ปีนี้มีหนังจากเกมส์ที่เป็นกระแสค่อนข้างมาแรงมากๆอยู่สองเรื่องครับ คือ Warcraft และ Assassin's creed
และเรื่องแรกที่เข้ามาถึงก็คือเรื่อง WARCRAFT : THE BEGINNING นี่แหละครับ และนี่คือสิ่งที่ผมชอบของเรื่องนี้
- ชอบงานภาพ คือ CG เรื่องนี้ดีงามมากกกก สวยหมดทุกฉาก ไม่มีฉากไหนที่ดูเผาๆหรือไม่เนียนตา เพราะว่า CG เรื่องนี้สวยและแฟนตาซีมากๆ (ส่วนตัวผมว่าดีกว่า Civil War เสียอีก) เป็นการเปิดโลกใบใหม่ได้สวยงามดี โดยเฉพาะฉากในหนังหลายๆฉากที่เหมือนกับหลุดมาจากเกมส์เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเรื่องงานภาพสอบผ่านฉลุยสำหรับหนังเรื่องนี้ มันสวยเหลือเกิน
- ชอบบรรดาออร์ค ที่ดูออกว่าใส่ใจกับการสร้างออร์คมาก เพราะออร์คแต่ละคนดูเนียนตา ดูน่าเกรงขาม ดูแบบตัวใหญ่โหดๆดี อารมณ์แบบมนุษย์จะเอาอะไรไปตีไหวเนี่ยโดนทุบทีเดียวตายแล้วมั้ง (ซึ่งก็จริง) โดยเฉพาะบรรดาออร์คตัวหลักๆที่เรียกว่างานดีมาก เช่น ดูโรธาน เมียดูโรธาน เพื่อนดูโรธาน แบล็คแฮนด์ และดูแรน (ขออภัยจำชื่อไม่ได้จริงๆ - -) เหมือนมีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่สร้างจากคอมพิวเตอร์ แม้ออร์คตัวอื่นๆจะดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่แต่ก็ผ่าน
- ชอบเวทย์มนต์ในเรื่องนี้มาก มันเป็นการร่ายเวทย์ที่สวยและเท่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ส่วนตัวผมว่าการร่ายเวทย์แต่ละทีมันต้องมีอักขระหรือวงเวทย์เท่ๆเรืองแสงแบบนี้แหละ โดยเฉพาะฉากเมลดิฟ(ผู้พิทักษ์) ร่ายเวทย์แต่ละที ดูทรงพลังและเวทย์มนต์พี่แกก็กระการตานี้มาก โดยเฉพาะฉากที่เรียกกำแพงสายฟ้านั่นก็โอ้โห...เท่
- ชอบชุดในเรื่อง โดยเฉพาะชุดเกราะอัศวินที่ดูสวยเหมือนในเกมส์เลย(แม้จะได้อารมณ์เหมือนคอสเพลย์มากกว่า) และชุดของผู้พิทักษ์ที่เท่แบบเรียบๆ แต่ส่วนตัวชอบบรรดาออร์คที่สุด เพราะแต่ละตัวมีดีเทลเครื่องประดับที่ไม่เหมือนกันดี แสดงถึงความใส่ใจของผู้สร้างดี
- ตัวละครที่ชอบมากคือ ดูโรธาน หัวหน้าของชนเผ่าออร์คที่ไม่ยอมรับพลังของดูแรน แกคือผู้นำที่ยึดมั่นในความถูกต้องและความรักสันติ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่แกถึงกับยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อที่จะแสดงให้เหล่าออร์คเห็นว่าสิ่งที่ดูแรนกระทำนั้นมันไม่ใช้การกระทำที่ถูกต้อง และแอบสงสารแกที่ตายโดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมียรักของตัวเองตายไปเรียบร้อย และลูกน้อยก็ถูกส่งไปผจญชะตากรรมตามลำพัง แต่ผมเชื่อว่าการเสียสละของแกจะต้องส่งผลในภาค 2-3 แน่นอน(ถ้าหากยังมีภาคต่อ)
