พอใกล้ๆจะเปิดเรียน เรากับเพื่อนๆจะเป็นโรคตลอด โรคชอบหาที่เที่ยว

ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่มีการเตรียมตัวใดๆทั้งสิ้น ใครพร้อมก็ไป ง่ายๆชิคๆ
เพราะส่วนใหญ่ถ้าวางแผนเยอะสุดท้ายคงไม่ได้ไป
สิ่งเดียวที่ต้องมีในทริปนี้คือ 'เปียก' ที่ไหนก็ได้ ขอเปียกๆ
หลังจากสรุปกันแบบงงๆ ก็มีผู้รอดชีวิต 4 คนที่จะไปตะลุยแสมสารด้วยกัน
เวิ่นเยอะแล้ว ออกเดินทางได้
*****ค่าใช้จ่ายสรุปหลังจบรีวิวนะจ้ะ
DAY 1
จาก 3 ใน 4 ของชาวคณะ บ้านอยู่ใกล้ๆกัน รวมทั้งแม่เป็นสปอนเซอร์หลัก ออกค่าแทกซี่ให้ พวกเราเลยเลือกที่จะนั่งแทกซี่มาที่อนุเสาวรีย์ ฮุฮิ

ก็ไม่มีไรมาก พอคนครบก็ไปซื้อตั๋วรถตู้คนละ 140 บาท กรุงเทพฯ-สัตหีบ(ตอนแรกก็ไปถามว่ามีรอบไหนบ้างออกกี่โมงไรงี้ พี่คนขายตั๋วเค้าบอก คนครบแล้วค่อยมาซื้อ) เราใช้บริการของ 'เมืองท่า...มหานคร' เริ่มออก 05.30-20.00 อันนี้ใครจะไปเช็คอีกทีเพื่อความแน่ใจนะจ้ะ

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯตอน 8 โมงกว่าๆ พี่คนขับนางแว้นมาก สะเทือนจากขี้หูลงมาถึงลำไส้กันเลยทีเดียว ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงกว่าๆ นั่งมาลงกม. 1 ตรง 7-11 จากนั้นก็ไปที่พักกันเถอะ
เรามาพักกันที่บ้านพักพูนทรัพย์ ในช่องแสมสาร เราชอบความชิลของที่นี่ อาหารเครื่องดื่มมีครบ(เมนูอยู่ท้ายๆ) ราคาเรารักกัน เจ้าของชื่อพี่ดวง พี่ๆเป็นกันเองมากกก ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลย


อันนี้บ้านพักแบบต่างๆ

หลังจากเอาสัมภารกเก็บเรียบร้อยแล้ว เราก็พร้อมเกรียม ไปค่ะ!!!
หาดน้ำใส กริ้สสสส ไปค่ะ!!!!!!

'มีความนก'

บนหาดมีเสื่อกับเตียงผ้าใบให้เช่า อาหารก็มี เครื่องดื่มก็มี อ้อ...ตอนเข้ามามีค่าบำรุงหาด 10 บาทด้วย

บัยส์ หาดน้ำใส
ป่ะ ไปตลาดสดเตรียมปิ้งย่างกัน เย้!!!!!

อันนี้เป็น 3 ล้อที่พี่เค้าพาพวกเรามาเลือกซื้อของสดทำปิ้งย่าง เฟี้ยวมาก55555

ปูวปู๊วปูว ที่บ้านพักมีบริการนึ่งให้นะ ที่เหลือปิ้งเองสิจ้ะ รอไร

น้ำจิ้มดี๊ดี ถุงละ 50 บัท
]

กินอิ่มนอนหลับ พรุ่งนี้เราจะไปเกาะแสมสารกันเฮ้
DAY 2
ตอนเช้าที่บ้านพักมีข้าวต้มกับขนมปังปิ้งให้ ข้าวต้มคือดีอ่ะ หลังจากกินข้าวเสร็จก็ไปซื้อตั๋วข้ามไปเกาะแสมสารที่ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย สิ่งที่ทำให้พวกเราสตั้นท์ไปสิบวิคือ งดดำน้ำจย้า เพราะคลื่นลมแรงและน้ำลดมาก เจ้าหน้าที่ก็ถามว่ายังจะไปอยู่ไหม แต่เราก็ไม่หวั่น 'ไปค่ะ' แบบไม่ต้องคิด555555555 ค่าข้ามเรือ 300 บัท จากนั้นก็เดินไปท่าเรือเขาหมาจอกัน นึกว่า Runway .___.

