[CR] อยากแบกเป้ ตามใจไปบ้านอีต่อง ลงมานอนแพสุดชิว@ไทรโยค

จากความเบื่อหน่ายชีวิตมนุษย์เงินเดือน ที่วนเวียน ซ้ำไปซ้ำมา ใจเลยอยากตามหาแรงบันดาลใจ หาสิ่งใหม่ มาเติมเต็มชีวิตที่แสนน่าเบื่อบ้าง อยากลองแบกเป้ อยากสโลว์ ไลฟ์ บ้างไรบ้าง


คิดได้แบบนี้ ก้อหาข้อมูลสิคะ จะรออะไร และ บ้านอีต่อง ทองผาภูมิ เป็นคำตอบสำหรับทริปนี้ของเรา
เราออกเดินทางจาก กรุงเทพ ด้วยรถส่วนตัวค่ะ และเลือกจอดรถไว้ที่สถานีตำรวจ ทองผาภูมิ(ที่ๆเราคิดเอาเองว่ามันคือสถานีตำรวจ) แปลกมาก มันเงียบ ไม่มีตำรวจสักนาย แต่เราหันไปเห็นรถตำรวจจอดอยู่เราก็อุ่นใจ จอดรถทิ้งไว้ เรียบร้อย


เอาเป้ขึ้นบ่า ชีพจรลงเท้า เดินค่ะเดิน เดินไปตลาด ซึมซับบรรยากาศ รอบข้าง เดินไปคุยไป แป๊บเดียวก็ถึง ถามหารถสองแถวที่ขึ้นไปอีต่อง เดินไปถึง ไม่มีรถค่ะ สงสัยเรามาเช้าไป คนแถวนั้นบอกรถออก 10:30 น.



งั้นไปหาไรกิน รอเวลาละกัน **2 อาหารมื้อเช้าของเรา แถวตลาดนั่นแหละค่ะ ขาวขาหมู 40บาท พอกินได้ค่ะ อย่าคิดไรมาก


ยังเหลือเวลาอีกมาก เดินๆไปเรื่อย ถึงหลังตลาด ตอนเรากินอิ่ม ค่อนข้างสายแล้ว ร้านค้าเริ่มเก็บกันแล้ว แต่ก็ยังมีขายอยู่บ้าง


แล้วเราเหลือบไปเห็นทางเดินลงไป เลยลองเดินตามทางไป  เจอ แบบนี้  โฮ้โห สุดยอดเลยค่ะ ชักภาพเป็นที่ระลึกซะหน่อย


ถ่ายรุปจนเพลิน ดูเวลาอีกที เกือบได้เวลาแล้ว เลยรีบเดินไปท่ารถกัน



คันนี้แหละ ที่จาพาเราไปยังจุดหมายของเรา บ้านอีต่อง เจอเพื่อนเดินทางจุดหมายเดียวกับเราอีก 4  รถพร้อม คนพร้อม ใจพร้อม ลุย !!!!! เอ่อ คือ ของจะเยอะไปไหน คนเต็ม ของเต็ม ล้อหมุนจ้า  


รถเคลื่อนตัวออก ยิ่งไปไกล เท่าไหร่ สมาชิกก้อเริ่มเพิ่มมากขึ้น จาก ตอนแรกมี 9 เพิ่มเป็น 16 เพิ่มเป็น 17 คนถ้วน ไม่น่าเชื่อว่าจะขนไปกันหมด คนไทยมีน้ำใจไม่ทิ้งกัน และแล้วหวานเย็นทัวร์ก็เริ่มขึ้น สายชิวค่ะ แวะซื้อผลไม้บ้าง น้ำบ้าง ใครเมื่อย ก้อลงไปยืดเส้นยืดสายบ้าง
ปล. รูปด้านบน ผู้โดยสารไม่ได้มีแค่นี้นะ นอกเฟรมอีก 7 คนจ้า


ถึงจุดพักรถ ลุงคนขับ แวะให้เราได้เดินมาถ่ายวิว ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปเก็บบรรยากาศ เหลือป้าสองคนเม้าท์มอย กันอยู่ 555++


