ใครมีประสบการณ์ในแง่ลบกับวัดธรรมกายตรงๆ ไม่ผ่านสื่อหรือเขาเล่ามา มาเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

ติดตามข่าวสารของวัดธรรมกาย มาช่วงใหญ่ๆ แล้วครับ อ่านแล้วพยายามใช้สติปัญญาที่มีอยู่น้อยนิดกลั่นกรอง

ส่วนตัว ไม่เคยเข้าวัดธรรมกายเลยครับ(เคยแต่เฉียดๆ แล้วก็เปิดทีวีช่อง DMC ดูยูทูปบ้าง แต่ยอมรับเลยที่เขาพูดกันว่าเกณฑ์นักเรียนไปเข้าค่ายธรรมมะที่วัด ส่วนตัวไม่เคยเจอ และไม่เคยรับรู้เรื่องพวกนี้ ทั้งๆ ที่เรียนโรงเรียนประจำจังหวัด เลยไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ หรืออาจเป็นเพราะเราบุญไม่ถึงไม่ทราบครับ เลยไม่เคยกล้ำกลายได้เข้าไปในวัดนี้เลย)

แล้วก็ไม่ได้คิดว่าที่ไม่ได้เข้าวัด เพราะมันคือแง่ลบ ท่ามีโอกาสก็อยากลองไปสัมผัสด้วยตัวเองเช่นกัน ไม่ได้ฟังหูไว้หู หรือมีอคติอะไรนะครับ

แต่อาจจะไม่ถูกจริต เหมือนที่จขกท. พูด เนื่องจากรอบๆ ตัว มีคนที่เข้าวัดธรรมกาย แล้วศรัทธาจำนวนหนึ่ง และที่ไม่ศรัทธาจำนวนหนึ่ง เอาเป็นว่าเคยสังเกตพฤติกรรม รวมทั้งคุยปรึกษาธรรมมะกับทั้งที่ศรัทธาและไม่ศรัทธา แล้วก็เรื่องปกติในชีวิตประจำวัน

พบความแตกต่างดังนี้
1.เพื่อนๆ ที่ศรัทธาในวัดนี้อย่างสูง ทั้งที่เคยบวช และที่เคยไปปฏิบัติธรรมมีหลายคนเป็นเหมือนตัวแทนประชาสัมพันธ์วัด(มีเพื่อนสนิทผมด้วย) ส่วนใหญ่จะมีลักษณะ ความเชื่อ หรือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป หลังจากกลับมาจากวัดธรรมกายครับ(แต่ผมก็งงนะครับ เคยศึกษาและได้ยินมาว่าทางวัดธรรมกายจะมีการนั่งสมาธิเพ่งลูกแก้ว แต่เพื่อนๆ ผมส่วนใหญ่ไม่ค่อยเพ่งนะ หนักไปทางทำบุญมากกว่า กับชักชวนให้ฟังธรรมมะ และทำบุญกับของทางวัด หรือไปนั่งสมาธิวัดธรรมกาย) แล้วก็มีปัญหาว่า ส่วนตัวเป็นคนบาปหนาครับ เพื่อนผมที่บอกส่วนใหญ่เป็นคนดี มันก็จะหงุดหงิดที่ผมไม่ยอมเชื่อฟัง ทำบุญตามมัน อีกอย่างผมเห็นเพื่อนทำบุญ แล้วย้อนกลับมามองตัวเองแล้วรู้สึกว่า ถ้าเราทำแบบเพื่อน ผมไม่สุขครับ มันจะเพิ่มทุกข์ให้ผมซะมากกว่า เพราะผมยังละกิเลสได้ไม่มากด้วย(เพื่อนผมยอมกินข้าวแกง มาม่า อาหารคุณภาพแย่ ใช้ชีวิตประหยัดมาก ไม่ไปเที่ยวไหนเลย ทะเลภูเขาต่างประเทศ บางคนยอมเหนื่อยนั่งรถเมล์ฟรี บางคนเงินเดือนเยอะมาก แต่ซื้อรถมอเตอร์ไซต์ขี่ไปทำงาน เพื่อที่จะมีเงินไปทำบุญ ใส่บาตร ผมไม่ได้ว่ามันผิดนะ มันทำแบบนี้แล้วมันอาจจะสุข สามารถละทางโลกได้เร็วขึ้น แค่ท่ามองในทางกลับกันท่าเป็นผมผมคงทำไม่ได้และคงทุกข์มากกว่าสุข) ที่หนักที่สุดคือเจอเพื่อนบางคนทำบุญหนักมาก แล้วก็หวังผลบุญกลับมาในเร็ววันคิดว่าตัวเองจะรวยในเร็ววัน จะถูกหวย จะชิงโชคได้รางวัล(ผมเลยคิดว่ามันขัดแย้งกันกับที่ผมเชื่อว่า ทำบุญส่วนใหญ่มักไม่หวังอะไรนอกจากบุญ ยิ่งโตมายิ่งคิดว่า ความจริงทำบุญ ไม่หวังอะไรเลยยิ่งดีเอาให้ผู้อื่น เจ้ากรรมนายเวรซะ ) เอาเป็นว่าคร่าวๆ นะครับ พอหอมปากหอมคอ ทุกคนก็มีทั้ง ความไม่ดีและความดีในตัว ผมว่าบางครั้งอาจไม่ใช่คำสอนของวัดนี้โดยตรง หรือเพื่อนผมบางคนอาจฟังคำสอนมาไม่ถูกต้อง หรือจริงๆแล้ว เพื่อนผมอาจยังไม่สามารถละกิเลส ละความโลภของตัวเองได้หมด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก สรุปคือส่วนใหญ่คนรู้จัที่ศรัทธาวัดนี้จะมีทัศนคติที่ไม่เหมือนผมซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรอกครับ สิ่งที่เขาเชื่อหรือศรัทธาอาจเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดก็เป็นได้ แค่ขอให้เขาเป็นคนดีก็พอ เราไม่สามารถตัดสินได้หรอกว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ท่าไม่ได้รู้แจ้งเห็นจริง