- ชอบการเสียสละของตัวละครหลักหลายตัว เช่น ดูโรธาน และคนอื่นๆ เช่น ลูกของพระเอกที่ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อถ่วงออร์คไม่ให้ไล่ตามพระราชาไป และถูกฆ่าตายต่อหน้า ซึ่งสร้างอิมแพคต่อเรื่องได้โอเคเลยทีเดียว(ในโรงฉากนี้มีกรี้ดหลายคนอยู่) และโดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่ต้องยืนเป็นวงต้านกองทัพออร์คเพื่อให้ประชาชนหนีไปให้ได้ และสุดท้ายพระราชาก็ต้องยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อสร้างโอกาสให้เกิดสันติระหว่างสองเผ่าพันธุ์แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี ดู...โห เท่
- ฉากแอคชั่นตัวต่อตัวโอเคมาก โดยเฉพาะฉากต่อยกันระหว่างดูโรธานกับดูแรน ที่มันส์และบีบหัวใจดี
- การตัดต่อของเรื่องนี้เรียกได้ว่าเฟลมาก... สำหรับผมเฟลยิ่งกว่า BvS เสียอีก หลายๆฉากเกิดการรีบตัดเกินไปมาก หลายฉากที่แบบยังไม่ทันจบฉากเลยแต่พี่เล่นตัดไปฉากอื่นต่อซะละ มันควรจะมีต่ออีกสักเล็กน้อยให้เห็นว่าฉากนี้จบแล้ว เช่น ตัวละครเดินออกเฟรมหรือมีประโยคปิดฉากหน่อย แต่นี้เหมือนตัวละครคุยกันยังไม่ทันจบดีแต่ดันตัดฉากมาอีกฝั่งคุยกันเฉยเลย สำหรับผมคือแบบอีกนิดเดียวกำลังจะอินแล้วอ่ะ พี่จะรีบตัดไปทำไม แล้วก็พอตัดฉากมากลายเป็นว่าไม่มีการโปรยอะไรเลย โผล่มาก็ดำเนินเรื่องมาโต้งๆ ส่วนตัวรู้สึกแย่มาก น่าจะมีการโฟกัสไปที่อื่นก่อนแล้วค่อยแพนกล้องมาก็ได้ แถมหลายๆฉากก็ไม่น่าติดตามเท่าไหร่นัก ถ้าง่วงๆมาดูก็แอบมีวูบนิดๆนะเนี่ย
- ฉากสงครามที่ควรจะ Epic แต่ดันไม่ค่อย Epic อย่างที่ควรจะเป็น ส่วนตัวผมว่าเป็นเพราะมุมกล้องที่แทนที่จะใช้แบบภาพมุมกว้างๆ ให้เห็นถึงฉากกองทัพสองฝั่งเยอะๆมาตีกัน หรือฉากที่ยืนเป็นป้อมเพื่อต้านกองทัพครั้งสุดท้ายก็น่าจะใช้ภาพมุมสูงกว่านี้เพื่อให้ดูแบบสิ้นหวังๆ แบบกลุ่มก่อนมนุษย์ท่ามกลางกองทัพออร์คอะไรแบบนี้ (คิดไม่ออกคิดถึงฉากต่อสู้ครั้งสุดท้ายใน TLOR ที่แสดงถึงความสิ้นหวังได้ดีมากๆ) แต่เรื่องนี้ฉากรบดันไม่ค่อยเป็นฉากสงครามกว้างๆแต่ดันโฟกัสไปที่แต่ละตัวละครมากเกินไป จนเราไม่เห็นภาพรวมว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่ (หรือว่าเป็นเพราะไม่ใช่ IMAX หว่า)
- ตัวเนื้อเรื่องที่ผมว่าเขาว่าโลกมาได้ดีเลย (เพราะมันคือโลกของเกมส์ WARCRAFT อันยาวนานและโด่งดัง) แต่ทว่าเรื่องนี้กลับไม่ค่อยเฉลยปมเท่าไหร่นัก มีหลายประเด็นที่คนที่ไม่รู้เนื้อเรื่องก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้าผมไม่อ่านกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/35187097 มาก่อนก็คงเกิดอาการไม่รู้เนื้อเรื่อง งง หัวว่างเปล่าพร้อมคิดว่า มันพูดเรื่องอะไรกันวะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่มันทำอะไรกันแน่ ทำไมๆ
