenus ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5746288 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6768125 ถูกใจ, คิดถึงคนที่อยู่ในรูป ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3654944 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1428399 ถูกใจ, พยัคฆ์เขียว ถูกใจรวมถึงอีก 1 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
การปรับตัวเข้าหากัน หรือ การเป็นตัวของตัวเอง ทำให้รักยืนยาวกว่ากันค่ะ
ซึ่ง จขกท. ให้เหตุผลว่า คบกันก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน แฟนไม่ชอบอะไรก็พยายามเลี่ยงอย่าทำ เราไม่ชอบอะไรแฟนก็ไม่ทำ คิดถึงใจเขาใจเรา
แต่เพื่อนบอกว่า ทำไมถึงต้องปรับ การปรับคือการฝืน พอฝืนก็คือทน สุดท้ายก็นิสัยเดิม ทำไมไม่เป็นตัวของตัวเอง เราเป็นของเราแบบนี้
รับได้ก็คบ รับไม่ได้ก็จบ ไม่ต้องปรับตัวอะไร
ลึกๆเราไม่เชื่ออะว่า การเป็นตัวของตัวเอง มันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตรักดี มันต้องมีการปรับตัว
อย่าง จขกท. โดนมาหนักเลย เพราะเมื่อก่อนเป็นตัวของตัวเอง ติดเพื่อน อยากทำอะไรก็ทำ สุดท้ายเราก็เลิกกับแฟนด้วยเหตุผลที่ว่า เขาไม่สามารถหยุดเราได้เลยสักเรื่อง จขกท.ต้องการคนที่สามารถเตือนเราได้ เราทำไม่ดีก้แนะนำ จนมีแฟนใหม่ อยากทำให้มันดี กลายเป็นว่าเราติดแฟน โดนเพื่อนเหน็บ เหน็บจริงจัง เพราะเขาบอกว่า ทำไม จขกท ไม่เป็นตัวของตัวเอง ทำไมถึงต้องปรับ...บางที่ก็อยากจะบอกกับเพื่อนนะว่า จ๊ะเธอโชคดีที่มีแฟนยอมรับทุกอย่างในตัวเธอ แต่แน่ใจใช่ไหมว่า ผช ไม่ได้ปรับ ไม่ได้ฝืน ไม่ได้ทน ....
เข้าคำถามแหละ สรุปแล้วการเป็นตัวของตัวเอง ดีกว่าการปรับตัวเข้าหากันใช่ไหมค่ะ