.
ประเทศที่ใส่ใจต่อวิถีปฏิบัติที่สืบเนื่องกันมา ให้ความสำคัญกับเรื่องราวของคนในชาติมากกว่า การสนใจสายตาขอชนต่างชาติ พยายามทำโดยมุ่งหวังที่จะเป็นกระแสชาตินิยม แต่สุดท้ายก็ล่มและล้มเหลวในทางปฏิบัติเพราะคนในชาตินั้น เลือกที่จะทำตามกระแสโลก ในยุคโลกาภิวัฒน์
สิ่งที่กล่าวด้านบนคือภาพลักษณ์ของประเทศไทยตามมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น
ชาตินิยม นั้นมิใช่เรื่องผิด ความคิดอนุรักษ์ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายๆประเทศโดยเฉพาะในเอเชีย อย่างเช่นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประชาชนของประเทศเหล่านั้นก็ยังคงมีแนวคิดความเป็นชาตินิยมอย่างสูง ยังคงอนุรักษ์สิ่งที่ดีงามของชนชาติตนเองไว้ มีวินัยและพร้อมใจกันทั้งชาติเพื่อจรรโลงสิ่งเหล่านั้นไว้ แต่ที่สำคัญ เขาเลือกที่จะอนุรักษ์แต่สิ่งที่ดีๆไว้ และไม่คิดต่อต้านกระแสโลก แถมยังติดตามและพยายามก้าวล้ำเพื่อเป็นผู้นำกระแส ในด้านที่ประเทศตนเองมีศักยภาพ
ญี่ปุ่นใช้เทคโนโลยีอีเล็คโทรนิคและยานยนต์ ฉุดดึงประเทศขึ้นมานับตั้งแต่ตกเป็นฝ่ายผ่ายแพ้สงคราม ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาหลีใต้เองก็ตามรอยญี่ปุ่นแบบเกาะติด ยกระดับตัวเองหลังจากถูกแบ่งแยกประเทศ ในสงครามเกาหลี
และชาติทั้งสองนี้ไปไกลกว่าประเทศไทยมาก ทั้งที่มีอดีตทางการเมืองการปกครองคล้ายคลึงกันหลายเรื่อง คือเป็นประเทศที่เคยใช้ระบอบสมบูรณ์ยาสิทธิราชปกครองประเทศมาก่อน เคยมีเผด็จการทหารปกครองประเทศเช่นเดียวกับไทย ปัจจุบันหันมาใช้ระบอบประชาธิปไตยปกครองประเทศ
แต่แล้วทำไมประเทศไทย...? ไม่สามารถไปได้ถึงจุดนั้น ทั้งที่ในอดีต ศักยภาพของประเทศไทยก็ใกล้เคียงกับประเทศที่กล่าวมาข้างต้น
คำตอบตามมุ่งมองของผู้เขียนคือ
ประเทศไทยถูกควบคุมโดยชนชั้นที่ต่อต้านกระแสโลก กลัวความเปลี่ยนแปลงตามกระแสจะทำให้สถานะชนชั้นทางสังคมของตนเองเปลี่ยนแปลงไป ยึดติดและดัดจริตจนต้องเอาคำว่าแบบไทยๆ มาชูเป็นประเด็นว่าเป็นแนวคิดอนุรักษ์ ทั้งที่ความเป็นจริง มันคือการอนุรักษ์แบบผิดๆ
ต่างจากญี่ปุ่นและเกาหลีที่เลือกจะอนุรักษ์แต่สิ่งดีๆ ขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชาติอย่างเช่นการรวมศูนย์อำนาจไว้กับผู้หนึ่งผู้ใด จริงจังกับการจัดการอย่างเด็ดขาดกับพวกใช้เส้นสายหรือระบบอุปถัมภ์ และที่สำคัญ คือประชาชนของเขารู้จักหวงแหนในสิทธิเสรีภาพที่ตนมี