- นักแสดงฝ่ายมนุษย์ที่แสดงได้ไม่ดีพอ ปัญหาใหญ่ๆเลยผมเดาว่าแต่ละคนไม่ใช้ดาราดังมากนักและปัญหาอีกอย่างคือแต่ละคนดูไม่มีออร่าเท่าไหร่เลย แม้แต่ตัวพระเอกเองที่บางฉากผมก็ว่าแกแสดงได้ไม่โอเค หรือพระราชาที่ผมว่าแกไม่ค่อยมีราศีราชาจับเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะราชินีนี่ไม่มีออร่าราชินีเอาเสียเลย นักเวทย์หนุ่มก็อีกคน ดูไม่น่าเอาใจช่วย(แต่ฮาได้อยู่) ทำให้เราไม่ค่อยมีความผูกพันธ์หรือเอาใจช่วยเท่าที่ควร
- ตัวละครหลายตัวแบนมาก ไม่มีมิติใดๆเลย ตัวร้ายก็ร้ายอย่างเดียว ตัวดีก็ดีอย่างเดียว แต่ส่วนตัวผมว่าโอเคนะ เพราะมันก็ดูเมคเซ้นท์ดีพอสมควร ยกเว้นตัวร้ายที่ตรรกะบางอย่างแปลกๆ แต่ก็ไม่เป็นไหร่ ปล่อยผ่านได้
สรุปเรื่องนี้คือการปูเนื้อเรื่องไปสู่เนื้อเรื่องระดับมหากาพย์ แม้จะมีสะดุดไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าสนุกดี อย่างให้มีภาคสองต่อเหมือนกัน
แนะนำให้ไปดูในโรงครับ ไปเสพภาพสวยๆ และความสนุกแบบไม่เสียดายตั๋ว
[สปอย]สิ่งที่ผมชอบใน WARCRAFT : THE BEGINNING (อาพรรถ์จากหนังจากเกมส์ยังไม่หายไปหมด..)
ปีนี้มีหนังจากเกมส์ที่เป็นกระแสค่อนข้างมาแรงมากๆอยู่สองเรื่องครับ คือ Warcraft และ Assassin's creed
และเรื่องแรกที่เข้ามาถึงก็คือเรื่อง WARCRAFT : THE BEGINNING นี่แหละครับ และนี่คือสิ่งที่ผมชอบของเรื่องนี้
- ชอบงานภาพ คือ CG เรื่องนี้ดีงามมากกกก สวยหมดทุกฉาก ไม่มีฉากไหนที่ดูเผาๆหรือไม่เนียนตา เพราะว่า CG เรื่องนี้สวยและแฟนตาซีมากๆ (ส่วนตัวผมว่าดีกว่า Civil War เสียอีก) เป็นการเปิดโลกใบใหม่ได้สวยงามดี โดยเฉพาะฉากในหนังหลายๆฉากที่เหมือนกับหลุดมาจากเกมส์เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเรื่องงานภาพสอบผ่านฉลุยสำหรับหนังเรื่องนี้ มันสวยเหลือเกิน
- ชอบบรรดาออร์ค ที่ดูออกว่าใส่ใจกับการสร้างออร์คมาก เพราะออร์คแต่ละคนดูเนียนตา ดูน่าเกรงขาม ดูแบบตัวใหญ่โหดๆดี อารมณ์แบบมนุษย์จะเอาอะไรไปตีไหวเนี่ยโดนทุบทีเดียวตายแล้วมั้ง (ซึ่งก็จริง) โดยเฉพาะบรรดาออร์คตัวหลักๆที่เรียกว่างานดีมาก เช่น ดูโรธาน เมียดูโรธาน เพื่อนดูโรธาน แบล็คแฮนด์ และดูแรน (ขออภัยจำชื่อไม่ได้จริงๆ - -) เหมือนมีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่สร้างจากคอมพิวเตอร์ แม้ออร์คตัวอื่นๆจะดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่แต่ก็ผ่าน
