[CR] รีวิว DJI OSMO สุดยอดกล้องกันสั่นในขนาดพกพา



ช่วงหลังผมเริ่มสนใจในการถ่ายคลิปวีดีโอแต่ปัญหาใหญ่คือภาพสั่นไม่เนียนตา เลยมองหาอุปกรณ์แนว Gimbal หรือ Stabilizer ซึ่ง DJI OSMO เป็นรุ่นที่คนพูดถึงเยอะมาก และมีหลายร้านที่เอามาขาย แต่ราคาราวๆ 21,000 บาทก็ค่อนข้างเกินงบที่ผมตั้งไว้ ก็เลยไม่มีโอกาสได้สัมผัสสักที จนกระทั่งผมได้รู้จักร้าน lnwgadget และขอซื้อสินค้าตัว Demo ซึ่งราคาน่าสนใจกว่า

... และปรกติผมรีวิวแต่แนวมือถือซะเยอะ ยังมือใหม่ด้านกล้อง มีอะไรก็แนะนำผมได้ครับ

ในความเป็นสินค้า Demo ก็แน่นอนว่าตัวเครื่องก็มีริ้วรอยไปบ้าง ส่วนกล่องก็แตกเรียบร้อย ดังนั้นอุปกรณ์บางชิ้นก็อาจจะได้มาไม่ครบเหมือนคนอื่นนะ... สิ่งที่ผมได้มานอกจากตัวกล้องก็คือตัวหนีบมือถือ ฟิลเตอร์ติดหน้ากล้อง แบตเตอรี่อีกก้อนและกระเป๋าพกพาครับ



ตามสไตล์ความ Geek ของผมก็ขอเริ่มเปิดเรื่องด้วยสเป็กของ DJI OSMO ก่อนละกัน... โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือตัวกล้องและตัวก้านจับ ( Handle ) ซึ่งตัวพื้นฐานที่ติดมาให้ในราคาราว 21,000 บาทจะเป็นตัวกล้อง X3 ซึ่งมีขนาดเซ็นเซอร์พอๆ กับกล้องคอมแพค กับความละเอียดภาพนิ่งที่ 12 ล้านพิกเซลและวีดีโอ 4K ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 221 กรัม



ความต่างระหว่าง X3 และ X5 ก็คือขนาดเซ็นเซอร์ที่ขยับเป็น 4/3 และความละเอียดภาพนิ่ง 16 ล้านพิกเซล ส่วน X5 กับ X5R ต่างกันที่การถ่ายคลิปเป็น RAW



คุณสมบัติที่น่าสนใจของกล้อง X3 ก็คือใช้เซ็นเซอร์ Sony Exmor R มุมกว้าง 94 องศา รูรับแสง f/2.8 และ ISO สูงสุดที่ 3200 รองรับ microSD สูงสุด 64 GB และถ่ายภาพนิ่งได้ทั้ง JPEG และ RAW ( นามสกุล DNG )

ส่วนตัวก้านจับมีน้ำหนัก 201 กรัม และเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ที่รองรับทั้งความถี่ 2.4 และ 5G กับความจุแบตเตอรี่ขนาด 980 mAh

สิ่งที่ผมคาดหวังจาก DJI OSMO ก็คือการถ่ายคลิปวีดีโอที่ลื่นเนียนตา ไม่มีสั่นโยกเหมือนการใช้มือถือ ...และก็คาดหวังว่ามันต้องเนียนกว่า Sony RX100 M3 ที่ผมใช้อยู่ แต่วันแรกที่ผมใช้ก็ไม่เนียนเหมือนที่คนอื่นเค้าถ่ายได้ ผมก็เลยลองดูตามคำแนะนำซึ่งเค้าบอกให้ย่อเข่าเล็กน้อยระหว่างเดิน แต่ผมก็มองว่ามันไม่ธรรมชาติเลยลองเอียง DJI OSMO ไปด้านหน้าเล็กน้อย แล้วก็พบว่าผลลัพธ์ดีขึ้น... ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นวิธีที่ถูกรึเปล่า เพราะผมยังมือใหม่มากๆ สำหรับการถ่ายวีดีโอ



ในการทดสอบรอบนี้บังเอิญไปตรงกับช่วงที่เพื่อนชวนไปทริปลงเรือ ก็เลยกะว่าจะไปทดสอบความนิ่งของกล้องบนเรือที่สู้กับคลื่นน้ำ ซึ่งทั้ง 3 คลิปนี้เป็นการถือตัว DJI OSMO เพียวๆ ไม่ได้ต่อมือถือไว้ดูภาพ... อาศัยการคาดเดาล้วนๆ

