
หลังจากที่ต้องทนลูบๆคลำๆน้อง Pocket อยู่หลายวัน ในที่สุดด! DJI ก็ปล่อย App DJI Mimo มาให้ Activate เครื่องซะที และเมื่อเจ้า DJI OSMO Pocket ของเราพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลา พกออกไปลองถ่ายทดสอบ features กันซะที!
ความสามารถคร่าวๆตาม สเป็คก็จะมีดังนี้ครับ
- กิมบอลกันสั่น 3 แกน
- วิดีโอคุณภาพ 4K ที่ 60fps ที่ 100Mbps , ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.3 ค่ารูรับแสง F 2.0 , เลนซ์ FOV80 องศา
- ใช้งานได้ต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง 20 นาที (140 นาที)
- มีหน้าจอ LiveView ในตัวด้าม ขนาด 1.08 นิ้ว Touchscreen ใช้ในการควบคุมกล้องขณะถ่ายนได้
- น้ำหนัก 116 กรัม ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ
- ไมโครโฟนในตัว
- Auto Panorama 3 x 3 และ 180 องศา
- Motion Timelapse
- Active Track สามารถติดตามวัตถุอัตโนมัติ
- FPV Mode ถ่ายหมุนควงได้
- รองรับ Micro SD Card สูงสุด 256Gb

ก่อนออกไป ทำการชาร์ตแบตให้เรียบร้อย จัดการหา micro sd card ลื่นๆมาเสียบให้เรียบร้อย(ไม่ได้แถมมาให้) เพราะต้องรองรับการถ่าย 4k ผมใช้ใบที่เสียบอยู่กับ Mavic Pro เลยครับ ไม่ได้ format อะไรทั้งสิ้น
โหมดถ่ายภาพนิ่ง

มาลองถ่ายภาพนิ่งกันก่อน ผมใช้มือถือเสียบเป็นจอ ในโหมดการเสียบมือถือนี้ เราจะสามารถควบคุมโหมดการถ่ายภาพ ตั้งค่า shutterspeed iso ได้ในโหมด Manual หรือถ้าถ่ายในโหมด Auto ก็เราก็สามารถจิ้มจุดที่จะวัดแสงและเลื่อนชดเชยแสงได้จากหน้าจอ ซึ่งจะละเอียดกว่าจอเล็กครับ
มาลองโหมด Panorama กันบ้าง

ขึ้นชื่อว่าไม้กันสั่น ความสามารถอย่างหนึ่งที่สายภาพนิ่งจะชอบมากๆนั่นก็คือ การถ่าย Panorama แบบ Auto ซึ่งในโหมดนี้เราจะกดถ่ายครั้งเดียว แต่ตัวกล้องจะทำการหมุนถ่ายภาพหลายๆภาพโดยอัตโนมัติ หลังจากถ่ายเสร็จตัว app จะรวมภาพเป็นภาพยาวๆให้เราเสร็จสรรพ โดยที่ App จะเซฟไฟล์ที่ต่อแล้วให้ 1 ไฟล์ และเซฟไฟล์แยกชอตให้อีก สำหรับนำเอาไปต่อเองได้อีก

ใน DJI OSMO Pocket จะมีโหมดพาโนราม่าให้มา 2 แบบคือ
- 180 Panorama : โหมดนี้ Gimbal จะถ่ายเรียงแนวยาวมา 4 ใบ ภาพที่ได้จะกว้าง 180 องศา

- 3x3 Panorama ในโหมดนี้ กล้องจะถ่ายภาพมาทั้งหมด 9 ใบ แล้วนำมาต่อกัน ทำให้ได้ภาพมุมกว้างสเกล 4:3 ซึ่งจะต่างจาก 180 คือได้ภาพส่วนบนล่างมาแต่จะไม่กว้างเท่า

ความดีงามของ DJI OSMO Pocket ที่ผมเห็นชัดๆคือ ความเล็กและมุมการถ่ายของมันครับ
เรื่องความเล็ก มันเล็กมากๆ ในโหมดการใช้งานแบบไม่ได้เสียบมือถือ เราสามารถพกมันไปได้ทุกที่ และที่สำคัญ ความพร้อมในการใช้งานตั้งแต่เริ่มหยิบ ปลดเคส จนพร้อมถ่าย ใช้เวลาไม่ถึง 5 วินาทีเท่านั้นครับ จุดนี้สำคัญมากในการเก็บจังหวะดีๆสวยๆที่เกิดขึ้นแบบกระทันหันครับ(มือถือ S8 ที่ใช้อยู่เมื่อตั้งคีย์ลัดแล้วใช้เวลาประมาณ 3 วิ ครับ)

