เรื่องมีอยู่ว่ามีน้องคนนึงมาปรึกษาผมว่าเค้าเครียดมากเนื่องจากเป็นหนี้เงินกู้ที่กู้ลงทุนให้เพื่อนประมาณ 2,200,000 จากหนี้จริงทั้งหมด 2,600,000 ซึ่งเค้าเสียดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน เค้าเล่าให้ฟังว่าเค้าได้กู้ลงทุนหมุนเวียนระยะสั้นให้เพื่อนจากคนรู้จักแต่เพื่อนคนดังกล่าวตอนนี้ได้หนีไปแล้วทำให้ตนเองเป็นหนี้ดังที่กล่าวไปและเป็นหนี้บัตรเครดิตเต็มวงเงินอีก 3 ใบยอดรวมประมาณ 3 แสน ซึ่งเค้าบอกว่าไม่รู้จะทำยังไงดีหมุนเงินไม่ทันและเงินสดขาดมือ
ผมจึงเริ่มสงสัยและสอบถามเค้าถึงรายรับ-รายจ่ายทั้งหมดของเค้า และเอามาลองแจกแจงรายละเอียดและลองคำนวนดูจึงพบว่า กำไรจากธุรกิจของเค้าหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆทั้งหมดของเค้าปัจจุบันจะเพียงพอแค่จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เท่านั้น ผมจึงให้เค้าดูตัวเลขที่ผมแจกแจงให้เค้าดูว่าตรงนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เงินหมุนเวียนเค้าหมดเพราะภาระหนี้ที่ตัวเองเป็นผู้กระทำ ( ถึงแม้จะออกหน้ากูให้เพื่อนของเค้า ) และบอกเค้าไปว่าถ้าเค้าไม่มีแหล่งรายได้ใหม่เค้าจะไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้ตรงส่วนนี้ได้เลย ( คำนวนจากรายได้ประจำจากธุรกิจเป็นตัวเลขที่แน่นอนต่อเดือน ) ผมจึงได้แนะนำให้เค้าไปกู้ธนาคารและเมื่อเค้าได้ลองทำตามอย่างที่ผมแจ้งปรากฎว่ามีธนาคารที่ตอบรับให้เงินกู้แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งให้กู้อยู่ที่ 2 ล้านกว่าๆ เสียดอกเบี้ยประมาณ 10% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 10 ปี ( จากเดิมเค้าเคยผ่อนบ้านโดยเสียดอกเบี้ยประมาณ 4-5% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระเหลือ 23 ปี )
มาถึงตรงนี้ผมจึงได้แนะนำเค้าไปว่าให้นำเงินกู้ที่ได้จากธนาคารไปชำระเงินกู้ส่วนตัวของเค้าทั้งหมด และชำระบัตรเครดิตทั้ง และลองมาคำนวนเงินคงเหลือหลังจากที่ได้ชำระหนี้ 2 ส่วนนี้เค้าจะมีเงินสดคงเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายต่อเดือนเฉลี่ยนประมาณ 50,000-60,000 ซึ่งสามารถทะยอยผ่อนธนาคารโดยคำนวนจากยอดเงินต่อประมาณเกือบ 4 ปี ก็น่าจะหมดและเค้าจะมีเงินสดส่วนตัวต่อเดือนเหลือไว้ใช้จ่ายด้วยเนื่องจากไม่ต้องคอยชำระค่าบัตรเครดิตรายเดือนต่อไปแล้วด้วย ซึ่งผมมองว่าน่าจะทำให้เค้าเกิดสภาพคล่องมากขึ้น และเมื่อเค้ามีรายรับใหม่เข้ามาเค้าก็จะสามารถทะยอยส่งธนาคารได้เร็วขึ้นด้วย
ไม่แน่ใจว่าทำแบบนี้ถูกมั๊ย
ผมจึงเริ่มสงสัยและสอบถามเค้าถึงรายรับ-รายจ่ายทั้งหมดของเค้า และเอามาลองแจกแจงรายละเอียดและลองคำนวนดูจึงพบว่า กำไรจากธุรกิจของเค้าหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆทั้งหมดของเค้าปัจจุบันจะเพียงพอแค่จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เท่านั้น ผมจึงให้เค้าดูตัวเลขที่ผมแจกแจงให้เค้าดูว่าตรงนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เงินหมุนเวียนเค้าหมดเพราะภาระหนี้ที่ตัวเองเป็นผู้กระทำ ( ถึงแม้จะออกหน้ากูให้เพื่อนของเค้า ) และบอกเค้าไปว่าถ้าเค้าไม่มีแหล่งรายได้ใหม่เค้าจะไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้ตรงส่วนนี้ได้เลย ( คำนวนจากรายได้ประจำจากธุรกิจเป็นตัวเลขที่แน่นอนต่อเดือน ) ผมจึงได้แนะนำให้เค้าไปกู้ธนาคารและเมื่อเค้าได้ลองทำตามอย่างที่ผมแจ้งปรากฎว่ามีธนาคารที่ตอบรับให้เงินกู้แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งให้กู้อยู่ที่ 2 ล้านกว่าๆ เสียดอกเบี้ยประมาณ 10% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 10 ปี ( จากเดิมเค้าเคยผ่อนบ้านโดยเสียดอกเบี้ยประมาณ 4-5% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระเหลือ 23 ปี )
มาถึงตรงนี้ผมจึงได้แนะนำเค้าไปว่าให้นำเงินกู้ที่ได้จากธนาคารไปชำระเงินกู้ส่วนตัวของเค้าทั้งหมด และชำระบัตรเครดิตทั้ง และลองมาคำนวนเงินคงเหลือหลังจากที่ได้ชำระหนี้ 2 ส่วนนี้เค้าจะมีเงินสดคงเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายต่อเดือนเฉลี่ยนประมาณ 50,000-60,000 ซึ่งสามารถทะยอยผ่อนธนาคารโดยคำนวนจากยอดเงินต่อประมาณเกือบ 4 ปี ก็น่าจะหมดและเค้าจะมีเงินสดส่วนตัวต่อเดือนเหลือไว้ใช้จ่ายด้วยเนื่องจากไม่ต้องคอยชำระค่าบัตรเครดิตรายเดือนต่อไปแล้วด้วย ซึ่งผมมองว่าน่าจะทำให้เค้าเกิดสภาพคล่องมากขึ้น และเมื่อเค้ามีรายรับใหม่เข้ามาเค้าก็จะสามารถทะยอยส่งธนาคารได้เร็วขึ้นด้วย