อื้อหืออ คนจะเยอะไรเบอร์นั้น ที่เห็นนั่นไม่ใช่เรือธรรมดานะคะ นั่นมันไวกิ้งชัดๆ ความพีคคือระหว่างที่ยืนรออยู่นั้น หมวกกล้วยของเพื่อนเรา(รูปแรกๆข้างบน^^^)ปลิวหลุดหายต๋อมลงไปต่อหน้านางเลยค่ะ55555555555555555555555555555 โดนล้อยันกลับมา ขำจริงๆ

ขึ้นเรือกัน

พอมาถึงปุ๊บก็ไปฟังพี่ทหารก่อน เรื่องของเกาะนี้ว่ามีที่มายังไง มีไรทำบนเกาะบ้าง
บนเกาะมีน้ำกับขนมขาย แต่ไม่มีอาหารนะ พวกเราสั่งข้าวกล่องจากที่บ้านพักไปกินบนเกาะ ส่วนกิจกรรมก็มีดำน้ำ นั่งเรือท้องกระจก ขี่จักรยาน ความเกร๋คือมีป่าชายเลนบนเกาะด้วย แล้วก็มีรถรับส่งระหว่างหาดเทียน(หาดที่ลงเรือ)กับหาดลูกลมที่อยู่อีกด้านนึงของเกาะ
บนหาดเทียนมีล็อกเกอร์ให้เช่าเก็บของด้วย 20 บาทต่อ 1 ล็อกเกอร์

จากนั้นไปป่าชายเลนกันนน ตะตะแต่ จักรยานหมดเลยเดินเดิ๊นเดินไปค่ะ
พอเดินมารื่อยๆก็เจอโครงกระดูกวาฬบรูด้า

เดินไปพักนึง มีพี่ทหารขับรถมา ถามว่าจะไปไหน แล้วพี่เค้าก็ไปส่งเราที่ป่าชายเลนซึ่งเอาจริงๆ เนื่องจากแดดในวันนั้นและระยะทางที่เห็น เราว่ามันไกลมากกกก ขอบคุณมากๆเลยนะคะพี่
ถึงระ

อู้ววว ละใกล้ๆกันมีทะเลด้วยย

จากนั้นเดินออกมาจนถึงปากทางเพื่อขึ้นรถไปหาดลูกลม เอนเนอร์จีเกือบหมดค่ะ5555

มีเตียงผ้าใบให้นั่งฟรี

หลังจากถ่ายรูปจนเสร็จ สิ่งที่พวกเราทำคือ หลับค่ะ หลับริมหาดนั่นแหละ ไม่ใช่แค่งีบนะคะ หลับสนิทเลย 555555 พอตื่นมาก็กินสิคะ
กะเพรา by the sea

ตอนแรกคิดว่าจะได้อยู่นานๆกว่านี้ แต่กิจกรรมบางอย่างที่เราอยากน้ำถูกงดไปก็เลยตกลงว่าจะกลับกันรอบบ่ายโมงครึ่ง
หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จก็กลับมาหาดเทียน ระหว่างรอเรือมาก็ถ่ายรูปซะหน่อย

หลังจากกลับมาได้แป๊ปนึงพวกเราก็ไปโลตัสกันต่อเพื่อไปซื้อของมาปิ้งย่างอีก โย่วๆ

สั่งข้าวผัดจากที่บ้านพักมาอีก

ที่จริงที่นี่มีหมูกะทะด้วย ขึ้นชื่อมากๆ แต่ด้วยความอินดี้ เราเลยไม่ได้สั่งมากินฮรืออ เสียด๊ายยยยย
อันนี้เมนู
DAY 3
ข้าวต้มหมูก่อนกลับ

