"โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติบอกเมื่อคืนลูกทีมคงนอนไม่หลับ 3 ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นนักเตะทีมชาติไทยเกิดอาการช็อตในช่วงท้ายๆเหมือนเกมกับซีเรียแต่ก่อนเราแพ้จนชินแต่ช่วง 3 ปีหลังมานี้แฟนบอลเยอะขึ้น และเขาก็คาดหวังกับเรา
ความเคลื่อนไหวของลูกทีมหนัง"ช้างศึก"ทีมชาติไทย เจ้าของอันดับ 117 ของโลกที่เพิ่งผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 44 ด้วยการชนะจุดโทษ ซีเรีย หลังเสมอในเวลา 2-2 โดยที่ทีมชาติไทยออกนำก่อนถึง 2-0 แต่ก็ถูกซีเรียตามตีเสมอ 2-2 ในครึ่งเวลาหลัง
ล่าสุดเมื่อช่วงสายของวันเสาร์ที่ 4 มิ.ย.59 "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยได้ปล่อยนักเตะรีแล็กซ์และผ่อนคลายหลังเจอกับช่วงเวลาที่บีบหัวใจในเกมที่พบกับซีเรีย โดยกุนซือใหญ่ทีมชาติไทยได้เผยออกมาอย่างชัดเจนด้วยว่า "เมื่อคืน ไม่มีใครนอนหลับแน่นอน"
"ผมเข้าใจ ผมรู้ว่าลูกทีมน้องๆเมื่อคืนคงนอนไม่หลับ 3 ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นนักเตะทีมชาติไทยเกิดอาการช็อตในช่วงท้ายๆเหมือนเกมกับซีเรีย ผมคิดว่านักเตะทุกคนคงจะประเมินสถานการณ์ได้ โดยเฉพาะการประเมินด้วยความรู้สึก เราก็ไม่ค่อยแพ้ใคร ซึ่งเราก็แบกความหวังของแฟนบอลไทยทั้งประเทศเอาไว้ แต่ก่อนเราแพ้จนชิน จนคนไม่ค่อยเข้ามาดู แต่ช่วง 3 ปีหลังมานี้แฟนบอลเยอะขึ้น และเขาก็คาดหวังกับเรา และหวังให้ผลงานของเราให้ชนะ แม้จะมีการแพ้กับอุซเบกิสถาน และแพ้แคเมอรูนเมื่อปีที่แล้ว แต่ผลงานโดยรวมก็ถือว่าดีขึ้นเยอะ"
โดยเกมนัดสุดท้ายศึกชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 44 จะมีขึ้นในวันที่ 5 มิ.ย.59 ที่สนามราชมังคลาฯ คู่ชิงที่ 3 ยูเออี พบ ซีเรีย เวลา 17.00 น. ส่วนคู่ชิงชนะเลิศ จอร์แดน พบ ไทย เวลา 20.00 น. ถ่ายทอดสดช่อง ไทยรัฐทีวี
หลังเกม "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า "จริงๆ แล้วครึ่งแรกเราเห็นว่านำ 2-0 แล้ว น่าจะปิดเกมได้ เราก็เตรียมเปลี่ยนแนวรุก 3 ตัวในครึ่งหลังอยู่แล้ว แต่พอเล่นไปก็ค่อยๆ แผ่วลง แผ่วลง ดึงเกมอยากยิงจุดโทษหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"เสีย 2 ประตู เกมรับอย่างที่เห็นว่าเรายังมีข้อบกพร่องอยู่ ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข การเล่นในระดับเอเชียจะยากขึ้น ต้องยอมรับว่าวันนี้เกมของเราอาจจะสะดุดบ้าง ซึ่งมันไม่ได้เป็นไปตามเกม ตอนแรกเราต้องการนำแนวรุกไปเสริม ถือว่าแฟนบอลได้กำไร ได้เห็นทั้ง 4 ลูก ได้เห็นจุดโทษด้วย เราผ่านเข้าสู่รอบชิงแล้ว นั่นคือเป้าหมายของเรา"