...เริ่มด้วยการนั่งอยู่ท้ายรถกระบะ และผลลัพธ์ก็คือคลิปวีดีโอเนียนตามาก แต่ไมค์ไม่สามารถเก็บเสียงการพูดคุยบนรถได้เลย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ถัดมาเป็นการทดสอบด้วยการเดินบนพื้นทรายที่มีหลุมเป็นระยะ และภาพก็ยังคงลื่นเนียนแม้แต่การกระโดดลงจากกระบะท้ายรถหรือการเดินลงบันได ...ส่วนไมค์ก็ยังคงเก็บเสียงได้ไม่ดีเช่นเคย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ส่วนสุดท้ายเป็นการทดสอบที่ผมประทับใจมาก เพราะเป็นการยืนบนเรือที่โคลงเคลงกลางทะเลอย่างเห็นได้ชัด แต่คลิปที่ได้ก็ยังคงนิ่งเช่นเคย... และแน่นอนว่าไมค์ก็ยังคงไม่ประทับใจเหมือนเดิม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ประเด็นเรื่องของไมค์ที่เก็บเสียงได้ไม่ค่อยดี ก็เป็นเพราะป้องกันเสียงจากพัดลมระบายความร้อน ซึ่งผมก็เคยลองปรับระดับ gain ของไมค์ให้รับเสียงดังขึ้น ผลก็คือมีเสียงพัดลมเข้ามารบกวนเป็นบางช่วง



...แต่ DJI ก็มีการอัพเดทอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ก็แก้ไขเรื่องพัดลมให้ทำงานเฉพาะเวลาที่ตัวกล้องมีความร้อนสูงเท่านั้น เพื่อลดเสียงรบกวนรวมถึงการเพิ่มความอึดของแบตเตอรี่เป็นราวๆ 70 นาทีสำหรับการใช้งานจริง

นอกจากนี้ตัวอัพเดทวันที่ 25 พฤษภาคม ยังเพิ่มระบบ Facebook live ด้วย ซึ่งรองรับทั้งหน้าเฟซบุ๊คส่วนตัวและหน้าเพจ แต่จากการใช้จริงก็คงต้องรอให้ทาง DJI พัฒนาต่อไปอีก เพราะในเวอร์ชั่นนี้ live ได้กระตุกมาก ( ตัวอย่าง Facebook live )

ประเด็นเรื่องของไมค์ในตัวที่ไม่ดีพอ สามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับ gain ในตัวแอพหรือจะมา edit ทีหลังก็ได้ แต่ถ้าอยากจบในกล้องเลยก็สามารถต่อไมค์เพิ่มเติมได้ครับ ซึ่งรายชื่อไมค์ที่ผ่านการรับรองจาก DJI มีดังนี้
- Sennheiser MKE400
- Sony ECM DS70P
- Rode VideoMic Pro
- Rode VideoMicro
- Mymyk Smartmyk
- DED DV-889



ปุ่ม Trigger ด้านหน้าที่เหมือนไกปืนใช้สำหรับควบคุมการหมุนของตัวกล้องดังนี้
- กด 1 ครั้งค้าง สำหรับล็อกองศาตัวกล้อง
- กด 2 ครั้งติด เพื่อตั้งตัวกล้องให้อยู่กึ่งกลาง
- กด 3 ครั้งติด เพื่อเข้าสู่โหมด selfie



ปุ่ม Power ทำหน้าที่เปิดเครื่องพร้อมกับ Wi-Fi ส่วนการปิดก็ดึงปุ่ม Power ค้างไว้สักพัก แต่ถ้าต้องการ Sleep ก็แค่ดึงปุ่มแล้วปล่อย ...ส่วนอีก 3 ปุ่มที่เหลือคือปุ่มบันทึกวีดีโอ, ถ่ายภาพนิ่ง และปุ่มควบคุมทิศทางของกล้อง

นอกจากการถ่ายคลิปวีดีโอตามที่ให้ดูตัวอย่างกันไปแล้ว ผมก็ได้ทดสอบถ่ายภาพนิ่งแบบไม่ต่อมือถือ... หรือว่าง่ายๆ คือการถ่ายรูปแบบไม่มีจอให้ดูภาพนั่นล่ะ ซึ่งภาพที่ออกมาก็จัดว่าค่อนข้างดีแม้ว่าวันทดสอบบนเรือจะเป็นวันที่ฝนตกหนักก็ตาม



แต่การใช้งานแบบเพียวๆ โดยไม่ต่อเข้ากับมือถือก็จะเหลือแค่ฟีเจอร์หลักๆ ผมก็เลยลองหยิบมือถือเข้ามาต่อและเปิดโหมด Panorama แบบ 180 องศา ซึ่งมันก็ถ่ายง่ายและภาพก็จัดว่าเนียนตา ...ไร้รอยต่อทอเต็มผืน



