สองเดือน กะอีก 5 วัน พวกเราคงได้ซ้อมมือ
กากบาท ลงประชามติ รับ - ไม่รับ ร่าง รธน ฉบับปราบโกง(พะนะ)
เกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยิน รธน เลิศเลอเพอเฟค ปราบโกง ก็ได้ด้วย
ตำหนวด ตะหาน ตลอดจนผู้รักชาติทั้งหลาย คงไม่ได้ออกมา
เป่านกหวีดปรี๊ด ๆ หรือ กวักมือเรียกกันออกมายึดอำนาจ จากนักการเมือง
ขี้โกงอีกแน่ ๆ และทั้งพระทั้งแพะ คงจะได้อยู่กับวัดกับวา ไม่ได้ออกมาเดินกร่าง
ตามถนนแสดงความเป็นผู้รักชาติ แต่เพียงผู้เดียวเป็นแน่แท้
เพราะ รธน ฉบับนี้มันจะกำจัด จะปราบคนขี้โกงให้ดู ตามที่คุณปู่มีชัยกล่าวไว้
(ถ้าแกไม่โกหก) เรื่องโกหกคนแก่ ๆ ส่วนมากไม่ค่อยทำกันหรอก คงจะกลัวเป็นบาป(มั้ง)
ตายไปโดนเขาสาปแช่งตกนรกเอา ยิ่งอีกไม่นานแกก็คงได้กลับบ้าน(เก่า) แล้วเชื่อว่าไม่มี
เรื่องโกหก... ส่วนเรื่องหลง ๆ ลืม ๆ หรือพูดอะไรแล้ว จำไม่ได้ อันนี้ไม่แน่ เชื่อว่าคนแก่
ขนาดนี้สมงสมอง จะดีขนาดใหนมีโอกาสหลง ๆ ลืม ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ คงถือสาคุณปู่ไม่ได้
และจากนี้ไปอีก ประมาณ 1 ปีพวกเราก็คงได้เลือกตั้งกันซะที(ถ้าผู้นำท่านไม่เปลี่ยนใจ)
เพราะท่านเคยบอกเสมอ รธน ผ่านหรือไม่ก็ต้องมีการเลือกตั้งตามโรดแมปที่ท่านได้วางไว้แล้ว
ส่วนหนึ่ง ก็น่าจะมาจากการฝืนกระแสทางสังคมไม่ไหว ไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย+ถูกบอยคอต
จากประเทศต่าง ๆ ในหลาย ๆ เรื่อง และปัญหาเศรษฐกิจที่โงหัวไม่ขึ้น แก้ไขยังไงก็แก้ไม่ได้
เนื่องจากมีปัจจัยแทรกซ้อน เรื่องไม่เป็นประชาธิปไตยที่ต่างชาติดูแคลน และรังเกียจเอา
เห็นข่าวโรงงานปิด + ส่งออกติดลบ + จีดีพีตกต่ำ + พืชผลทางการเกษตร ไม่เป็นราคา ก็ได้แต่เศร้าใจ
เรามาถึงจุด ที่ลำบากด้วยกันแบบเสมอภาค หรือแทบทุก ๆ ฝ่ายได้อย่างไร ใครเป็นคนลากถูลู่ถูกรัง
มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จุดที่คนคนหนึ่งที่เสียผลประโยชน์ทางธุรกิจอย่าง"แป๊ะลิ้มฤ เมื่อปี 48 ลุกลาม
กลายมาส่งไม้ต่อให้"สุเมือก" ใช้หากินต่อ เพราะคำว่า เพื่อชาติ และกู้ชาติ
เป็นคนฝ่ายที่ถูกกระทำ หมอบกระแต ราบคาบ จากการปฏิวัติ 2 ครั้งซ้อน
ปชช เจอผลกระทบทุกหย่อมหญ้า ตลอดระยะเวลา 10 ปี คนที่เป็น
ชนวน เป็นต้นเหตุ กลับสบายใจเฉิบ นั่งใช้เงิน นั่งนับเงินบริจาคแบบสบายอุรา
บทเรียนครั้งนี้ ถ้าไม่จำก็ถือว่าแย่มาก ๆ สำหรับ ปชช ที่มากจริต อคติ ริษยาร้าย