- ชอบเวทย์มนต์ในเรื่องนี้มาก มันเป็นการร่ายเวทย์ที่สวยและเท่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ส่วนตัวผมว่าการร่ายเวทย์แต่ละทีมันต้องมีอักขระหรือวงเวทย์เท่ๆเรืองแสงแบบนี้แหละ โดยเฉพาะฉากเมลดิฟ(ผู้พิทักษ์) ร่ายเวทย์แต่ละที ดูทรงพลังและเวทย์มนต์พี่แกก็กระการตานี้มาก โดยเฉพาะฉากที่เรียกกำแพงสายฟ้านั่นก็โอ้โห...เท่
- ชอบชุดในเรื่อง โดยเฉพาะชุดเกราะอัศวินที่ดูสวยเหมือนในเกมส์เลย(แม้จะได้อารมณ์เหมือนคอสเพลย์มากกว่า) และชุดของผู้พิทักษ์ที่เท่แบบเรียบๆ แต่ส่วนตัวชอบบรรดาออร์คที่สุด เพราะแต่ละตัวมีดีเทลเครื่องประดับที่ไม่เหมือนกันดี แสดงถึงความใส่ใจของผู้สร้างดี
- ตัวละครที่ชอบมากคือ ดูโรธาน หัวหน้าของชนเผ่าออร์คที่ไม่ยอมรับพลังของดูแรน แกคือผู้นำที่ยึดมั่นในความถูกต้องและความรักสันติ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่แกถึงกับยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อที่จะแสดงให้เหล่าออร์คเห็นว่าสิ่งที่ดูแรนกระทำนั้นมันไม่ใช้การกระทำที่ถูกต้อง และแอบสงสารแกที่ตายโดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมียรักของตัวเองตายไปเรียบร้อย และลูกน้อยก็ถูกส่งไปผจญชะตากรรมตามลำพัง แต่ผมเชื่อว่าการเสียสละของแกจะต้องส่งผลในภาค 2-3 แน่นอน(ถ้าหากยังมีภาคต่อ)
- ชอบการเสียสละของตัวละครหลักหลายตัว เช่น ดูโรธาน และคนอื่นๆ เช่น ลูกของพระเอกที่ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อถ่วงออร์คไม่ให้ไล่ตามพระราชาไป และถูกฆ่าตายต่อหน้า ซึ่งสร้างอิมแพคต่อเรื่องได้โอเคเลยทีเดียว(ในโรงฉากนี้มีกรี้ดหลายคนอยู่) และโดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่ต้องยืนเป็นวงต้านกองทัพออร์คเพื่อให้ประชาชนหนีไปให้ได้ และสุดท้ายพระราชาก็ต้องยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อสร้างโอกาสให้เกิดสันติระหว่างสองเผ่าพันธุ์แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี ดู...โห เท่
- ฉากแอคชั่นตัวต่อตัวโอเคมาก โดยเฉพาะฉากต่อยกันระหว่างดูโรธานกับดูแรน ที่มันส์และบีบหัวใจดี
- การตัดต่อของเรื่องนี้เรียกได้ว่าเฟลมาก... สำหรับผมเฟลยิ่งกว่า BvS เสียอีก หลายๆฉากเกิดการรีบตัดเกินไปมาก หลายฉากที่แบบยังไม่ทันจบฉากเลยแต่พี่เล่นตัดไปฉากอื่นต่อซะละ มันควรจะมีต่ออีกสักเล็กน้อยให้เห็นว่าฉากนี้จบแล้ว เช่น ตัวละครเดินออกเฟรมหรือมีประโยคปิดฉากหน่อย แต่นี้เหมือนตัวละครคุยกันยังไม่ทันจบดีแต่ดันตัดฉากมาอีกฝั่งคุยกันเฉยเลย สำหรับผมคือแบบอีกนิดเดียวกำลังจะอินแล้วอ่ะ พี่จะรีบตัดไปทำไม แล้วก็พอตัดฉากมากลายเป็นว่าไม่มีการโปรยอะไรเลย โผล่มาก็ดำเนินเรื่องมาโต้งๆ ส่วนตัวรู้สึกแย่มาก น่าจะมีการโฟกัสไปที่อื่นก่อนแล้วค่อยแพนกล้องมาก็ได้ แถมหลายๆฉากก็ไม่น่าติดตามเท่าไหร่นัก ถ้าง่วงๆมาดูก็แอบมีวูบนิดๆนะเนี่ย