ขากลับพี่เค้าไปส่งเราที่ท่าขึ้นรถตู้อีกท่านึงชื่อ Aฮิ เค้าบอกว่าท่าตรงนี้จะไม่วิ่งผ่านพัทยา จะวิ่งเข้าสายหลักเลย คนละ 160 บาท ไปลงอนุเสาวรีย์
*****แยกย้าย ซาโยนาระ*****
ค่าใช้จ่ายตกคนละ 2000 บาท จริงจริ๊งงง
กล้อง Nikon D7100 + Lens Kit 18-55/ 50 mm f/1.8G
เคสกล้องกันน้ำ Dicapac
เราได้อะไรเยอะมากตั้งแต่เราย้ายจากหน้าเลนส์มาอยู่หลังเลนส์ มันเปลี่ยนไปมาก ใน 1 ทริปจะแทบไม่มีรูปของเราเลยแต่เรามีความสุขกว่าเดิมมาก
ขอบคุณพี่ๆที่ดูแลพวกหนูและทุกคนที่เราได้เจอในทริปนี้ รวมทั้งเพื่อนๆที่ไปกับเราด้วยนะจ้ะ
ทริปถ่ายรูป : แสมสาร 2 คืน 3 วัน 2 พันชิคๆ
เพราะส่วนใหญ่ถ้าวางแผนเยอะสุดท้ายคงไม่ได้ไป
*****ค่าใช้จ่ายสรุปหลังจบรีวิวนะจ้ะ
จาก 3 ใน 4 ของชาวคณะ บ้านอยู่ใกล้ๆกัน รวมทั้งแม่เป็นสปอนเซอร์หลัก ออกค่าแทกซี่ให้ พวกเราเลยเลือกที่จะนั่งแทกซี่มาที่อนุเสาวรีย์ ฮุฮิ
ก็ไม่มีไรมาก พอคนครบก็ไปซื้อตั๋วรถตู้คนละ 140 บาท กรุงเทพฯ-สัตหีบ(ตอนแรกก็ไปถามว่ามีรอบไหนบ้างออกกี่โมงไรงี้ พี่คนขายตั๋วเค้าบอก คนครบแล้วค่อยมาซื้อ) เราใช้บริการของ 'เมืองท่า...มหานคร' เริ่มออก 05.30-20.00 อันนี้ใครจะไปเช็คอีกทีเพื่อความแน่ใจนะจ้ะ
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯตอน 8 โมงกว่าๆ พี่คนขับนางแว้นมาก สะเทือนจากขี้หูลงมาถึงลำไส้กันเลยทีเดียว ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงกว่าๆ นั่งมาลงกม. 1 ตรง 7-11 จากนั้นก็ไปที่พักกันเถอะ
เรามาพักกันที่บ้านพักพูนทรัพย์ ในช่องแสมสาร เราชอบความชิลของที่นี่ อาหารเครื่องดื่มมีครบ(เมนูอยู่ท้ายๆ) ราคาเรารักกัน เจ้าของชื่อพี่ดวง พี่ๆเป็นกันเองมากกก ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลย
อันนี้บ้านพักแบบต่างๆ
หลังจากเอาสัมภารกเก็บเรียบร้อยแล้ว เราก็พร้อมเกรียม ไปค่ะ!!!
หาดน้ำใส กริ้สสสส ไปค่ะ!!!!!!
'มีความนก'
บนหาดมีเสื่อกับเตียงผ้าใบให้เช่า อาหารก็มี เครื่องดื่มก็มี อ้อ...ตอนเข้ามามีค่าบำรุงหาด 10 บาทด้วย
บัยส์ หาดน้ำใส
ป่ะ ไปตลาดสดเตรียมปิ้งย่างกัน เย้!!!!!
อันนี้เป็น 3 ล้อที่พี่เค้าพาพวกเรามาเลือกซื้อของสดทำปิ้งย่าง เฟี้ยวมาก55555
ปูวปู๊วปูว ที่บ้านพักมีบริการนึ่งให้นะ ที่เหลือปิ้งเองสิจ้ะ รอไร
น้ำจิ้มดี๊ดี ถุงละ 50 บัท
]
กินอิ่มนอนหลับ พรุ่งนี้เราจะไปเกาะแสมสารกันเฮ้
ตอนเช้าที่บ้านพักมีข้าวต้มกับขนมปังปิ้งให้ ข้าวต้มคือดีอ่ะ หลังจากกินข้าวเสร็จก็ไปซื้อตั๋วข้ามไปเกาะแสมสารที่ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย สิ่งที่ทำให้พวกเราสตั้นท์ไปสิบวิคือ งดดำน้ำจย้า เพราะคลื่นลมแรงและน้ำลดมาก เจ้าหน้าที่ก็ถามว่ายังจะไปอยู่ไหม แต่เราก็ไม่หวั่น 'ไปค่ะ' แบบไม่ต้องคิด555555555 ค่าข้ามเรือ 300 บัท จากนั้นก็เดินไปท่าเรือเขาหมาจอกัน นึกว่า Runway .___.
