เรามีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการย้ายค่ายมือถือมาเล่าให้ฟัง
เมื่อเดือนที่แล้วเราซื้อมือถือใหม่ แล้วอยากเปลี่ยนแพคเกจ 4G ให้ใช้ได้มากขึ้น
เมื่อไปที่ช้อปค่ายเดิม (ค่าย1) ศึกษาแพคเกจและแจ้งเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่ โดยเรายอมจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อให้ได้ 4G มากขึ้น
แต่ปรากฎว่า ราคาที่เราจะจ่ายได้รับ 4G เพียง 2 GB ในขณะที่ลูกค้าใหม่ หรือเปิดเบอร์ใหม่ จะได้รับ 6 GB
เราจึงเดินไปช้อปของอีกค่าย (ค่าย2) ถามหาแพคเกจย้ายค่าย ซึ่งดีมากเลยค่ะ คือ ราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง แต่ได้ 4G รวม 16 GB ต่อเดือน
เราเลยเดินกลับมาที่ค่ายเดิม (ค่าย1) แล้วแจ้งขอชำระค่าบริการเพื่อย้ายค่ายตอนนี้แหละที่พนักงานจะเกลี่ยกล่อมเรา ขอทราบปัญหา และถามความต้องการของเรา และพูดอะไรต่างๆนาๆ อีกมากเพื่อให้เราเปลี่ยนใจ รวมทั้งเสนอแพคเกจ (ที่เราสนใจที่แรก) ให้เราได้รับ 6 GB เหมือนกับลูกค้าใหม่ หรือเปิดเบอร์ใหม่ แต่เราก็ปฏิเสธ...สุดท้ายเราก็ทำเรื่องย้ายค่ายในที่สุด
จากนั้นเราก็ชวนน้องสาวให้ไปขอเปลี่ยนแพคเกจกับค่าย (ค่าย3) ที่น้องใช้อยู่ เพราะน้องเราจ่ายเดือนละ 7xx บาท สำหรับ 1.5 GB
ในครั้งแรก เราก็ไปศึกษาแพคเกจ และพบว่าราคาที่น้องเราจ่าย ตอนนี้สามารถปรับแพคเกจได้ถึง 20 GB
แต่พนักงานแจ้งว่า เราสามารถเปลี่ยนแพคเกจได้ก่อนวันตัดรอบบัญชี (วันที่ 11 ของทุกเดือน) คือ ภายในวันที่ 9 และ 10 แต่ในวันนั้นตรงกับวันที่ 12
เราก็เลยถามว่า "ทำไมจึงเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าเป็นค่ายอื่นเค้าเปลี่ยนให้ทันที แล้วก็คิดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเอา"
พนักงานตอบ "สำหรับทางบริษัทเรา ถ้าลูกค้าเปลี่ยนตอนนี้เท่ากับว่าต้องจ่ายค่าบริการทั้ง 2 แพคเกจ"
อันนี้ก็งงเลย นโยบายมีแบบนี้ด้วย
จากนั้นน้องเราก็รอเวลาสักพัก และคิดเปรียบเทียบแพคเกจกับราคาของค่าย2 (ค่ายที่เราย้ายเข้ามาก่อน) ปรากฏว่า มีแพคเกจที่จ่ายถูกกว่า 200 กว่าบาท แต่ได้ 4G จำนวน 30 GB น้องเราจึงตัดสินใจย้ายค่าย (ค่าย2) ตามกันมา
โดยน้องเราไปจ่ายค่าใช้จ่ายก่อนการย้ายค่ายจำนวน 1 เดือนราคา 7xx บาท แต่พนักงานขอให้น้องเราจ่าย 1,000 บาท โดยส่วนต่างเผื่อสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในรอบบิลถัดไป เราถามว่า "ทำไมต้องจ่าย 1,000 บาท แล้วถ้าส่วนต่างที่เหลือไม่ถึงยอดที่ชำระจะทำยังไง ขอจ่ายเท่าที่ยอดแจ้งก็พอ ค่าใช้จ่ายที่เหลือจะชำระให้เมื่อใบเรียกเก็บเงินส่งมาแล้ว" แต่พนักงานยังพยายอธิบายและตื้ออยู่นานให้จ่าย 1,000 บาท