หลังจากเดินทาง ร่วม 2 ชั่วโมงครึ่ง และแล้วเราก็ถึง หมู่บ้านอีต่อง บรรยากาศดีเว่อร์ เงียบ สงบ เหมาะกับวิถี สโลว์ ไลฟ์ จริงๆ


ก่อนแยกย้าย คณะแบกเป้ทัวร์ของเราได้ติดต่อลุงคนขับไว้ให้พาเที่ยว เป็นราคาเหมา แกคิด 500 บาท พาไปเที่ยวจุดต่างๆจ้า นัดแนะเวลากันเรียบร้อย ก้อแยกย้ายเข้าที่พัก


ที่พักของเราวันนี้  pilok hill house ถ้ามาจากร้านเจ๊ณี ก็ ตรงไปยันสุดซอยเลยค้า และเดินลง ๆๆๆ ที่พักมี2ชั้น เราได้ชั้นล่าง มีตู้เย็นส่วนกลาง มี แช่น้ำไว้ หากในห้องพักไม่พอ สามารถนำน้ำในนี้ไปดื่มได้เลยค่า ไม่ต้องกลัวอดนะ


ถึงแล้ว ห้องพักของเรา  ห้องพักสะอาดดีค่ะ บรรยากาศเงียบ สงบดี บนบาร์มีกาน้ำร้อน โจ๊ก มาม่า กาแฟ โอวัลติน น้องเจ้าของที่พักบอกเรากินได้หมดทุกอย่างที่อยู่ในห้องนี้ ไม่เหลือค่ะพีน้อง จัดการเรียบ


ได้เวลานัด ลุงคนขับก็มารับเราและเพื่อนร่วมทริป ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ แต่เรามาพบและรู้จักกันที่ อีต่อง สุดเขตแดนสยาม สานสัมพันธ์ไมตรี ไทย – เมียนมาร์



เนินชูธง กว่าจะเดินขั้นมาถึง ทำเอาหอบแฮกๆๆ


จุดชมวิวช่องมิตรภาพ ลมพัดแรง เย็น สบาย นู้นๆ พม่า


ได้เวลาคลายร้อน น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นน้ำตกทีมีขนาดเล็ก ช่วงที่เราไปถือว่าน้ำน้อย แต่น้ำตกยังคงความใส ใสโคตรๆๆ สะอาด และเย็นมว๊ากกกกก


และไฮไลท์ ของทริปนี้ เนินช้างศึก ใครไม่มาถือว่ามาไม่ถึง


มีคนบอกว่าเที่ยวเนินช้างศึก หมู่บ้านอีต่อง ต้องมาช่วง ปลายฝน ต้นหนาว แต่สำหรับเรา เราที่นี่มีเสน่ห์ ทุกๆช่วงเวลา อย่างช่วงที่เราไป บรรยากาศเงียบ สงบ อากาศเย็น มีลมฝน ปะทะใบหน้าเบา มีฝนตกมา ในบางช่วง มีแดด ให้พอรู้สึกร้อนในบางคราว มันก้ให้ความรู้สึกที่หลากหลายดีนะ




ส่งท้ายทัวร์ ต้องให้ความสำคัญกับป้ายสักหน่อย สาวๆ ชักภาพเป็นที่ระลึก พวกเราต่างที่มา แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน เพียงเวลาสั้นๆ สามารถสร้างมิตรภาพขึ้นมาได้ มิตรภาพของนักเดินทาง เพื่อนที่มีหัวใจท่องเทียว


กลับมาถึงหมู่บ้าน เดินเล่นรอบๆ ดื่มด่ำบรรยากาศ ที่คงหาไม่ได้จากในเมือง ที่ๆแออัด วุ่นวาย


เห็นร้านกาแฟ สไตล์บ้านๆน่านั่งชิวๆมาก เราคิดว่าพรุ่งนี้จะมานั่งชิวก่อนกลับ เดินได้สักพัก ฝนตก เลยหาข้าวเย็นกินรอฝน เราเลือกร้านเจ๊ณี แต่อาหาร ไม่ได่ถ่ายรูปไว้ เพราะ ฝนตก ไฟดับ กินข้าวท่ามกลางแสงสลัวๆ โรแมนติกน่าดูเชี๊ยะ


เช้าวันใหม่ ตื่นมา ฝนก็ยังตกอยู่ พำๆ ที่เพิ่มเติม คือหมอกจ้า น้องเจ้าของที่พักมาเคาะประตูเอาร่มมาให้เรา กลัวเราเปียกฝน


อยู่ใต้ฟ้า จะกลัวอะไรกับฝนแค่เน้ จิ๊บๆ ไม่สะทกสะท้านค้า ร่มไม่ต้อง ลุยเล้ย!!!