2.คนที่ไม่ศรัทธา ก็จะช่างติ มีอะไรแย่ก็ติเขาไปเสียหมด ผมก็ไม่เชื่อเสียทีเดียวครับ เพราะการกล่าวหาอะไรต้องอยู่ในพื้นฐานของความจริง แล้วเราก็ยังไม่เคยไปสัมผัสถึงที่วัดด้วยตัวเอง คนมีอคติยังไงก็ลบ เสมอละครับ พอฟังเยอะเข้าจะรู้สึกประหนึ่งโดนสะกดจิต ทำให้คิดว่าไม่มีอะไรดีเลยวัดธรรมกาย แต่หารู้ไหมว่า เขาดีเขาไม่ดีก็ช่างเขาเถิด การที่จะไปติเขา ก็ยิ่งสร้างบาป สร้างกรรมให้ตัวเอง อย่างน้อยก็แค่รู้ตัวเองให้ได้ก่อน ว่าตัวเองดีหรือยัง ทำดีแค่ไหน ก็พอ อย่าพึ่งไปกล่าวหาเขาเลยท่ายังไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริง ไม่งั้นแล้วจะบาปเอาครับ แต่ท่ามั่นใจก็ว่าไปตามนั้น ต้องยอมรับในการกระทำของตัวเอง สุดท้ายแล้วผมเชื่อเรื่องผลของกรรมครับ ไม่ว่าจะยังไง สุดท้ายก็หนีผลของกรรมไม่พ้น


ไม่ได้กล่าวหา เข้าข้างหรืออ้างอิงอะไร เอาเป็นว่าผมก็ยังไม่สามารถละเลิกกิเลสได้ เลยรู้สึกว่ายังลุ่มหลงมัวเมาอยู่กับกิเลสค่อนข้างมาก
แล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตนที่เราชอบหรือต้องการครับ(บุญเราอาจไม่ถึง ทำให้ไม่สามารถเข้าใจคำสอนของวัดนี้ได้)

ความจริงชอบหลายๆ สิ่งที่วัดนี้สร้าง และทำมานะครับ หลายๆ คำสอน หลายๆ เทคนิควิธีที่ทำให้คนเป็นคนดี ห่างไกลจากความชั่ว สอนหลักธรรมมะ(ที่ผมเข้าใจบ้าง ไม่ค่อยเข้าใจบ้าง) เคยเห็นคนที่เคยหลงผิด หลงอบายมุข ทำชั่ว ทำเลว แล้วเขากลับตัวกลับใจเปลี่ยนไปก็มีเยอะครับ

ผมศรัทธาว่าที่วัดธรรมกายนี้อาจมีสิ่งดีๆ อะไรอีกมากมาย ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคนมาศรัทธาเยอะแยะมากมายขนาดนี้ครับ อีกอย่างก็ทำให้ศาสนาพุทธยืนยาวต่อไปได้ แม้คำสอน หรือหนทาง หรือแก่นของเนื้อหา อาจไม่ตรงกันบ้าง(ซึ่งผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตรงกันไหมได้แต่ฟังคนเขาพูดทั้งทางธรรมกายเอง ทั้งคนที่ต่อต้าน) เอาเป็นว่าไม่ฟันธงดีกว่าครับ แค่รู้สึกว่าไม่ถูกจริตกับเราไม่ใช่แปลว่าเขาจะผิดเสมอไปครับ คนที่เขาวัดนี้บางคนก็ไม่ได้เอาคำสอนของวัดนี้มาใช้ได้ถูกต้องทั้งหมด มันก็มีการผิดเพี้ยนกันได้ ถือเป็นเรื่องปกติครับ

เอาเป็นว่าเชื่อในทางสายกลางดีกว่าครับ ทำอะไรให้พอดี ดีพอ และเพียงพอ อะไรที่เราทำแล้วสุขก็ทำครับ อะไรที่ทำแล้วทุกข์ก็ทำได้ แต่ต้องระลึกอยู่เสมอ มีสติอยู่ตลอด แม้จะปฏิบัติยาก และยังไม่สามารถปฏิบัติได้ดีเท่าที่ควร บุญสะสมได้ครับ แต่ต้อง คิด วิเคราะห์ แยกแยะด้วยตัวเองต่อไปเองครับ