"2 ประตูที่ผิดพลาด ต้องยอมรับว่าเราเติมเกมกันเยอะในครึ่งแรก แล้วผู้เล่นของซีเรียเองเขาเปลี่ยนแนวรุก จาก 4-2-3-1 เขาก็เล่นเป็น 4-4-2 เตะข้ามไลน์เลย ตรงกลางไม่ต้องต่อบอล เขาใช้การบอม การกดดันด้านข้าง สิ่งที่พยายามเน้นย้ำน้องๆ ก็คือการครอสด้านข้าง แต่ก็ยังพลาดไปทั้ง 2 ลูก อันนี้ก็ต้องมาปรับปรุงเกมรับ เพราะว่าตัวเซ็นเตอร์เรารูปร่างค่อนข้างเล็ก"
"ลูกกลางอากาศ" ซิโก้ชี้ถึงจุดแข็งซีเรียในเกมนี้ "ครึ่งแรกเนี่ยเขาได้เซ็ทพีทแล้วเขาได้โหม่งทุกลูกเลย เขามีเสาโทรเลขประมาณสัก 5-6 เสา ฉะนั้นตรงนี้เวลาเราเจอผู้เล่นที่สูงใหญ่ ลูกกลางอากาศมันจะป้องกันลำบาก ฉะนั้นเราต้องไม่เสียฟาล์วด้านข้าง ไม่เสียลูกเซ็ทพีทเยอะ"
แม่ทัพใหญ่ของช้างศึกกล่าวต่อไปว่า "ในรอบชิงเกมเราได้เห็นเกมคู่แรกระหว่างยูเออีกับจอร์แดน ก็ไม่ใช่งานง่าย เราคงต้องทำงานให้หนักยิ่งขึ้น เดี๋ยวต้องเช็คดูว่าอาการของผู้เล่นมีใครบาดเจ็บหรือเปล่าด้วย ต้องดูว่าเก่งกับตั้มยังสามารถเดินเกมได้ต่อหรือไม่ รวมถึงโดกับอุ้ม"
"จริงๆแล้วเกมรับมันไม่ใช่แค่แบ็กโฟร์ มันต้องทั้งระบบ ผู้เล่นปีกด้านกลาง ตรงกลางเนี่ยต้องถอยลงมาจัดเซฟให้เหนียวแน่น ซึ่งในตรงนี้เราต้องไปทบทวนกันอีกครั้งหนึ่งว่าบอลถูกถ่ายมาเร็วเกินไป พวกเราไม่ค่อยได้เห็นเกมแบบนี้ ทุกคนค่อนข้างที่จะล้า ตรงนี้คงต้องหาโอกาสนั่งคุยกับเด็กๆ ว่าเกิดจากอะไรด้วย"
ที่มา
http://www.supersubthailand.com/news/11914-9/index.html 
เครียดจัด!ซิโก้บอกเมื่อคืนไม่มีใครนอนหลับ
ความเคลื่อนไหวของลูกทีมหนัง"ช้างศึก"ทีมชาติไทย เจ้าของอันดับ 117 ของโลกที่เพิ่งผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 44 ด้วยการชนะจุดโทษ ซีเรีย หลังเสมอในเวลา 2-2 โดยที่ทีมชาติไทยออกนำก่อนถึง 2-0 แต่ก็ถูกซีเรียตามตีเสมอ 2-2 ในครึ่งเวลาหลัง
ล่าสุดเมื่อช่วงสายของวันเสาร์ที่ 4 มิ.ย.59 "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยได้ปล่อยนักเตะรีแล็กซ์และผ่อนคลายหลังเจอกับช่วงเวลาที่บีบหัวใจในเกมที่พบกับซีเรีย โดยกุนซือใหญ่ทีมชาติไทยได้เผยออกมาอย่างชัดเจนด้วยว่า "เมื่อคืน ไม่มีใครนอนหลับแน่นอน"
"ผมเข้าใจ ผมรู้ว่าลูกทีมน้องๆเมื่อคืนคงนอนไม่หลับ 3 ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นนักเตะทีมชาติไทยเกิดอาการช็อตในช่วงท้ายๆเหมือนเกมกับซีเรีย ผมคิดว่านักเตะทุกคนคงจะประเมินสถานการณ์ได้ โดยเฉพาะการประเมินด้วยความรู้สึก เราก็ไม่ค่อยแพ้ใคร ซึ่งเราก็แบกความหวังของแฟนบอลไทยทั้งประเทศเอาไว้ แต่ก่อนเราแพ้จนชิน จนคนไม่ค่อยเข้ามาดู แต่ช่วง 3 ปีหลังมานี้แฟนบอลเยอะขึ้น และเขาก็คาดหวังกับเรา และหวังให้ผลงานของเราให้ชนะ แม้จะมีการแพ้กับอุซเบกิสถาน และแพ้แคเมอรูนเมื่อปีที่แล้ว แต่ผลงานโดยรวมก็ถือว่าดีขึ้นเยอะ"