สำหรับมุมการถ่าย เนื่องจากเป็น Gimbal cam เราสามารถถ่ายจากมุมต่ำๆ หรือมุมเอื้อมสูงได้ง่ายๆ โดยที่กล้องยังรักษาระดับหรือล็อกเฟรมไว้เอง เราแทบไม่ต้องกลับไปเช็คคอมโพสิชั่นหลังจากการยก อันนี้ถือเป็นทีเด็ดสำหรับเจ้า DJI OSMO Pocket เลยครับ
มาลองถ่าย Video กันบ้าง
DJI OSMO Pocket มีความสามารถอย่างหนึ่งที่เจ๋งผิดกับขนาดตัวของมันคือ ถ่ายความละเอียด 4k ที่ 60 frames/s !!
มาลองดูแบบลง youtube กันครับ

นอกจากคุณภาพไฟล์ที่ได้แล้ว การควบคุม Gimbal ก็ทำได้ง่าย และ Smooth มากๆ มือสมัครเล่นก็สามารถสร้างซีนสวยๆได้ง่ายๆ
ในโหมดไม่เสียบมือถือ เราสามารถใช้ touchscreen ในการควบคุมมุมเงยระหว่างถ่าย แตะวัดแสง หรือหรือสลับกลับมาถ่ายหน้าเรา ในเรื่องการออกแบบตำแหน่งปุ่ม จอ ถือว่าทำได้ดีมาก เรียกได้ว่าจบในมือเดียวเลย

ในการถือเดินถ่าย ความนิ่งของเฟรมอยู่ในระดับที่ทำได้ดีมาก และที่เจ๋งคือ เราสามารถสั่งหมุนกล้องกลับมาถ่ายหน้าเราได้เลย เหมาะสำหรับ vlog ท่องเที่ยวที่เดินๆอยู่ ถ่ายนู่นนี่ไป แล้วจะหันกลับมาพูดประกอบคลิป ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องตัดต่อครับ
ลองเดินลงบันใด

ส่วนตัวคิดว่าระบบกันสั่น ที่เป็น Gimbal (Mechanical stabilizer) ให้ความรู้สึกและคุณภาพที่ดีมากกว่า พวก Electronical หรือ Optical stabilizer อยู่แล้ว แต่ข้อเสียเดียวของระบบนี้ก็คือความใหญ่โตและความเยอะของอุปกรณ์

ซึ่งเจ้า DJI Osmo Pocket ตัวจิ๋วนี้ได้รับการออกแบบทั้งเรื่องขนาดและตำแหน่งของอุปกรณ์มากลบข้อเสียจุดนี้ออกไปหมด ผลก็คือ มันเป็นกล้องระบบ Mechanical Stabilizer ที่สามารถพกพาและเก็บได้สะดวกมากๆ ไม่ต้องล้วงควักประกอบนู่นนี้ให้วุ่นวายก่อนถ่ายเลย(จุดนี้อาจจะต้องรอกองทัพ accessories ออกมาก่อนครับ อิอิ เห็นว่าชุดใหญ่ไฟกระพริบอยู่)