และใช้สิทธิเสรีภาพที่ตนมีเท่าที่ขอบเขตของตนพึงกระทำได้ ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เพราะนั้นเป็นสิ่งที่น่าอาย
ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่ทั้งองประเทศนี้ทำได้ทันทีแบบฉับพลันทันด่วน ล้วนอาศัยระยะเวลาทั้งสิ้น ใครที่มีอายุอานามสักหน่อยคงจำกันได้ ว่าแต่ก่อนสองประเทศนี้ก็มีม็อบบ่อยไม่แพ้ประเทศไทย รึจำภาพการประชุมสภาของเกาหลีใต้ได้ว่ามีทะเลาะชกต่อยก็เห็นกันอยู่บ่อยๆในข่าว แต่ปัจจุบัน ภาพหรือข่าวเหล่านั้นไม่มีให้เห็นอีกแล้ว
เพราะอะไร...? หรือเพราะคนในชาติของเขารู้ว่าสิ่งใดเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชาติ จึงได้ตัดมันออกไปและไม่สนับสนุนให้ใครที่ทำเช่นนั้นกลับมามีบทบาททางการปกครองบริหาร ประชาชนของเขารู้ว่าสิ่งใดควรอนุรักษ์ไว้และสิ่งใดควรกำจัดออก ให้ประเทศของเขาเจริญก้าวหน้าพัฒนาตามกระแสโลกที่รุดหน้าตลอดเวลา
หรืออาจกล่าวได้ว่าประชาชนของเขามีจิตสำนึก ที่อยากให้ประเทศเจริญก้าวหน้า มากกว่าที่จะย่ำอยู่กับที่ภายใต้กรอบอนุรักษ์นิยม
ด้วยการที่ประเทศเหล่านี้ให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน จึงทำให้ประเทศของตนนั้นหลุดกรอบจากการเป็นประเทศอนุรักษ์นิยม มาเป็นประเทศเสรีนิยมที่ยังคงความเป็นชาตินิยมอย่างเข้มแข็งอยู่ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ไม่ได้เป็นประเทศเสรีนิยมอย่างฝรั่งมังค่า เพราะยังรักษาขนบธรรมเนียมที่ดีงามของตนเองไว้อย่างเหนียวแน่น
แตกต่างจากไทย ซึ่งตั้งเป้าหมายจะเจริญรุดหน้าเฉพาะปาก ขาดความจริงจังที่จะทำให้มันสำเร็จเป็นจริง และเลือกที่จะอนุรักษ์สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศชาติ มากกว่าที่จะขจัดทิ้งออกไป มีอย่างที่ไหนในประเทศประชาธิปไตย ที่บอกว่าการปฏิวัติรัฐประหารสามารถกระทำได้เพราะเคยมีการกระทำเช่นนี้ในอดีตมาก่อน
ทุกวันนี้เราถูกคำว่า แบบไทยๆ มาเคลือบครอบให้เรากลายเป็นประเทศอนุรักษ์ ชาตินิยม ที่มีเฉพาะเปลือกที่หลอกคนในชาติตนเองว่าเป็นสิ่งดีงาม
แต่แท้ที่จริงแล้วคำว่าแบบไทยๆนั้น คือสิ่งถ่วงรั้งให้ประเทศของเราก้าวย่ำอยู่กับที่ รอคอยให้ประเทศอื่นแซงหน้าเราไปหมด ด้วยแนวคิดอนุรักษ์แบบผิดๆ เป็นแนวคิดอนุรักษ์ชาตินิยมที่ล้าหลังเพราะยังให้ความสำคัญกับการย่ำอยู่ที่เดิม
กรอบและกรง ถ่วงรั้ง..................ขังชาติ
ให้เสื่อมถอย สามารถ.................ย่างก้าว
อนุรักษ์ ผิดพลาด.......................ไปเพื่อ ใดนา
ฤๅชนใด หมายเป้า......................เท่านั้นครอบครอง
