ก่อนอื่นนะครับ วางอารมณ์ความรู้สักไว้ก่อน เป็นธรรม หรือไม่เป็นธรรมน่ะ วางไว้ก่อน
เพราะเรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องของข้อกฎหมายล้วน ๆ
จะเอาแต่ร้องว่าไม่เป็นธรรม ๆ ๆ ๆ อย่างเดียว แล้วไม่ยอมทำตามกฎหมายไม่ได้
ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย
ประเด็นก็คือ ดีเอสไอ เขากล่าวหาธัมมชโย ว่ามีความผิดฐานฟอกเงิน และรับของโจร
จากการรับเงินบริจาค จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่น
ข้อกล่าวหา ก็คือข้อกล่าวหา จะจริง จะไม่จริง ก็ต้องพิสูจน์กันด้วยหลักฐาน
ทีนี้ เมื่อดีเอสไอเขามีข้อกล่าวหาอย่างนี้ เขาก็ออกหมายเรียกให้ธัมมชโยมารับทราบข้อกล่าวหา
ซึ่งตามกฎหมายนั้น เมื่อมีหมายเรียก บุคคลที่ได้รับหมายเรียก ต้องไปพบเจ้าพนักงานตามหมายเรียก
แม้กระทั่งคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากโดนหมายเรียก ก็ต้องไป
หากหมายเรียกไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม มีเจตนากลั่นแกล้ง หรืออื่นใด
เจ้าพนักงานก็จะมีความผิดซะเอง ตามกฎหมายอาญามาตรา 157
เมื่อได้รับหมายเรียก หากมีเหตุขัดข้องจำเป็น ไปตามหมายเรียกยังไม่ได้
ก็สามารถติดต่อขอเลื่อน ขอนัดวันเวลาที่สะดวก ขอสถานที่ที่สะดวก (อันหมายถึงสถานที่ราชการ)
ซึ่งเจ้าหนักงานก็จะพิจารณาตามความเหมาะสม นัดหมายเรียกในครั้งต่อไป
แต่หากมีเจตนาบิดพลิ้ว ไม่ยอมพบเจ้าพนักงานตามหมายเรียก มีหมายเรียกหลายครั้งก็ไม่ยอมไป
ก็มีสิทธิ์โดนหมายจับได้
ธัมมชโยนั้น ไม่ยอมไปพบเจ้าพนักงานตามหมายเรียก
แถมยังใช้ใบรับรองแพทย์อันไม่ถูกต้องยืนยันว่าป่วย เจ้าพนักงานเขาจึงมีอำนาจออกหมายจับ
และศาลเห็นว่า หมายจับนั้นมีเหตุอันควร ศาลจึงได้อนุมัติหมายจับ
1. หากธัมมชโย ไปตามหมายเรียก รับทราบข้อกล่าวหา ปฏิเสธข้อกล่าวหา ขอประกันตัวสู้คดี จบเรื่องไปแล้ว
กว่าสำนวนฟ้องจะถึงอัยการ กว่าอัยการจะสั่งฟ้อง กว่าจะสู้คดีในชั้นศาล อีกห้าปีเจ็ดปีสิบปี ไม่รู้จะจบไหม
ดีไม่ดี อัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีก็สิ้นสุด
2. ธัมมชโยเอาแต่อ้างว่าป่วย ไม่สามารถเดินทางออกจากวัดไปรับทราบข้อกล่าวหากได้
การอ้างแบบนี้ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมายไม่ได้ ไม่งั้นคนทำผิดก็อ้างว่าป่วยกันทั้งเมือง
หากป่วยจริง ก็ใช้หลักฐานทางการแพทย์ที่ถูกต้องยืนยัน ไม่ใช่เอาแต่อ้าง ไม่ใช่มาออกทีวี ซึ่งไม่ใช่เรื่องทางกฎหมายอะไรเลย
หากมีหลักฐานทางการแพทย์อันถูกต้อง เจ้าพนักงานก็ไม่มีเหตุที่จะออกหมายจับ
หากมีหลักฐานทางการแพทย์อันถูกต้อง เจ้าพนักงานนั่นแหละต้องเป็นฝ่ายไปแจ้งข้อกล่าวหาธัมมชโยถึงวัด ให้ประกันตัวที่วัด
เรื่องกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้รับการประกันตัวนั้น เป็นไปไม่ได้