โดยเกมนัดสุดท้ายศึกชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 44 จะมีขึ้นในวันที่ 5 มิ.ย.59 ที่สนามราชมังคลาฯ คู่ชิงที่ 3 ยูเออี พบ ซีเรีย เวลา 17.00 น. ส่วนคู่ชิงชนะเลิศ จอร์แดน พบ ไทย เวลา 20.00 น. ถ่ายทอดสดช่อง ไทยรัฐทีวี
หลังเกม "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า "จริงๆ แล้วครึ่งแรกเราเห็นว่านำ 2-0 แล้ว น่าจะปิดเกมได้ เราก็เตรียมเปลี่ยนแนวรุก 3 ตัวในครึ่งหลังอยู่แล้ว แต่พอเล่นไปก็ค่อยๆ แผ่วลง แผ่วลง ดึงเกมอยากยิงจุดโทษหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"เสีย 2 ประตู เกมรับอย่างที่เห็นว่าเรายังมีข้อบกพร่องอยู่ ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข การเล่นในระดับเอเชียจะยากขึ้น ต้องยอมรับว่าวันนี้เกมของเราอาจจะสะดุดบ้าง ซึ่งมันไม่ได้เป็นไปตามเกม ตอนแรกเราต้องการนำแนวรุกไปเสริม ถือว่าแฟนบอลได้กำไร ได้เห็นทั้ง 4 ลูก ได้เห็นจุดโทษด้วย เราผ่านเข้าสู่รอบชิงแล้ว นั่นคือเป้าหมายของเรา"
"2 ประตูที่ผิดพลาด ต้องยอมรับว่าเราเติมเกมกันเยอะในครึ่งแรก แล้วผู้เล่นของซีเรียเองเขาเปลี่ยนแนวรุก จาก 4-2-3-1 เขาก็เล่นเป็น 4-4-2 เตะข้ามไลน์เลย ตรงกลางไม่ต้องต่อบอล เขาใช้การบอม การกดดันด้านข้าง สิ่งที่พยายามเน้นย้ำน้องๆ ก็คือการครอสด้านข้าง แต่ก็ยังพลาดไปทั้ง 2 ลูก อันนี้ก็ต้องมาปรับปรุงเกมรับ เพราะว่าตัวเซ็นเตอร์เรารูปร่างค่อนข้างเล็ก"
"ลูกกลางอากาศ" ซิโก้ชี้ถึงจุดแข็งซีเรียในเกมนี้ "ครึ่งแรกเนี่ยเขาได้เซ็ทพีทแล้วเขาได้โหม่งทุกลูกเลย เขามีเสาโทรเลขประมาณสัก 5-6 เสา ฉะนั้นตรงนี้เวลาเราเจอผู้เล่นที่สูงใหญ่ ลูกกลางอากาศมันจะป้องกันลำบาก ฉะนั้นเราต้องไม่เสียฟาล์วด้านข้าง ไม่เสียลูกเซ็ทพีทเยอะ"
แม่ทัพใหญ่ของช้างศึกกล่าวต่อไปว่า "ในรอบชิงเกมเราได้เห็นเกมคู่แรกระหว่างยูเออีกับจอร์แดน ก็ไม่ใช่งานง่าย เราคงต้องทำงานให้หนักยิ่งขึ้น เดี๋ยวต้องเช็คดูว่าอาการของผู้เล่นมีใครบาดเจ็บหรือเปล่าด้วย ต้องดูว่าเก่งกับตั้มยังสามารถเดินเกมได้ต่อหรือไม่ รวมถึงโดกับอุ้ม"
"จริงๆแล้วเกมรับมันไม่ใช่แค่แบ็กโฟร์ มันต้องทั้งระบบ ผู้เล่นปีกด้านกลาง ตรงกลางเนี่ยต้องถอยลงมาจัดเซฟให้เหนียวแน่น ซึ่งในตรงนี้เราต้องไปทบทวนกันอีกครั้งหนึ่งว่าบอลถูกถ่ายมาเร็วเกินไป พวกเราไม่ค่อยได้เห็นเกมแบบนี้ ทุกคนค่อนข้างที่จะล้า ตรงนี้คงต้องหาโอกาสนั่งคุยกับเด็กๆ ว่าเกิดจากอะไรด้วย"
ที่มา http://www.supersubthailand.com/news/11914-9/index.html