ขอบคุณครับ
นายพระรอง
(บทความ....นายพระรอง) ปอกเปลือกแบบไทยๆThailand packaging
ประเทศที่ใส่ใจต่อวิถีปฏิบัติที่สืบเนื่องกันมา ให้ความสำคัญกับเรื่องราวของคนในชาติมากกว่า การสนใจสายตาขอชนต่างชาติ พยายามทำโดยมุ่งหวังที่จะเป็นกระแสชาตินิยม แต่สุดท้ายก็ล่มและล้มเหลวในทางปฏิบัติเพราะคนในชาตินั้น เลือกที่จะทำตามกระแสโลก ในยุคโลกาภิวัฒน์
ชาตินิยม นั้นมิใช่เรื่องผิด ความคิดอนุรักษ์ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายๆประเทศโดยเฉพาะในเอเชีย อย่างเช่นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประชาชนของประเทศเหล่านั้นก็ยังคงมีแนวคิดความเป็นชาตินิยมอย่างสูง ยังคงอนุรักษ์สิ่งที่ดีงามของชนชาติตนเองไว้ มีวินัยและพร้อมใจกันทั้งชาติเพื่อจรรโลงสิ่งเหล่านั้นไว้ แต่ที่สำคัญ เขาเลือกที่จะอนุรักษ์แต่สิ่งที่ดีๆไว้ และไม่คิดต่อต้านกระแสโลก แถมยังติดตามและพยายามก้าวล้ำเพื่อเป็นผู้นำกระแส ในด้านที่ประเทศตนเองมีศักยภาพ
ญี่ปุ่นใช้เทคโนโลยีอีเล็คโทรนิคและยานยนต์ ฉุดดึงประเทศขึ้นมานับตั้งแต่ตกเป็นฝ่ายผ่ายแพ้สงคราม ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาหลีใต้เองก็ตามรอยญี่ปุ่นแบบเกาะติด ยกระดับตัวเองหลังจากถูกแบ่งแยกประเทศ ในสงครามเกาหลี
และชาติทั้งสองนี้ไปไกลกว่าประเทศไทยมาก ทั้งที่มีอดีตทางการเมืองการปกครองคล้ายคลึงกันหลายเรื่อง คือเป็นประเทศที่เคยใช้ระบอบสมบูรณ์ยาสิทธิราชปกครองประเทศมาก่อน เคยมีเผด็จการทหารปกครองประเทศเช่นเดียวกับไทย ปัจจุบันหันมาใช้ระบอบประชาธิปไตยปกครองประเทศ
แต่แล้วทำไมประเทศไทย...? ไม่สามารถไปได้ถึงจุดนั้น ทั้งที่ในอดีต ศักยภาพของประเทศไทยก็ใกล้เคียงกับประเทศที่กล่าวมาข้างต้น
คำตอบตามมุ่งมองของผู้เขียนคือ ประเทศไทยถูกควบคุมโดยชนชั้นที่ต่อต้านกระแสโลก กลัวความเปลี่ยนแปลงตามกระแสจะทำให้สถานะชนชั้นทางสังคมของตนเองเปลี่ยนแปลงไป ยึดติดและดัดจริตจนต้องเอาคำว่าแบบไทยๆ มาชูเป็นประเด็นว่าเป็นแนวคิดอนุรักษ์ ทั้งที่ความเป็นจริง มันคือการอนุรักษ์แบบผิดๆ
ต่างจากญี่ปุ่นและเกาหลีที่เลือกจะอนุรักษ์แต่สิ่งดีๆ ขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชาติอย่างเช่นการรวมศูนย์อำนาจไว้กับผู้หนึ่งผู้ใด จริงจังกับการจัดการอย่างเด็ดขาดกับพวกใช้เส้นสายหรือระบบอุปถัมภ์ และที่สำคัญ คือประชาชนของเขารู้จักหวงแหนในสิทธิเสรีภาพที่ตนมี และใช้สิทธิเสรีภาพที่ตนมีเท่าที่ขอบเขตของตนพึงกระทำได้ ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เพราะนั้นเป็นสิ่งที่น่าอาย
ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่ทั้งองประเทศนี้ทำได้ทันทีแบบฉับพลันทันด่วน ล้วนอาศัยระยะเวลาทั้งสิ้น ใครที่มีอายุอานามสักหน่อยคงจำกันได้ ว่าแต่ก่อนสองประเทศนี้ก็มีม็อบบ่อยไม่แพ้ประเทศไทย รึจำภาพการประชุมสภาของเกาหลีใต้ได้ว่ามีทะเลาะชกต่อยก็เห็นกันอยู่บ่อยๆในข่าว แต่ปัจจุบัน ภาพหรือข่าวเหล่านั้นไม่มีให้เห็นอีกแล้ว
เพราะอะไร...? หรือเพราะคนในชาติของเขารู้ว่าสิ่งใดเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชาติ จึงได้ตัดมันออกไปและไม่สนับสนุนให้ใครที่ทำเช่นนั้นกลับมามีบทบาททางการปกครองบริหาร ประชาชนของเขารู้ว่าสิ่งใดควรอนุรักษ์ไว้และสิ่งใดควรกำจัดออก ให้ประเทศของเขาเจริญก้าวหน้าพัฒนาตามกระแสโลกที่รุดหน้าตลอดเวลา
หรืออาจกล่าวได้ว่าประชาชนของเขามีจิตสำนึก ที่อยากให้ประเทศเจริญก้าวหน้า มากกว่าที่จะย่ำอยู่กับที่ภายใต้กรอบอนุรักษ์นิยม
ด้วยการที่ประเทศเหล่านี้ให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน จึงทำให้ประเทศของตนนั้นหลุดกรอบจากการเป็นประเทศอนุรักษ์นิยม มาเป็นประเทศเสรีนิยมที่ยังคงความเป็นชาตินิยมอย่างเข้มแข็งอยู่ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ไม่ได้เป็นประเทศเสรีนิยมอย่างฝรั่งมังค่า เพราะยังรักษาขนบธรรมเนียมที่ดีงามของตนเองไว้อย่างเหนียวแน่น
แตกต่างจากไทย ซึ่งตั้งเป้าหมายจะเจริญรุดหน้าเฉพาะปาก ขาดความจริงจังที่จะทำให้มันสำเร็จเป็นจริง และเลือกที่จะอนุรักษ์สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศชาติ มากกว่าที่จะขจัดทิ้งออกไป มีอย่างที่ไหนในประเทศประชาธิปไตย ที่บอกว่าการปฏิวัติรัฐประหารสามารถกระทำได้เพราะเคยมีการกระทำเช่นนี้ในอดีตมาก่อน
ทุกวันนี้เราถูกคำว่า แบบไทยๆ มาเคลือบครอบให้เรากลายเป็นประเทศอนุรักษ์ ชาตินิยม ที่มีเฉพาะเปลือกที่หลอกคนในชาติตนเองว่าเป็นสิ่งดีงาม แต่แท้ที่จริงแล้วคำว่าแบบไทยๆนั้น คือสิ่งถ่วงรั้งให้ประเทศของเราก้าวย่ำอยู่กับที่ รอคอยให้ประเทศอื่นแซงหน้าเราไปหมด ด้วยแนวคิดอนุรักษ์แบบผิดๆ เป็นแนวคิดอนุรักษ์ชาตินิยมที่ล้าหลังเพราะยังให้ความสำคัญกับการย่ำอยู่ที่เดิม
กรอบและกรง ถ่วงรั้ง..................ขังชาติ
ให้เสื่อมถอย สามารถ.................ย่างก้าว
อนุรักษ์ ผิดพลาด.......................ไปเพื่อ ใดนา
ฤๅชนใด หมายเป้า......................เท่านั้นครอบครอง
ขอบคุณครับ
นายพระรอง