จะเห็นได้ว่าในวิดีโอ มีการหมุนมุมขึ้นลงหลายครั้ง ซึ่งการความเล็กของมัน ไม่ทำให้การควบคุมยากขึ้นเลย การควบคุมโดยการปัดจอ touchscreen ง่ายมากๆ (มี Dial แยกมาขาย ในอนาคต)
เสียง
จากไมค์ที่ติดมากับตัวเครื่อง ส่วนตัวคิดว่าสามารถกำจัดเสียง Ambient และดูดเสียงพูดได้ดีมากๆ(แต่เสียงจะเป็ดๆหน่อย >_<) ถ้าเป็นการอัดแบบไม่จริงจังเท่าไหร่ถือว่าโอเคครับ แต่ถ้าต้องการไมค์แยก ก็มีอุปกรณ์เสริมที่เป็นของ DJI แบบนี้ครับ
ใครที่ยังหาร้านจองไม่ได้ ติดต่อไปที่ ร้าน
https://www.facebook.com/Toonocean/ ได้เลยนะครับ แนะนำที่นี่เพราะบริการดีมาก ทั้งก่อนและหลังซื้อ ส่งของรวดเร็วมาก มีบริการตรวจเช็คสินค้าก่อนด้วย อ้อที่สำคัญเค้าเป็น DJI Authorised Reseller โดยตรง เรื่องซ่อมเรื่องอะไหล่ ไม่ต้องห่วงเลย ของแท้แน่นอน!
website :
https://www.toon-ocean.com/shop/dji-osmo-pocket/
[SR] รีวิว DJI OSMO Pocket ลองพกออกไปใช้งานจริง
ความสามารถคร่าวๆตาม สเป็คก็จะมีดังนี้ครับ
- กิมบอลกันสั่น 3 แกน
- วิดีโอคุณภาพ 4K ที่ 60fps ที่ 100Mbps , ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.3 ค่ารูรับแสง F 2.0 , เลนซ์ FOV80 องศา
- ใช้งานได้ต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง 20 นาที (140 นาที)
- มีหน้าจอ LiveView ในตัวด้าม ขนาด 1.08 นิ้ว Touchscreen ใช้ในการควบคุมกล้องขณะถ่ายนได้
- น้ำหนัก 116 กรัม ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ
- ไมโครโฟนในตัว
- Auto Panorama 3 x 3 และ 180 องศา
- Motion Timelapse
- Active Track สามารถติดตามวัตถุอัตโนมัติ
- FPV Mode ถ่ายหมุนควงได้
- รองรับ Micro SD Card สูงสุด 256Gb
ก่อนออกไป ทำการชาร์ตแบตให้เรียบร้อย จัดการหา micro sd card ลื่นๆมาเสียบให้เรียบร้อย(ไม่ได้แถมมาให้) เพราะต้องรองรับการถ่าย 4k ผมใช้ใบที่เสียบอยู่กับ Mavic Pro เลยครับ ไม่ได้ format อะไรทั้งสิ้น
โหมดถ่ายภาพนิ่ง
มาลองถ่ายภาพนิ่งกันก่อน ผมใช้มือถือเสียบเป็นจอ ในโหมดการเสียบมือถือนี้ เราจะสามารถควบคุมโหมดการถ่ายภาพ ตั้งค่า shutterspeed iso ได้ในโหมด Manual หรือถ้าถ่ายในโหมด Auto ก็เราก็สามารถจิ้มจุดที่จะวัดแสงและเลื่อนชดเชยแสงได้จากหน้าจอ ซึ่งจะละเอียดกว่าจอเล็กครับ
มาลองโหมด Panorama กันบ้าง
ขึ้นชื่อว่าไม้กันสั่น ความสามารถอย่างหนึ่งที่สายภาพนิ่งจะชอบมากๆนั่นก็คือ การถ่าย Panorama แบบ Auto ซึ่งในโหมดนี้เราจะกดถ่ายครั้งเดียว แต่ตัวกล้องจะทำการหมุนถ่ายภาพหลายๆภาพโดยอัตโนมัติ หลังจากถ่ายเสร็จตัว app จะรวมภาพเป็นภาพยาวๆให้เราเสร็จสรรพ โดยที่ App จะเซฟไฟล์ที่ต่อแล้วให้ 1 ไฟล์ และเซฟไฟล์แยกชอตให้อีก สำหรับนำเอาไปต่อเองได้อีก
ใน DJI OSMO Pocket จะมีโหมดพาโนราม่าให้มา 2 แบบคือ
- 180 Panorama : โหมดนี้ Gimbal จะถ่ายเรียงแนวยาวมา 4 ใบ ภาพที่ได้จะกว้าง 180 องศา
- 3x3 Panorama ในโหมดนี้ กล้องจะถ่ายภาพมาทั้งหมด 9 ใบ แล้วนำมาต่อกัน ทำให้ได้ภาพมุมกว้างสเกล 4:3 ซึ่งจะต่างจาก 180 คือได้ภาพส่วนบนล่างมาแต่จะไม่กว้างเท่า
ความดีงามของ DJI OSMO Pocket ที่ผมเห็นชัดๆคือ ความเล็กและมุมการถ่ายของมันครับ
