[CR] ยลวัดยามเย็น..."วัดสิงห์" ปทุมธานี

วัดโบสถ์ วัดศาลเจ้า วัดมูลจินดาราม วัดพืชอุดม ฯลฯ ที่ยกตัวอย่างมานี้ คือวัดสำคัญๆ ที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว เมื่อมาเยือน เมืองแห่งดอกบัว ปทุมธานี
     หากเราย้อนเวลากลับไปหลายร้อยปีมาแล้ว เหนือขึ้นไปจากตัวเมืองปทุมฯ ในปัจจุบัน เคยเป็นที่ตั้งของเมืองเดิม เมืองสามโคก ถิ่นฐานของชาวมอญที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในราชอาณาจักร บริเวณยังคงปรากฏร่องรอยของอดีตอยู่พอสมควร ที่น่าประหลาดใจคือ เพียงเข้าซอยจากถนนใหญ่ บรรยากาศของชนบท ชุมชนเล็กๆ เคียงข้างทุ่งนาและดงตาล ยังคงมีอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ !

     เรากำลังจะพาทุกท่านไปรู้จักกับหนึ่งในบรรดาวัดเก่าแห่งเมืองสามโคก เล็กๆ เงียบๆ แต่ เลิศ



     วัดสิงห์ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในเวลาไล่เลี่ยกับการตั้งเมืองสามโคก และก็เป็นศูนย์กลางทางศาสนกิจทั้งชาวไทยและมอญ ที่ได้รับการดูแลเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
     แรกเมื่อเข้ามาในวัด รู้สึกเหมือนว่าที่นี่มีบาเรียกั้นระหว่างยุคสมัยเก่าและใหม่เอาไว้ มีอาคารไม่กี่หลังเท่านั้นที่สร้างใหม่ แต่นอกนั้นเหมือนถูกหยุดเวลา ทั้งลักษณะทางสถาปัตยกรรม และบรรยากาศโดยรอบ (โดยเฉพาะยามโพล้เพล้) ได้อารมณ์ย้อนยุคสุดๆ

     สำหรับศาสนสถานที่ควรมาชมในวัดสิงห์ ประกอบไปด้วย...
ศาลาดิน


     หรือวิหารโถง เป็นอาคารโถง เปิดโล่งทั้งสี่ด้าน มีเสาไม้เรียงรอบทั้งด้านนอกและด้านใน บนเพดานมีดาวเพดานแกะสลักจากไม้ ในศาลาเป็นที่ประดิษฐานสองพระพุทธรูปสำคัญคือ หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยอยุธยา ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว และ หลวงพ่อเพชร พระพุทธไสยาสน์ อยู่อีกด้านของหลวงพ่อโต และเหนือองค์หลวงพ่อเพชรขึ้นไป ปรากฏภาพจิตรกรรมพระพุทธเจ้าประทับยืน มีพระอัครสาวกประนมมืออยู่ทั้งสองข้าง อาจจะถือได้ว่า เป็นภาพจิตรกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดปทุมธานี ที่ยังหลงเหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม ภาพจิตรกรรมนี้ถูกน้ำฝนชะล้างจนลบเลือนไปมากพอสมควร





กลุ่มศาสนสถานในเขตพุทธาวาส

     ศาสนสถานในเขตพุทธาวาสวัดสิงห์ ประกอบไปด้วย...
อุโบสถ - สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีร่องรอยของการบูรณะในสมัยรัตนโกสินทร์อยู่บ้าง หน้าบันด้านหลังเป็นไม้แกะสลัก ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นปูนปั้น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยอู่ทอง
วิหารน้อย - ตั้งอยู่ด้านข้างกับอุโบสถ มีฐานแอ่นโค้งเหมือนเรือสำเภา อันเป็นเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมในสมัยอยุธยา ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยเดียวกัน นามว่า หลวงพ่อดำ
โกศพญากราย - โกศปูนประดับด้วยลวดลายปูนปั้นและกระจกสี บรรจุอัฐิของ พญากราย พระราชาคณะ และอดีตเจ้าอาวาสที่ครองวัดในช่วงรัชกาลที่ ๒
เจดีย์ - ตั้งเรียงกันหน้าอุโบสถ มีจำนวน ๖ องค์ รูปแบบเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง
     อาคารในเขตพุทธาวาส ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว ที่มีการเจาะเป็นช่อง ไว้สำหรับวางประทีปให้ความสว่างยามค่ำคืน (อยู่ในภาพ ศาลาดิน - ภาพที่ ๒)