หลังจากทำเรื่องย้ายค่าย ค่าย3 (ค่ายเดิมของน้องเรา) โทรมาถึงสองครั้ง เพื่อสอบถาม เกลี้ยกล่อม เสนอแพคเกจ เรียกว่าเสนอแพคเกจเดียวกับค่ายใหม่ (ค่าย2) เลยทีเดียว
การย้ายค่ายมือถือ ไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจกันเพียงระยะสั้นๆ "เมื่อใจมันไปแล้ว ให้ง้อให้ตื้อแค่ไหน ก็ไม่ขอคืนดี"
เราไม่เข้าใจว่าทำไม
1. ทำไมค่ายมือถือจึงไม่ปรับ หรือ เสนอแพคเกจให้กับลูกค้าเก่า เราต้องตามเอาเอง ขอเปลี่ยนเอง ไม่งั้นก็ต้องจ่ายแพงกับบริการเดิมๆ (พ่อเราต้องจ่ายเดือนละเกือบ 2,000 มาหลายปี เพราะพ่อเป็นลูกค้ารุ่นแรกๆ กว่าจะรู้เรื่องเปลี่ยนแพคเกจ ค่าย3ได้ตังค์พ่อเราไปหลายบาทเพื่อแลกกับบริการแย่ๆ) เราคิดว่านี่คือช่องว่างหาเงินกับลูกค้าผู้ใหญ่ หรือลูกค้าที่ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยนี้
2. ทำไมค่ายมือถือจึงไม่มีนโยบายรักษาลูกค้าเก่า ให้พนักงานในช้อปได้พูดคุยกับลูกค้าก่อนเปลี่ยนใจย้ายค่าย ถึงแม้จะมีการส่งข้อความทางมือถือ หรือโทรมาเกลี้ยกล่อมและเสนอแพคเกจต่างๆนาๆ มันก็ไม่สามารถซื้อใจลูกค้ากลับมาได้แล้ว
เพราะนี่คือความไม่จริงใจขององค์กรที่มีต่อ "ลูกค้า" ที่ซื่อสัตย์อย่างเราๆ
ป.ล. การที่เราไม่เขียนชื่อค่ายมือถือ เพื่อไม่ให้เป็นการหมิ่น หรือช่วยโฆษณาให้กับค่ายใดๆ
ขอบคุณที่อ่านนะคะ
รู้ทันค่ายมือถือ ไม่ตกเป็นเหยื่อจ่ายแพงกับแพคเกจเดิม
เมื่อเดือนที่แล้วเราซื้อมือถือใหม่ แล้วอยากเปลี่ยนแพคเกจ 4G ให้ใช้ได้มากขึ้น
เมื่อไปที่ช้อปค่ายเดิม (ค่าย1) ศึกษาแพคเกจและแจ้งเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่ โดยเรายอมจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อให้ได้ 4G มากขึ้น
แต่ปรากฎว่า ราคาที่เราจะจ่ายได้รับ 4G เพียง 2 GB ในขณะที่ลูกค้าใหม่ หรือเปิดเบอร์ใหม่ จะได้รับ 6 GB
เราจึงเดินไปช้อปของอีกค่าย (ค่าย2) ถามหาแพคเกจย้ายค่าย ซึ่งดีมากเลยค่ะ คือ ราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง แต่ได้ 4G รวม 16 GB ต่อเดือน
เราเลยเดินกลับมาที่ค่ายเดิม (ค่าย1) แล้วแจ้งขอชำระค่าบริการเพื่อย้ายค่ายตอนนี้แหละที่พนักงานจะเกลี่ยกล่อมเรา ขอทราบปัญหา และถามความต้องการของเรา และพูดอะไรต่างๆนาๆ อีกมากเพื่อให้เราเปลี่ยนใจ รวมทั้งเสนอแพคเกจ (ที่เราสนใจที่แรก) ให้เราได้รับ 6 GB เหมือนกับลูกค้าใหม่ หรือเปิดเบอร์ใหม่ แต่เราก็ปฏิเสธ...สุดท้ายเราก็ทำเรื่องย้ายค่ายในที่สุด
จากนั้นเราก็ชวนน้องสาวให้ไปขอเปลี่ยนแพคเกจกับค่าย (ค่าย3) ที่น้องใช้อยู่ เพราะน้องเราจ่ายเดือนละ 7xx บาท สำหรับ 1.5 GB
ในครั้งแรก เราก็ไปศึกษาแพคเกจ และพบว่าราคาที่น้องเราจ่าย ตอนนี้สามารถปรับแพคเกจได้ถึง 20 GB
