พวกเราที่อยู่ในช่วงอายุ 40, 50 และ 60 ปี เป็นรุ่นที่ได้รับพรวิเศษ ชีวิตของเราเป็นเสมือนข้อพิสูจน์ที่มีชีวิต
เราไม่เคยถูกปฏิบัติเหมือนฝูงสัตว์ที่ต้องแบกกระเป๋าใส่หนังสือมากมายไปโรงเรียน
ตอนเราเล่นและขี่จักรยาน เราไม่เคยต้องวุ่นวายสวมหมวกกันน้อคหรือต้องล้อคจักรยาน
พอโรงเรียนเลิกเราก็เล่นต่อได้จนมืดค่ำและดูทีวีน้อยมาก
เราเล่นเฉพาะกับเพื่อนที่มีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่เพื่อนในโลกโซเชียล
ยามที่เรากระหายน้ำ เราก็ดื่มน้ำจากก๊อกน้ำประปา และไม่เคยต้องซื้อน้ำดื่มบรรจุขวด
แม้ว่าจะดื่มน้ำผลไม้คั้นร่วมกับสหายอีกสี่คน เราก็ไม่เห็นจะป่วยไข้อะไร
เราไม่เคยน้ำหนักตัวขึ้นมากมายแม้จะกินข้าวจานใหญ่ตามด้วยขนมจุบจิบทุกวัน
แม้จะวิ่งเล่นที่โน่นที่นี่เยอะแยะโดยไม่สวมรองเท้า เราไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเท้าเลย
เราไม่เคยต้องหาซื้อยาบำรุงใดๆ มากินเพื่อให้เรามีสุขภาพดี
เราทำของเล่นเองและเล่นกับมันอย่างสนุกสนาน
พ่อแม่ของเราไม่ได้ร่ำรวย พวกท่านไม่เคยต้องกระ

สนหาเงินทองเพื่อให้ร่ำรวย ท่านมอบความรักให้แก่เรา และไม่ได้ให้สิ่งของทางโลกต่างๆ มากมาย
เราไม่เคยต้องแชร์อารมณ์ของเราผ่านอีโมติคอนในโทรศัพท์มือถือ
เรารับฟังความจริงและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เราเขียนสิ่งเหล่านนั้นในจดหมาย ดังนั้นคำเหล่านั้นไม่เคยต้องถูกแก้ไขหรือลบออกไปในภายหลัง
เราไม่เคยใช้โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นดีวีดี เพลย์สเตชั่น เอ็กซ์บ๊อกซ์ วิดีโอเกม เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล อินเตอร์เน๊ต หรือแม้กระทั่งห้องสนทนาในโซเชียลมีเดีย แต่เราก็มีเพื่อนที่มีตัวตนจริงๆ มากมาย
เราไปเยี่ยมบ้านเพื่อนได้โดยไม่ต้องโทรศัพท์ไปบอกก่อน และกินอาหารร่วมกับเขา เราไม่เห็นจะต้องโทรศัพท์ไปขออนุญาตก่อนไปหาเลย
บ้านญาติของเราก็อยู่ใกล้ๆ กัน ทำให้เรารู้สึกดีมีความสุขและอบอุ่นใจ ดังนั้น เราเลยไม่เคยต้องทำประกันภัยอะไร
ภาพถ่ายของเราเป็นขาว-ดำ และเราก็รู้สึกได้ถึงความทรงจำดีๆ ในรูปแบบสีสันสดใสในภายถ่ายเหล่านั้น
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด....
พวกเราเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีใครเหมือน และเป็นรุ่นอายุที่มีความเข้าอกเข้าใจคนมากที่สุด เพราะเราเป็นกลุ่มคนรุ่นสุดท้ายที่ฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่และยังเป็นกลุ่มคนรุ่นแรกที่ต้องฟังลูกๆ ของเรา
พวกเราไม่ได้เป็นรุ่นพิเศษ แต่เป็น “รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น”!!
ใกล้ฝั่ง...ฝันดีนะ
พวกเราที่อยู่ในช่วงอายุ 40, 50 และ 60 ปี เป็นรุ่นที่ได้รับพรวิเศษ ชีวิตของเราเป็นเสมือนข้อพิสูจน์ที่มีชีวิต
เราไม่เคยถูกปฏิบัติเหมือนฝูงสัตว์ที่ต้องแบกกระเป๋าใส่หนังสือมากมายไปโรงเรียน
ตอนเราเล่นและขี่จักรยาน เราไม่เคยต้องวุ่นวายสวมหมวกกันน้อคหรือต้องล้อคจักรยาน
พอโรงเรียนเลิกเราก็เล่นต่อได้จนมืดค่ำและดูทีวีน้อยมาก
เราเล่นเฉพาะกับเพื่อนที่มีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่เพื่อนในโลกโซเชียล
ยามที่เรากระหายน้ำ เราก็ดื่มน้ำจากก๊อกน้ำประปา และไม่เคยต้องซื้อน้ำดื่มบรรจุขวด
แม้ว่าจะดื่มน้ำผลไม้คั้นร่วมกับสหายอีกสี่คน เราก็ไม่เห็นจะป่วยไข้อะไร
เราไม่เคยน้ำหนักตัวขึ้นมากมายแม้จะกินข้าวจานใหญ่ตามด้วยขนมจุบจิบทุกวัน
แม้จะวิ่งเล่นที่โน่นที่นี่เยอะแยะโดยไม่สวมรองเท้า เราไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเท้าเลย
เราไม่เคยต้องหาซื้อยาบำรุงใดๆ มากินเพื่อให้เรามีสุขภาพดี
เราทำของเล่นเองและเล่นกับมันอย่างสนุกสนาน
พ่อแม่ของเราไม่ได้ร่ำรวย พวกท่านไม่เคยต้องกระ
เราไม่เคยต้องแชร์อารมณ์ของเราผ่านอีโมติคอนในโทรศัพท์มือถือ
เรารับฟังความจริงและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เราเขียนสิ่งเหล่านนั้นในจดหมาย ดังนั้นคำเหล่านั้นไม่เคยต้องถูกแก้ไขหรือลบออกไปในภายหลัง
เราไม่เคยใช้โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นดีวีดี เพลย์สเตชั่น เอ็กซ์บ๊อกซ์ วิดีโอเกม เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล อินเตอร์เน๊ต หรือแม้กระทั่งห้องสนทนาในโซเชียลมีเดีย แต่เราก็มีเพื่อนที่มีตัวตนจริงๆ มากมาย
เราไปเยี่ยมบ้านเพื่อนได้โดยไม่ต้องโทรศัพท์ไปบอกก่อน และกินอาหารร่วมกับเขา เราไม่เห็นจะต้องโทรศัพท์ไปขออนุญาตก่อนไปหาเลย
บ้านญาติของเราก็อยู่ใกล้ๆ กัน ทำให้เรารู้สึกดีมีความสุขและอบอุ่นใจ ดังนั้น เราเลยไม่เคยต้องทำประกันภัยอะไร
ภาพถ่ายของเราเป็นขาว-ดำ และเราก็รู้สึกได้ถึงความทรงจำดีๆ ในรูปแบบสีสันสดใสในภายถ่ายเหล่านั้น
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด....
พวกเราเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีใครเหมือน และเป็นรุ่นอายุที่มีความเข้าอกเข้าใจคนมากที่สุด เพราะเราเป็นกลุ่มคนรุ่นสุดท้ายที่ฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่และยังเป็นกลุ่มคนรุ่นแรกที่ต้องฟังลูกๆ ของเรา
พวกเราไม่ได้เป็นรุ่นพิเศษ แต่เป็น “รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น”!!