เสวนา "ถ้าโลกนี้ไม่มีแมว" อ่านหนังสือก็ซึ้ง ดูหนังก็น้ำตาไหล


สำนักพิมพ์แม็กซ์ พับลิชชิ่ง ในเครือโมโนกรุ๊ป นำนวนิยายขายดีจากญี่ปุ่น Sekai kara Neko ga Kietanara (If Cats Disappeared from the World) ของ เกงคิ คาวามุระ นักเขียนรุ่นใหม่และเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ แปลเป็นหนังสือในภาคภาษาไทย ถ้าโลกนี้ไม่มีแมวŽ ขณะที่เรื่องราวนี้มีผู้สร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อไทยว่า ถ้าแมวตัวนั้นหายไปจากโลกนี้Ž

เกงคิ คาวามุระ เป็นนักเขียนรุ่นใหม่และเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์อยู่ในบริษัทโทโฮ (Toho) บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดังของญี่ปุ่น ได้รับเลือกจากฮอลลีวู้ด รีพอร์ตเตอร์ให้เป็น Next Gen Asia ในปี 2556 และได้รับรางวัลฟูจิโมโตะ ไพรซ์ เป็นรางวัลที่มอบให้สำหรับผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ในประเทศญี่ปุ่น

  คาวามุระเริ่มเขียนนวนิยายเล่มนี้เป็นเล่มแรกจนประสบความสำเร็จด้วยยอดจำหน่ายกว่า 1.3 ล้านเล่ม เล่าถึงบุรุษไปรษณีย์หนุ่มวัย 30 ปี ซึ่งแพทย์ตรวจพบเนื้องอกในสมอง และจะเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้อีกไม่มาก แต่เขาก็มีแมวน้อยชื่อ กะหล่ำŽ เป็นกำลังใจ

  ต่อมาโชคชะตากลับพลิกผันเมื่อหนุ่มไปรษณีย์คนนี้พบกับชายคนหนึ่งที่มีหน้าตาและบุคลิกเหมือนเขา เป็นปีศาจที่มายื่นข้อเสนอว่า หากต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไปในแต่ละวัน เขาต้องแลกกับสิ่งของรักในชีวิตทีละอย่างที่จะหายไปจากโลก

ท้ายที่สุดแล้วเขาจะต้องแลกแมวที่เขารักมากที่สุดเพื่อการต่อชีวิตของตัวเองออกไปหรือไม่ และจะเป็นเช่นไรถ้าหากไม่มีแมวบนโลกใบนี้

แน่นอนว่าเรื่องราวนี้จะสะกดจิตใจและความรู้สึกของคนรักแมวและรักสัตว์อย่างยิ่ง เห็นได้จากน้ำตาของผู้ชมในโรงภาพยนตร์แล้วชวนให้อยากดูหนังเรื่องนี้

   ในงานเปิดตัวหนังสือ "ถ้าโลกนี้ไม่มีแมว"Ž พร้อมฉายภาพยนตร์ "ถ้าแมวตัวนั้นหายไปจากโลกนี้"Ž ที่โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 23 พ.ค.  ดนัย คงสุวรรณ์ ผู้แปลหนังสือ ถ้าโลกนี้ไม่มีแมวŽ พร้อมด้วยนักร้องนักแสดงชื่อดัง อิ๊งค์-วรันธร เปานิล และแวน-ชนินทร จิตปรีดา มาร่วมพูดคุยเปิดเผยความรักความผูกพันที่มีต่อแมว รวมทั้งความประทับใจในหนังสือและภาพยนตร์

ดนัยเล่าว่า เคยอยู่กับแมวตั้งแต่เด็กๆ อีกทั้งตัวเองเป็นภูมิแพ้และคอนโดไม่สามารถเลี้ยงแมวได้เลยใช้วิธีดูคลิปแมวแทน เมื่อดูแล้วรู้สึกสนุกและผ่อนคลายความเครียด และที่มาของนวนิยายเล่มนี้ เริ่มต้นมาจากเรื่องเล่าที่เป็นข้อความส่งต่อกันในไลน์ ทำให้คนได้อ่านง่ายขึ้น และตีพิมพ์รวมเล่มในปี 2555 ภาพยนตร์และหนังสือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปรัชญาการใช้ชีวิตและการมองเห็นความสำคัญกับสิ่งรอบตัวหลายอย่างจนตั้งคำถามว่า ทุกอย่างที่เราทำทุกวันนี้สำคัญกับชีวิตของเราจริงหรือเปล่า เราให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นในวันนี้แล้วหรือยังŽ

  ด้านอิ๊งค์-วรันธร กล่าวว่า ไม่เคยเลี้ยงแมวแต่ที่บ้านเลี้ยงแต่สุนัข แมวก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเพราะเกิดมาก็เห็นแมวอยู่แล้ว และได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์และอ่านหนังสือแล้วรู้สึกว่า ทุกอย่างที่พระเอกแลกนั้นมีค่าและมีความหมายในชีวิตของพระเอกทั้งหมด แต่ละอย่างที่แลกไปนั้นเขาพึ่งมารู้ทีหลังว่ามีค่า และเมื่อได้อ่านหนังสือแล้วยังได้สอนและกลับมามองตัวเองอีกด้วย

  ส่วนแวน-ชนินทร กล่าวว่า ตอนเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน เพื่อนเลี้ยงแมวพันธุ์เปอร์เซียผสมสกอตติช น่ารักมาก เขาจะไม่ชอบอยู่ห้องของตัวเอง ชอบมาเล่นที่ห้องผม และเมื่อได้อยู่ด้วยกันทุกวันก็เกิดความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีหลากหลายอารมณ์ พอถึงจุดพีกที่สุดของเรื่องก็แอบน้ำตาคลอ และเราทุกคนมีความสัมพันธ์ทุกสิ่งทุกอย่างโดยเฉพาะครอบครัว เพื่อน สิ่งของ แม้แต่ความทรงจำของเราเองก็ตาม เรื่องนี้ทำให้เรามองกลับไปถึงความสัมพันธ์ต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา

สุดท้ายทั้งผู้แปลและนักร้องนักแสดงชื่อดังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สิ่งที่จะไม่ยอมแลกในชีวิตและจะยอมตายเพื่อไม่ให้สูญเสียมันไป คือครอบครัว เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญมากโดยเฉพาะพ่อแม่ เรามีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะครอบครัว ถ้าไม่มีครอบครัวก็คงไม่มีเราในวันนี้ และถ้าโลกนี้ไม่มีแมวก็จะรู้สึกขาดอะไรไปบางอย่างเช่นกัน

  ผู้สนใจติดตามหนังสือ ถ้าโลกนี้ไม่มีแมวŽ ได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ ส่วนภาพยนตร์ มีฉายที่โรงภาพยนตร์ลิโด เอสเอฟเวิลด์ซีนีม่า เซ็นทรัลเวิลด์ เฮ้าส์อาร์ซีเอ เอสพลานาด รัชดา เมเจอร์ รัชโยธิน เมเจอร์เฟสติวัล เชียงใหม่ เอสเอฟเอ็กซ์มายา เชียงใหม่ อีจีวี ขอนแก่น และเอ็มพีวี บุรีรัมย์



ข่าวจาก : ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1464365308
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่