ก็แกนนำพันธมิตร แกนนำ นปช. ข้อหาก่อการร้าย ยังได้รับการประกันตัว
แกนนำ กปปส. ข้อหากบฏ ยังได้รับการประกันตัว
โล้นอิสระ ข้อหากบฏ ยังได้รับการประกันตัว
แล้วทำไมธัมมชโยจะไม่ได้รับการประกันตัว เพราะหากเจ้าพนักงานคัดค้านการประกันตัว มีหวังโดนสังคมกระหน่ำหนัก
และอาจโดนข้อหาตามมาตรา 157 เอาง่าย ๆ เพราะธัมมชโยไม่มีพฤติกรรมหลบหนี เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ
เรื่องแค่นี้ครับ เรื่องยังไม่ถึงไหนเลย
แค่ขั้นตอนรับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้นเอง
เมื่อเกี่ยวข้องกับคนทำผิด ก็ย่อมมีเรื่องเดือดร้อนมาถึงตัว
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
เมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้ เจ้าพนักงานเขาก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน
หากไม่ทำ เขาก็จะผิดข้อหาละเว้นซะเอง
เรื่องเป็นธรรม หรือไม่เป็นธรรม วางเอาไว้ก่อน
แม้รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม (ซึ่งคนเสื้อแดงได้รับรส รู้รส โดนกระทำอย่างไม่เป็นธรรมมานี่สิบปีแล้วครับ)
แต่ก็ต้องเดินไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ยอมรับกฎหมาย ปฏิบัติตามกฎหมาย
หรือไม่ก็หนี
แยกให้ออกครับ
บางคนอ้างคุณความดี อ้างนั่นอ้างนี่ ฯลฯ
โดยไม่คำนึง โดยไม่อิงเหตุผลว่า นี่คือเรื่องทางกฎหมายบ้านเมือง จะใช้อารมณ์ความรู้สึก ความศรัทธาอย่างเดียวไม่ได้
บางคนอ้างเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ได้เพราะวัดธรรกาย
คนละเรื่องเลย ไม่รู้อ้างมาทำไม
หากไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ต้องสู้ไปตามกฎหมาย
หากเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก็ใช้ข้อกฎหมาย หลักฐานทางกฎหมายต่อสู้ นั่นแหละเจ้าพนักงานจะติดคุกซะเอง
ไม่ใช่เอาแต่อ้างดี อ้างป่วย อ้างโน่นนั่นนี่ แต่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยัน
อ้างเป็นเรื่องการเมือง
อ้างไปทั่ว แบบต้องการให้หยุดดำเนินคดี อย่าดำเนินคดี
เป็นไปไม่ได้
ต่อให้คุณนอนอยู่บ้าน ไม่ได้ทำอะไรผิด
แต่แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีหมายเรียกให้คุณไปรับทราบข้อกล่าวหา คุณก็ต้องไป
มีเยอะครับ ประเภทไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่ชื่อไปพ้องกับคนทำผิด หรือโดนเจ้าหน้าที่ยัดข้อหา ฯลฯ
งานนี้ ได้เห็นอย่างน้อยสองอย่างครับ
หนึ่ง คือความสามารถในการบริหารจัดการของฝ่ายบ้านเมือง บริหารจัดการดีก็จบแบบเรียบร้อย ไม่ดีก็เละเลยเถิดโกบิ๊กโกฟาร์
สอง คือการใช้ศรัทธาเป็นเครื่องมือในทางที่ผิด จมอยู่ในความงมงายจนบดบังสติปัญญาและเหตุผล
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
หน้าตาดีไม่มีแฟนช่างแสนจน
แม่หน้ามนเมินหมางรักร้างลอย
จบ