พูดง่าย ๆ คือหากไม่เลิกนิสัยขี้อิจฉา หรือชอบเดินตามก้น พวกขี้แพ้หาเรื่องชาวบ้านอีก
เชื่อว่า ประชาชนคงอดรนทนไม่ไหว และคงได้ออกมากระทืบเอาเป็แน่แท้ และเชื่อว่า
แม้จะกวักมือเรียกใครมาช่วย กับสิ่งชั่ว ๆที่ตัวเองได้กระทำไป เชื่อว่าใครก็คงไม่มีใครกล้าออกมาอีกแน่ ๆ
เพราะบทเรียนมีให้เห็นกันแล้วว่า การกวักมือเรียกกันออกมาช่วยกับสิ่งไม่ถูกไม่ควร
มีแต่สร้างความอิบหายวายป่วง ไม่จบไม่สิ้น อาจจะได้ดิ๊ด๊า ได้ความสะใจที่สามารถปราบและ
กำจัดคนที่ตัวเองเกลียดได้แพ๊บเดียว ตัวเองก็ต้องมารับกรรมกับ
ผลกระทบที่ตามมาจากการที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย แบบไม่มีทางหลีกเลี่ยงอยู่ดี
กรรม ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ของคนไทยที่มีพวกมากจริต อคติ อิจฉา ริษยาร้ายเป็นที่ตั้ง
บ้านเมือง ปชช ถึงต้องมารับกรรม และตกอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกแบบนี้
ไม่รู้ว่า คนพวกนี้จากไปแล้ว จะยังคงทิ้งอุดมการณ์อันเลวร้ายพวกนี้ให้แก่ทายาทวงศ์ตระกูล
หรือเปล่า หากยังคงเป็นเช่นนี้บ้านเมืองก็คงจมปล้กอยู่กันแบบนี้แน่ ๆ
++++ ซ้อมมือ"ลงประชามติ"รอ "เลือกตั้งกลางปีหน้า" ตื่นเต้นจัง ++++
กากบาท ลงประชามติ รับ - ไม่รับ ร่าง รธน ฉบับปราบโกง(พะนะ)
เกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยิน รธน เลิศเลอเพอเฟค ปราบโกง ก็ได้ด้วย
ตำหนวด ตะหาน ตลอดจนผู้รักชาติทั้งหลาย คงไม่ได้ออกมา
เป่านกหวีดปรี๊ด ๆ หรือ กวักมือเรียกกันออกมายึดอำนาจ จากนักการเมือง
ขี้โกงอีกแน่ ๆ และทั้งพระทั้งแพะ คงจะได้อยู่กับวัดกับวา ไม่ได้ออกมาเดินกร่าง
ตามถนนแสดงความเป็นผู้รักชาติ แต่เพียงผู้เดียวเป็นแน่แท้
เพราะ รธน ฉบับนี้มันจะกำจัด จะปราบคนขี้โกงให้ดู ตามที่คุณปู่มีชัยกล่าวไว้
(ถ้าแกไม่โกหก) เรื่องโกหกคนแก่ ๆ ส่วนมากไม่ค่อยทำกันหรอก คงจะกลัวเป็นบาป(มั้ง)
ตายไปโดนเขาสาปแช่งตกนรกเอา ยิ่งอีกไม่นานแกก็คงได้กลับบ้าน(เก่า) แล้วเชื่อว่าไม่มี
เรื่องโกหก... ส่วนเรื่องหลง ๆ ลืม ๆ หรือพูดอะไรแล้ว จำไม่ได้ อันนี้ไม่แน่ เชื่อว่าคนแก่
ขนาดนี้สมงสมอง จะดีขนาดใหนมีโอกาสหลง ๆ ลืม ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ คงถือสาคุณปู่ไม่ได้
และจากนี้ไปอีก ประมาณ 1 ปีพวกเราก็คงได้เลือกตั้งกันซะที(ถ้าผู้นำท่านไม่เปลี่ยนใจ)