แต่พนักงานแจ้งว่า เราสามารถเปลี่ยนแพคเกจได้ก่อนวันตัดรอบบัญชี (วันที่ 11 ของทุกเดือน) คือ ภายในวันที่ 9 และ 10 แต่ในวันนั้นตรงกับวันที่ 12
เราก็เลยถามว่า "ทำไมจึงเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าเป็นค่ายอื่นเค้าเปลี่ยนให้ทันที แล้วก็คิดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเอา"
พนักงานตอบ "สำหรับทางบริษัทเรา ถ้าลูกค้าเปลี่ยนตอนนี้เท่ากับว่าต้องจ่ายค่าบริการทั้ง 2 แพคเกจ"
อันนี้ก็งงเลย นโยบายมีแบบนี้ด้วย
จากนั้นน้องเราก็รอเวลาสักพัก และคิดเปรียบเทียบแพคเกจกับราคาของค่าย2 (ค่ายที่เราย้ายเข้ามาก่อน) ปรากฏว่า มีแพคเกจที่จ่ายถูกกว่า 200 กว่าบาท แต่ได้ 4G จำนวน 30 GB น้องเราจึงตัดสินใจย้ายค่าย (ค่าย2) ตามกันมา
โดยน้องเราไปจ่ายค่าใช้จ่ายก่อนการย้ายค่ายจำนวน 1 เดือนราคา 7xx บาท แต่พนักงานขอให้น้องเราจ่าย 1,000 บาท โดยส่วนต่างเผื่อสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในรอบบิลถัดไป เราถามว่า "ทำไมต้องจ่าย 1,000 บาท แล้วถ้าส่วนต่างที่เหลือไม่ถึงยอดที่ชำระจะทำยังไง ขอจ่ายเท่าที่ยอดแจ้งก็พอ ค่าใช้จ่ายที่เหลือจะชำระให้เมื่อใบเรียกเก็บเงินส่งมาแล้ว" แต่พนักงานยังพยายอธิบายและตื้ออยู่นานให้จ่าย 1,000 บาท
หลังจากทำเรื่องย้ายค่าย ค่าย3 (ค่ายเดิมของน้องเรา) โทรมาถึงสองครั้ง เพื่อสอบถาม เกลี้ยกล่อม เสนอแพคเกจ เรียกว่าเสนอแพคเกจเดียวกับค่ายใหม่ (ค่าย2) เลยทีเดียว
การย้ายค่ายมือถือ ไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจกันเพียงระยะสั้นๆ "เมื่อใจมันไปแล้ว ให้ง้อให้ตื้อแค่ไหน ก็ไม่ขอคืนดี"
เราไม่เข้าใจว่าทำไม
1. ทำไมค่ายมือถือจึงไม่ปรับ หรือ เสนอแพคเกจให้กับลูกค้าเก่า เราต้องตามเอาเอง ขอเปลี่ยนเอง ไม่งั้นก็ต้องจ่ายแพงกับบริการเดิมๆ (พ่อเราต้องจ่ายเดือนละเกือบ 2,000 มาหลายปี เพราะพ่อเป็นลูกค้ารุ่นแรกๆ กว่าจะรู้เรื่องเปลี่ยนแพคเกจ ค่าย3ได้ตังค์พ่อเราไปหลายบาทเพื่อแลกกับบริการแย่ๆ) เราคิดว่านี่คือช่องว่างหาเงินกับลูกค้าผู้ใหญ่ หรือลูกค้าที่ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยนี้
2. ทำไมค่ายมือถือจึงไม่มีนโยบายรักษาลูกค้าเก่า ให้พนักงานในช้อปได้พูดคุยกับลูกค้าก่อนเปลี่ยนใจย้ายค่าย ถึงแม้จะมีการส่งข้อความทางมือถือ หรือโทรมาเกลี้ยกล่อมและเสนอแพคเกจต่างๆนาๆ มันก็ไม่สามารถซื้อใจลูกค้ากลับมาได้แล้ว
เพราะนี่คือความไม่จริงใจขององค์กรที่มีต่อ "ลูกค้า" ที่ซื่อสัตย์อย่างเราๆ
ป.ล. การที่เราไม่เขียนชื่อค่ายมือถือ เพื่อไม่ให้เป็นการหมิ่น หรือช่วยโฆษณาให้กับค่ายใดๆ
ขอบคุณที่อ่านนะคะ