ประเด็นของปัญหาคือ คนที่ชื่นชอบวัดธรรมกาย คนที่นับถือศรัทธาธัมมชโยไม่ยอมเข้าใจกฎหมาย ใช้แค่อารมณ์ความรู้สึก
เพราะเรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องของข้อกฎหมายล้วน ๆ
จะเอาแต่ร้องว่าไม่เป็นธรรม ๆ ๆ ๆ อย่างเดียว แล้วไม่ยอมทำตามกฎหมายไม่ได้
ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย
ประเด็นก็คือ ดีเอสไอ เขากล่าวหาธัมมชโย ว่ามีความผิดฐานฟอกเงิน และรับของโจร
จากการรับเงินบริจาค จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่น
ข้อกล่าวหา ก็คือข้อกล่าวหา จะจริง จะไม่จริง ก็ต้องพิสูจน์กันด้วยหลักฐาน
ทีนี้ เมื่อดีเอสไอเขามีข้อกล่าวหาอย่างนี้ เขาก็ออกหมายเรียกให้ธัมมชโยมารับทราบข้อกล่าวหา
ซึ่งตามกฎหมายนั้น เมื่อมีหมายเรียก บุคคลที่ได้รับหมายเรียก ต้องไปพบเจ้าพนักงานตามหมายเรียก
แม้กระทั่งคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากโดนหมายเรียก ก็ต้องไป
หากหมายเรียกไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม มีเจตนากลั่นแกล้ง หรืออื่นใด
เจ้าพนักงานก็จะมีความผิดซะเอง ตามกฎหมายอาญามาตรา 157
เมื่อได้รับหมายเรียก หากมีเหตุขัดข้องจำเป็น ไปตามหมายเรียกยังไม่ได้
ก็สามารถติดต่อขอเลื่อน ขอนัดวันเวลาที่สะดวก ขอสถานที่ที่สะดวก (อันหมายถึงสถานที่ราชการ)
ซึ่งเจ้าหนักงานก็จะพิจารณาตามความเหมาะสม นัดหมายเรียกในครั้งต่อไป
แต่หากมีเจตนาบิดพลิ้ว ไม่ยอมพบเจ้าพนักงานตามหมายเรียก มีหมายเรียกหลายครั้งก็ไม่ยอมไป
ก็มีสิทธิ์โดนหมายจับได้
ธัมมชโยนั้น ไม่ยอมไปพบเจ้าพนักงานตามหมายเรียก
แถมยังใช้ใบรับรองแพทย์อันไม่ถูกต้องยืนยันว่าป่วย เจ้าพนักงานเขาจึงมีอำนาจออกหมายจับ
และศาลเห็นว่า หมายจับนั้นมีเหตุอันควร ศาลจึงได้อนุมัติหมายจับ
1. หากธัมมชโย ไปตามหมายเรียก รับทราบข้อกล่าวหา ปฏิเสธข้อกล่าวหา ขอประกันตัวสู้คดี จบเรื่องไปแล้ว
กว่าสำนวนฟ้องจะถึงอัยการ กว่าอัยการจะสั่งฟ้อง กว่าจะสู้คดีในชั้นศาล อีกห้าปีเจ็ดปีสิบปี ไม่รู้จะจบไหม
ดีไม่ดี อัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีก็สิ้นสุด
2. ธัมมชโยเอาแต่อ้างว่าป่วย ไม่สามารถเดินทางออกจากวัดไปรับทราบข้อกล่าวหากได้
การอ้างแบบนี้ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมายไม่ได้ ไม่งั้นคนทำผิดก็อ้างว่าป่วยกันทั้งเมือง
หากป่วยจริง ก็ใช้หลักฐานทางการแพทย์ที่ถูกต้องยืนยัน ไม่ใช่เอาแต่อ้าง ไม่ใช่มาออกทีวี ซึ่งไม่ใช่เรื่องทางกฎหมายอะไรเลย
หากมีหลักฐานทางการแพทย์อันถูกต้อง เจ้าพนักงานก็ไม่มีเหตุที่จะออกหมายจับ
หากมีหลักฐานทางการแพทย์อันถูกต้อง เจ้าพนักงานนั่นแหละต้องเป็นฝ่ายไปแจ้งข้อกล่าวหาธัมมชโยถึงวัด ให้ประกันตัวที่วัด
เรื่องกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้รับการประกันตัวนั้น เป็นไปไม่ได้