เรื่องความเล็ก มันเล็กมากๆ ในโหมดการใช้งานแบบไม่ได้เสียบมือถือ เราสามารถพกมันไปได้ทุกที่ และที่สำคัญ ความพร้อมในการใช้งานตั้งแต่เริ่มหยิบ ปลดเคส จนพร้อมถ่าย ใช้เวลาไม่ถึง 5 วินาทีเท่านั้นครับ จุดนี้สำคัญมากในการเก็บจังหวะดีๆสวยๆที่เกิดขึ้นแบบกระทันหันครับ(มือถือ S8 ที่ใช้อยู่เมื่อตั้งคีย์ลัดแล้วใช้เวลาประมาณ 3 วิ ครับ)
สำหรับมุมการถ่าย เนื่องจากเป็น Gimbal cam เราสามารถถ่ายจากมุมต่ำๆ หรือมุมเอื้อมสูงได้ง่ายๆ โดยที่กล้องยังรักษาระดับหรือล็อกเฟรมไว้เอง เราแทบไม่ต้องกลับไปเช็คคอมโพสิชั่นหลังจากการยก อันนี้ถือเป็นทีเด็ดสำหรับเจ้า DJI OSMO Pocket เลยครับ
มาลองถ่าย Video กันบ้าง
DJI OSMO Pocket มีความสามารถอย่างหนึ่งที่เจ๋งผิดกับขนาดตัวของมันคือ ถ่ายความละเอียด 4k ที่ 60 frames/s !!
มาลองดูแบบลง youtube กันครับ
นอกจากคุณภาพไฟล์ที่ได้แล้ว การควบคุม Gimbal ก็ทำได้ง่าย และ Smooth มากๆ มือสมัครเล่นก็สามารถสร้างซีนสวยๆได้ง่ายๆ
ในโหมดไม่เสียบมือถือ เราสามารถใช้ touchscreen ในการควบคุมมุมเงยระหว่างถ่าย แตะวัดแสง หรือหรือสลับกลับมาถ่ายหน้าเรา ในเรื่องการออกแบบตำแหน่งปุ่ม จอ ถือว่าทำได้ดีมาก เรียกได้ว่าจบในมือเดียวเลย
ในการถือเดินถ่าย ความนิ่งของเฟรมอยู่ในระดับที่ทำได้ดีมาก และที่เจ๋งคือ เราสามารถสั่งหมุนกล้องกลับมาถ่ายหน้าเราได้เลย เหมาะสำหรับ vlog ท่องเที่ยวที่เดินๆอยู่ ถ่ายนู่นนี่ไป แล้วจะหันกลับมาพูดประกอบคลิป ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องตัดต่อครับ
ลองเดินลงบันใด
ส่วนตัวคิดว่าระบบกันสั่น ที่เป็น Gimbal (Mechanical stabilizer) ให้ความรู้สึกและคุณภาพที่ดีมากกว่า พวก Electronical หรือ Optical stabilizer อยู่แล้ว แต่ข้อเสียเดียวของระบบนี้ก็คือความใหญ่โตและความเยอะของอุปกรณ์
ซึ่งเจ้า DJI Osmo Pocket ตัวจิ๋วนี้ได้รับการออกแบบทั้งเรื่องขนาดและตำแหน่งของอุปกรณ์มากลบข้อเสียจุดนี้ออกไปหมด ผลก็คือ มันเป็นกล้องระบบ Mechanical Stabilizer ที่สามารถพกพาและเก็บได้สะดวกมากๆ ไม่ต้องล้วงควักประกอบนู่นนี้ให้วุ่นวายก่อนถ่ายเลย(จุดนี้อาจจะต้องรอกองทัพ accessories ออกมาก่อนครับ อิอิ เห็นว่าชุดใหญ่ไฟกระพริบอยู่)
จะเห็นได้ว่าในวิดีโอ มีการหมุนมุมขึ้นลงหลายครั้ง ซึ่งการความเล็กของมัน ไม่ทำให้การควบคุมยากขึ้นเลย การควบคุมโดยการปัดจอ touchscreen ง่ายมากๆ (มี Dial แยกมาขาย ในอนาคต)
เสียง
จากไมค์ที่ติดมากับตัวเครื่อง ส่วนตัวคิดว่าสามารถกำจัดเสียง Ambient และดูดเสียงพูดได้ดีมากๆ(แต่เสียงจะเป็ดๆหน่อย >_<) ถ้าเป็นการอัดแบบไม่จริงจังเท่าไหร่ถือว่าโอเคครับ แต่ถ้าต้องการไมค์แยก ก็มีอุปกรณ์เสริมที่เป็นของ DJI แบบนี้ครับ
ใครที่ยังหาร้านจองไม่ได้ ติดต่อไปที่ ร้าน https://www.facebook.com/Toonocean/ ได้เลยนะครับ แนะนำที่นี่เพราะบริการดีมาก ทั้งก่อนและหลังซื้อ ส่งของรวดเร็วมาก มีบริการตรวจเช็คสินค้าก่อนด้วย อ้อที่สำคัญเค้าเป็น DJI Authorised Reseller โดยตรง เรื่องซ่อมเรื่องอะไหล่ ไม่ต้องห่วงเลย ของแท้แน่นอน!
website : https://www.toon-ocean.com/shop/dji-osmo-pocket/
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น