เพราะท่านเคยบอกเสมอ รธน ผ่านหรือไม่ก็ต้องมีการเลือกตั้งตามโรดแมปที่ท่านได้วางไว้แล้ว
ส่วนหนึ่ง ก็น่าจะมาจากการฝืนกระแสทางสังคมไม่ไหว ไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย+ถูกบอยคอต
จากประเทศต่าง ๆ ในหลาย ๆ เรื่อง และปัญหาเศรษฐกิจที่โงหัวไม่ขึ้น แก้ไขยังไงก็แก้ไม่ได้
เนื่องจากมีปัจจัยแทรกซ้อน เรื่องไม่เป็นประชาธิปไตยที่ต่างชาติดูแคลน และรังเกียจเอา
เห็นข่าวโรงงานปิด + ส่งออกติดลบ + จีดีพีตกต่ำ + พืชผลทางการเกษตร ไม่เป็นราคา ก็ได้แต่เศร้าใจ
เรามาถึงจุด ที่ลำบากด้วยกันแบบเสมอภาค หรือแทบทุก ๆ ฝ่ายได้อย่างไร ใครเป็นคนลากถูลู่ถูกรัง
มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จุดที่คนคนหนึ่งที่เสียผลประโยชน์ทางธุรกิจอย่าง"แป๊ะลิ้มฤ เมื่อปี 48 ลุกลาม
กลายมาส่งไม้ต่อให้"สุเมือก" ใช้หากินต่อ เพราะคำว่า เพื่อชาติ และกู้ชาติ
เป็นคนฝ่ายที่ถูกกระทำ หมอบกระแต ราบคาบ จากการปฏิวัติ 2 ครั้งซ้อน
ปชช เจอผลกระทบทุกหย่อมหญ้า ตลอดระยะเวลา 10 ปี คนที่เป็น
ชนวน เป็นต้นเหตุ กลับสบายใจเฉิบ นั่งใช้เงิน นั่งนับเงินบริจาคแบบสบายอุรา
บทเรียนครั้งนี้ ถ้าไม่จำก็ถือว่าแย่มาก ๆ สำหรับ ปชช ที่มากจริต อคติ ริษยาร้าย
พูดง่าย ๆ คือหากไม่เลิกนิสัยขี้อิจฉา หรือชอบเดินตามก้น พวกขี้แพ้หาเรื่องชาวบ้านอีก
เชื่อว่า ประชาชนคงอดรนทนไม่ไหว และคงได้ออกมากระทืบเอาเป็แน่แท้ และเชื่อว่า
แม้จะกวักมือเรียกใครมาช่วย กับสิ่งชั่ว ๆที่ตัวเองได้กระทำไป เชื่อว่าใครก็คงไม่มีใครกล้าออกมาอีกแน่ ๆ
เพราะบทเรียนมีให้เห็นกันแล้วว่า การกวักมือเรียกกันออกมาช่วยกับสิ่งไม่ถูกไม่ควร
มีแต่สร้างความอิบหายวายป่วง ไม่จบไม่สิ้น อาจจะได้ดิ๊ด๊า ได้ความสะใจที่สามารถปราบและ
กำจัดคนที่ตัวเองเกลียดได้แพ๊บเดียว ตัวเองก็ต้องมารับกรรมกับ
ผลกระทบที่ตามมาจากการที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย แบบไม่มีทางหลีกเลี่ยงอยู่ดี
กรรม ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ของคนไทยที่มีพวกมากจริต อคติ อิจฉา ริษยาร้ายเป็นที่ตั้ง
บ้านเมือง ปชช ถึงต้องมารับกรรม และตกอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกแบบนี้
ไม่รู้ว่า คนพวกนี้จากไปแล้ว จะยังคงทิ้งอุดมการณ์อันเลวร้ายพวกนี้ให้แก่ทายาทวงศ์ตระกูล
หรือเปล่า หากยังคงเป็นเช่นนี้บ้านเมืองก็คงจมปล้กอยู่กันแบบนี้แน่ ๆ