ก็แกนนำพันธมิตร แกนนำ นปช. ข้อหาก่อการร้าย ยังได้รับการประกันตัว
แกนนำ กปปส. ข้อหากบฏ ยังได้รับการประกันตัว
โล้นอิสระ ข้อหากบฏ ยังได้รับการประกันตัว
แล้วทำไมธัมมชโยจะไม่ได้รับการประกันตัว เพราะหากเจ้าพนักงานคัดค้านการประกันตัว มีหวังโดนสังคมกระหน่ำหนัก
และอาจโดนข้อหาตามมาตรา 157 เอาง่าย ๆ เพราะธัมมชโยไม่มีพฤติกรรมหลบหนี เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ
เรื่องแค่นี้ครับ เรื่องยังไม่ถึงไหนเลย
แค่ขั้นตอนรับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้นเอง
เมื่อเกี่ยวข้องกับคนทำผิด ก็ย่อมมีเรื่องเดือดร้อนมาถึงตัว
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
เมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้ เจ้าพนักงานเขาก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน
หากไม่ทำ เขาก็จะผิดข้อหาละเว้นซะเอง
เรื่องเป็นธรรม หรือไม่เป็นธรรม วางเอาไว้ก่อน
แม้รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม (ซึ่งคนเสื้อแดงได้รับรส รู้รส โดนกระทำอย่างไม่เป็นธรรมมานี่สิบปีแล้วครับ)
แต่ก็ต้องเดินไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ยอมรับกฎหมาย ปฏิบัติตามกฎหมาย
หรือไม่ก็หนี
แยกให้ออกครับ
บางคนอ้างคุณความดี อ้างนั่นอ้างนี่ ฯลฯ
โดยไม่คำนึง โดยไม่อิงเหตุผลว่า นี่คือเรื่องทางกฎหมายบ้านเมือง จะใช้อารมณ์ความรู้สึก ความศรัทธาอย่างเดียวไม่ได้
บางคนอ้างเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ได้เพราะวัดธรรกาย
คนละเรื่องเลย ไม่รู้อ้างมาทำไม
หากไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ต้องสู้ไปตามกฎหมาย
หากเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก็ใช้ข้อกฎหมาย หลักฐานทางกฎหมายต่อสู้ นั่นแหละเจ้าพนักงานจะติดคุกซะเอง
ไม่ใช่เอาแต่อ้างดี อ้างป่วย อ้างโน่นนั่นนี่ แต่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยัน
อ้างเป็นเรื่องการเมือง
อ้างไปทั่ว แบบต้องการให้หยุดดำเนินคดี อย่าดำเนินคดี
เป็นไปไม่ได้
ต่อให้คุณนอนอยู่บ้าน ไม่ได้ทำอะไรผิด
แต่แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีหมายเรียกให้คุณไปรับทราบข้อกล่าวหา คุณก็ต้องไป
มีเยอะครับ ประเภทไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่ชื่อไปพ้องกับคนทำผิด หรือโดนเจ้าหน้าที่ยัดข้อหา ฯลฯ
งานนี้ ได้เห็นอย่างน้อยสองอย่างครับ
หนึ่ง คือความสามารถในการบริหารจัดการของฝ่ายบ้านเมือง บริหารจัดการดีก็จบแบบเรียบร้อย ไม่ดีก็เละเลยเถิดโกบิ๊กโกฟาร์
สอง คือการใช้ศรัทธาเป็นเครื่องมือในทางที่ผิด จมอยู่ในความงมงายจนบดบังสติปัญญาและเหตุผล
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
หน้าตาดีไม่มีแฟนช่างแสนจน
แม่หน้ามนเมินหมางรักร้างลอย
จบ