ทีนี้เรามาดูส่วนของแอพกันบ้าง ...แน่นอนว่าแอพนี้รองรับทั้ง Android และ iOS และปรับแต่งได้ค่อนข้างเยอะ โดยมีส่วนสำคัญคือการปรับระดับความ smooth ของตัว gimbal และความละเอียดของกล้องรวมถึงลักษณะของเฉดสีด้วย



โดยปรกติแล้วการปรับความละเอียดสูงเกินกว่า Full HD, 30 fps มักจะถ่ายภาพนิ่งระหว่างอัดคลิปไม่ได้ ซึ่งรุ่นนี้ก็เป็นเช่นนั้น และถ้าปรับเป็น 60 fps ก็จะได้ภาพที่มืดกว่าเดิม ไม่เหมาะจะนำไปใช้กับช่วงเวลาเย็นหรือในที่ indoor แต่ก็แลกมาด้วยความลื่นเนียนที่มากขึ้น



ความดีงามของแอพก็คือสามารถปรับ Manual Control ได้ทั้งภาพนิ่งและคลิปซึ่งมี 3 โหมดคือ Auto, S, M ที่ปรับได้ 3 ค่าได้แก่ ISO, Shutter Speed และ EV

ส่วนโหมดสำหรับถ่ายวีดีโอมีเพียงโหมด Auto และ Slow ต่างจากภาพนิ่งที่มีบานตะไทโดยมีส่วนที่น่าสนใจคือ HDR, Panorama และ Timelapse ซึ่ง Panorama เป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ เพราะสามารถเลือกได้ทั้งแบบ 180 และ 360 องศา



นอกจากตัวหนีบมือถือที่มั่นคงและปรับองศาได้ก็มีสายคล้องข้อมือที่ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น ...ในมุมยอดฮิตกับแยก MBK ที่หลายคนเอาขาตั้งกล้องไปลากชัตเตอร์กันเพื่อเก็บภาพดวงไฟจากรถยนต์ แต่ผมพกแค่ DJI OSMO แบบไม่ต้องมีขาตั้ง ผมก็ได้ภาพเนียนๆ แบบนี้



พอเห็นผลลัพธ์ในการลากชัตเตอร์น่าประทับใจ ผมก็เลยลอง Timelapse ต่อเลย... แต่การถือ DJI OSMO ที่ต่อหน้าจอมือถือเป็นระยะเวลานานๆ ก็ทำให้แขนเริ่มล้าและมุมภาพก็เปลี่ยนองศาไปบ้าง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สำหรับการถ่ายภาพนิ่งในโหมด Auto ในช่วงเวลากลางคืน ก็จัดว่าทำได้ดีสำหรับกล้องประเภทนี้



จุดเด่นอีกอย่างของ DJI OSMO ก็คือมุมมองของภาพที่กว้างมากและก็แทบไม่เห็นความผิดเพี้ยนบริเวณขอบภาพเลยด้วย

บทสรุป

DJI OSMO เป็นกล้องที่ผมใช้แล้วรักเลย ถ่ายวีดีโอได้น่าดูกว่าเดิม แถมยังไม่ต้องพกขาตั้งสำหรับลากชัตเตอร์ถ่ายแสงไฟเป็นเส้น ส่วนของแอพก็ค่อนข้างฉลาดตรงที่ถ้าเชื่อมต่อกันเรียบร้อย สามารถกดออกจากแอพได้โดยไม่ไปรบกวนการถ่ายวีดีโอ ...แต่ส่วนใหญ่ผมก็ถือถ่ายเพียวๆ และกะระยะภาพในเฟรมด้วยสายตา จะต่อกับมือถือเฉพาะตอนที่ต้องการใช้โหมดที่อยู่ในแอพเท่านั้น

ส่วนปัญหาหลักก็คือเรื่องของไมค์ ซึ่งที่จริงแล้วก็เก็บเสียงได้เพียงแต่มันเบามาก ดังนั้นถ้าต้องการใช้อย่างจริงจังก็ควรจะหาไมค์มาต่อเพิ่มครับ

ปล. ตัวอย่างรูปอื่นๆ และไฟล์รูปขนาดใหญ่ (กว่านี้) ดูได้ที่รีวิวฉบับเต็ม http://www.bacidea.com/2016/review-dji-osmo/
และพูดคุยกันต่อได้ที่เพจ http://www.fb.com/bacidea ครับ
ชื่อสินค้า:   DJI OSMO
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่