     ภายในรั้ววัดสิงห์แห่งนี้ ยังมีของน่าสนใจอีกมากมาย ทั้ง พิพิธภัณฑ์วัดสิงห์ ซึ่งตั้งอยู่บนศาลาการเปรียญ รวบรวมสิ่งของที่วัดได้รับพระราชทานมา และโบราณวัตถุสำคัญของวัด พระพุทธบาทไม้ รอยพระพุทธบาทจำลองแกะสลักบนแผ่นไม้ล้อมรอบด้วยลวดลายสวยงาม หรือกุฏิพระโบราณสมัยอยุธยา ศิลปะตะวันตก ซึ่งได้ถล่มลงเมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๔ วันนี้ได้รับการบูรณะให้กลับมาสวยงามอย่างเดิมแล้ว


     อีกฟากถนนหนึ่งตรงข้ามกับวัด เป็นโบราณสถานสำคัญอีกแห่งของเมืองสามโคก ไม่ใช่วัด หรือศาสนสถาน แต่เป็น เตาเผา มีชื่อเรียกว่า
     โบราณสถานเตาโอ่งอ่าง

     เตาโอ่งอ่าง เป็นเตาเผา ตุ่มสามโคก สินค้าสำคัญจากเมืองแห่งนี้ ชื่อของ "สามโคก" ก็มาจากลักษณะของเตาที่มีขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายกับเนินเล็กๆ นั่นเอง จึงสันนิษฐานว่าเมื่อก่อนอาจจะมีเตาใหญ่ๆ ทั้งหมด ๓ เตา ในปัจจุบันนี้ เตาโอ่งอ่างมีสภาพสมบูรณ์ที่สุด กรมศิลปากรได้ทำการปรับปรุงพื้นที่โดยรบ ป้ายนิทรรศการ และตู้โบราณวัตถุให้ได้ชมด้วย (แต่ทำไมบางตู้ถึงมีรอยแตกเป็นรู แล้วของที่อยู่ข้างในหายไปล่ะ หรือว่า...)



     วัดสิงห์ วัดสำคัญคู่เมืองสามโคก ผ่านเรื่องราวสำคัญจากการเป็นที่จำพรรษาของพระราชาคณะชาวมอญ แม้ในวันนี้ วัดสิงห์ เป็นวัดราษฎร์เล็กๆ ประจำชุมชน แต่ศาสนสถาน งานศิลปะ และโบราณวัตถุต่างๆ ก็ยังคงฉายภาพประวัติศาสตร์ในหน้าหนึ่งของเมืองปทุมธานีอย่างไม่เสื่อมคลาย...ตราบจนอิฐก้อนสุดท้ายจะสลายไป ก็ได้แต่หวังไว้ว่าวัดแห่งนี้จะอยู่คู่เมืองปทุมฯ ไปนานๆ นะ

ขอปิดท้ายด้วยภาพทุ่งนา และต้นตาลยามเย็น บรรยากาศชนบทย่านวัดสิงห์ที่กล่าวไว้ในตอนต้น



TIP : หากจะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ และอาคารต่างๆ ควรมาช่วงกลางวัน เพราะสามารถติดต่อกับผู้ดูแลได้
      ถ้าหากมีเวลาน้อย หรือมาถ่ายภาพอย่างเดียว ให้มาตอนเย็น (ประมาณ ๑๗.๐๐ - ๑๘.๐๐ น.) ไม่ร้อน คนน้อย แสงสวย
      และเนื่องจากบรรยากาศที่เงียบ และเปลี่ยวในช่วงนั้น อย่าลืมระมัดระวังตัวด้วย

     ไปย้อนเวลาหาอดีตของเมืองปทุมฯ ที่วัดสิงห์กัน !!!