ได้เวลาบ๊ายบาย อีต่องแล้ว ไม่อยากกลับเลย


ปล.นอกจากมิตรภาพจากเพื่อนร่วมทางแล้ว เรายังได้มิตรภาพจากคนที่นี่ด้วย คนที่นี่ใจดีทุกคน อย่างน้องเจ้าของที่พัก มารอรับ - มาส่งเราถึงที่รถ หาร่มมาให้ ดูแลเราดีทุกอย่าง


รถออก 7.00 ได้เวลากลับ ไปเผชิญความจริง ของโลกอันแสนวุ่นวาย ขากลับ รถโดยสารยังคงคอนเซป เดิม สายชิวจ้า ไม่รับ วิ่งไป หยุดไป ทางลงเขา เหวี่ยงซ้าย ที ขวาที มึนพะยะค่ะ


จุดหมายต่อไป คือ อุทยานแห่งชาติ ไทรโยคใหญ่ ถึงอุทยาน ชำระค่าธรรมเนียม คนละ 100 บาท ค่ารถยนต์จำไม่ได้ แต่คิดว่า 30 บาทนะ น้ำตกไทรโยคใหญ่ ยังมีน้ำ พอให้เราได้คลายร้อน


สะพานแขวน ที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปกลับไป

  
เดินสำรวจ ในอุทยานจนเหนื่อย ได้เวลาเข้าที่พัก ปล.เราหาแพนานมากกกกกก ทางเข้าแพ


ที่พำนับของเราในวันเน้ แพปฐมพร แพขนาดเล็ก สงบ ตั้งอยู่เหนือ น้ำตกไทรโยค ใหญ่ ที่พักเป็นห้องพัดลม หน้าห้องพักมีเปล ให้นอนชมวิว หรือใคร อยากเล่นน้ำก็ได้ ตามอัธยาสัยเลย



เพื่อนเรา ตามมาสมทบอีก แต่พักกันคนละแพนะ  เดอะแก๊งค์พร้อม จะรออะไร ลอยน้ำสิค่ะ


ลอยน้ำ ลอยคอ มีข้อควรระวังนะคะ ควรไปเป็นกลุ่ม เพราะเป็นที่สังเกตได้ง่าย เนื่องจากมีเรือ แพ แล่นไปมา ค่อนข้างมาก หากเราก็เรือ หรือแพแลก แล่นเข้ามาควรหลบไป ด้านใดด้านหนึ่งค่ะ


ลอยไปถึงแพของเพื่อน มีลากไปน้ำตก เราขออาศัยเค้าไปด้วย เจ้าของอนุญาต ให้เราไปด้วยแหละ ใจดีจังง เค้าว่าของดีมีน้อย คนเลยเยอะอย่างที่เห็น


ยามเย็น ท้องน้ำสงบเงียบ นอนฟังเสียงน้ำตก ลาไทรโยคไปด้วยภาพนี้ค่ะ


วันและเวลาแห่งความสุข มักผ่านไปเร็วเสมอ เผลอแป๊บเดียวได้เวลากลับแล้วสิ สำหรับการเดินทางครั้งนี้ทำให้เราได้ความทรงจำดีๆเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย  ไว้คิดถึง ไว้เป็นแรงผลักดันจิตใจ ในวันที่เราท้อ เราเพลีย เราเบื่อ ในชีวิตอันวุ่นวายของเรา และรอยยิ้มสร้างมิตรภาพเสมอ
ชื่อสินค้า:   ณ บ้านอีต่อง ลงมานอนแพ แช่น้ำ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่