อื้อหืออ คนจะเยอะไรเบอร์นั้น ที่เห็นนั่นไม่ใช่เรือธรรมดานะคะ นั่นมันไวกิ้งชัดๆ ความพีคคือระหว่างที่ยืนรออยู่นั้น หมวกกล้วยของเพื่อนเรา(รูปแรกๆข้างบน^^^)ปลิวหลุดหายต๋อมลงไปต่อหน้านางเลยค่ะ55555555555555555555555555555 โดนล้อยันกลับมา ขำจริงๆ
ขึ้นเรือกัน
พอมาถึงปุ๊บก็ไปฟังพี่ทหารก่อน เรื่องของเกาะนี้ว่ามีที่มายังไง มีไรทำบนเกาะบ้าง
บนเกาะมีน้ำกับขนมขาย แต่ไม่มีอาหารนะ พวกเราสั่งข้าวกล่องจากที่บ้านพักไปกินบนเกาะ ส่วนกิจกรรมก็มีดำน้ำ นั่งเรือท้องกระจก ขี่จักรยาน ความเกร๋คือมีป่าชายเลนบนเกาะด้วย แล้วก็มีรถรับส่งระหว่างหาดเทียน(หาดที่ลงเรือ)กับหาดลูกลมที่อยู่อีกด้านนึงของเกาะ
บนหาดเทียนมีล็อกเกอร์ให้เช่าเก็บของด้วย 20 บาทต่อ 1 ล็อกเกอร์
จากนั้นไปป่าชายเลนกันนน ตะตะแต่ จักรยานหมดเลยเดินเดิ๊นเดินไปค่ะ
พอเดินมารื่อยๆก็เจอโครงกระดูกวาฬบรูด้า
เดินไปพักนึง มีพี่ทหารขับรถมา ถามว่าจะไปไหน แล้วพี่เค้าก็ไปส่งเราที่ป่าชายเลนซึ่งเอาจริงๆ เนื่องจากแดดในวันนั้นและระยะทางที่เห็น เราว่ามันไกลมากกกก ขอบคุณมากๆเลยนะคะพี่
ถึงระ
อู้ววว ละใกล้ๆกันมีทะเลด้วยย
จากนั้นเดินออกมาจนถึงปากทางเพื่อขึ้นรถไปหาดลูกลม เอนเนอร์จีเกือบหมดค่ะ5555
มีเตียงผ้าใบให้นั่งฟรี
หลังจากถ่ายรูปจนเสร็จ สิ่งที่พวกเราทำคือ หลับค่ะ หลับริมหาดนั่นแหละ ไม่ใช่แค่งีบนะคะ หลับสนิทเลย 555555 พอตื่นมาก็กินสิคะ
กะเพรา by the sea
ตอนแรกคิดว่าจะได้อยู่นานๆกว่านี้ แต่กิจกรรมบางอย่างที่เราอยากน้ำถูกงดไปก็เลยตกลงว่าจะกลับกันรอบบ่ายโมงครึ่ง
หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จก็กลับมาหาดเทียน ระหว่างรอเรือมาก็ถ่ายรูปซะหน่อย
หลังจากกลับมาได้แป๊ปนึงพวกเราก็ไปโลตัสกันต่อเพื่อไปซื้อของมาปิ้งย่างอีก โย่วๆ
สั่งข้าวผัดจากที่บ้านพักมาอีก
ที่จริงที่นี่มีหมูกะทะด้วย ขึ้นชื่อมากๆ แต่ด้วยความอินดี้ เราเลยไม่ได้สั่งมากินฮรืออ เสียด๊ายยยยย
อันนี้เมนู
ข้าวต้มหมูก่อนกลับ
ขากลับพี่เค้าไปส่งเราที่ท่าขึ้นรถตู้อีกท่านึงชื่อ Aฮิ เค้าบอกว่าท่าตรงนี้จะไม่วิ่งผ่านพัทยา จะวิ่งเข้าสายหลักเลย คนละ 160 บาท ไปลงอนุเสาวรีย์
*****แยกย้าย ซาโยนาระ*****
ค่าใช้จ่ายตกคนละ 2000 บาท จริงจริ๊งงง
กล้อง Nikon D7100 + Lens Kit 18-55/ 50 mm f/1.8G
เคสกล้องกันน้ำ Dicapac
เราได้อะไรเยอะมากตั้งแต่เราย้ายจากหน้าเลนส์มาอยู่หลังเลนส์ มันเปลี่ยนไปมาก ใน 1 ทริปจะแทบไม่มีรูปของเราเลยแต่เรามีความสุขกว่าเดิมมาก
ขอบคุณพี่ๆที่ดูแลพวกหนูและทุกคนที่เราได้เจอในทริปนี้ รวมทั้งเพื่อนๆที่ไปกับเราด้วยนะจ้ะ