- ฉากสงครามที่ควรจะ Epic แต่ดันไม่ค่อย Epic อย่างที่ควรจะเป็น ส่วนตัวผมว่าเป็นเพราะมุมกล้องที่แทนที่จะใช้แบบภาพมุมกว้างๆ ให้เห็นถึงฉากกองทัพสองฝั่งเยอะๆมาตีกัน หรือฉากที่ยืนเป็นป้อมเพื่อต้านกองทัพครั้งสุดท้ายก็น่าจะใช้ภาพมุมสูงกว่านี้เพื่อให้ดูแบบสิ้นหวังๆ แบบกลุ่มก่อนมนุษย์ท่ามกลางกองทัพออร์คอะไรแบบนี้ (คิดไม่ออกคิดถึงฉากต่อสู้ครั้งสุดท้ายใน TLOR ที่แสดงถึงความสิ้นหวังได้ดีมากๆ) แต่เรื่องนี้ฉากรบดันไม่ค่อยเป็นฉากสงครามกว้างๆแต่ดันโฟกัสไปที่แต่ละตัวละครมากเกินไป จนเราไม่เห็นภาพรวมว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่ (หรือว่าเป็นเพราะไม่ใช่ IMAX หว่า)
- ตัวเนื้อเรื่องที่ผมว่าเขาว่าโลกมาได้ดีเลย (เพราะมันคือโลกของเกมส์ WARCRAFT อันยาวนานและโด่งดัง) แต่ทว่าเรื่องนี้กลับไม่ค่อยเฉลยปมเท่าไหร่นัก มีหลายประเด็นที่คนที่ไม่รู้เนื้อเรื่องก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้าผมไม่อ่านกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/35187097 มาก่อนก็คงเกิดอาการไม่รู้เนื้อเรื่อง งง หัวว่างเปล่าพร้อมคิดว่า มันพูดเรื่องอะไรกันวะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่มันทำอะไรกันแน่ ทำไมๆ
- นักแสดงฝ่ายมนุษย์ที่แสดงได้ไม่ดีพอ ปัญหาใหญ่ๆเลยผมเดาว่าแต่ละคนไม่ใช้ดาราดังมากนักและปัญหาอีกอย่างคือแต่ละคนดูไม่มีออร่าเท่าไหร่เลย แม้แต่ตัวพระเอกเองที่บางฉากผมก็ว่าแกแสดงได้ไม่โอเค หรือพระราชาที่ผมว่าแกไม่ค่อยมีราศีราชาจับเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะราชินีนี่ไม่มีออร่าราชินีเอาเสียเลย นักเวทย์หนุ่มก็อีกคน ดูไม่น่าเอาใจช่วย(แต่ฮาได้อยู่) ทำให้เราไม่ค่อยมีความผูกพันธ์หรือเอาใจช่วยเท่าที่ควร
- ตัวละครหลายตัวแบนมาก ไม่มีมิติใดๆเลย ตัวร้ายก็ร้ายอย่างเดียว ตัวดีก็ดีอย่างเดียว แต่ส่วนตัวผมว่าโอเคนะ เพราะมันก็ดูเมคเซ้นท์ดีพอสมควร ยกเว้นตัวร้ายที่ตรรกะบางอย่างแปลกๆ แต่ก็ไม่เป็นไหร่ ปล่อยผ่านได้
สรุปเรื่องนี้คือการปูเนื้อเรื่องไปสู่เนื้อเรื่องระดับมหากาพย์ แม้จะมีสะดุดไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าสนุกดี อย่างให้มีภาคสองต่อเหมือนกัน
แนะนำให้ไปดูในโรงครับ ไปเสพภาพสวยๆ และความสนุกแบบไม่เสียดายตั๋ว