[CR] แม่บ้านอิตาลีอาสาพาเที่ยว ล่องบอลลูน พิชิตหุบเขาปล่องไฟ หลับใหลในบูทีคสุดโรแมนติกที่คัปปาโดเกีย

เราเป็นแม่บ้านอยู่ที่อิตาลี มีโอกาสไปเที่ยวที่แปลกใหม่อยู่บ่อยๆ เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์สนุกๆค่ะ



คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ในประเทศตุรกี บริเวณภูมิภาคตอนกลาง การเดินทางมาเที่ยวในครั้งนี้ เรา (ดิฉันและสามี) เดินทางจากอิสตันบูลมาลงที่สนามบินไคเซรี (Kayseri) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 75 นาที และจากเมืองไคเซรี ขับรถต่อมาอีกประมาณชั่วโมงครึ่งก็จะมาถึงบริเวณอุทยานแห่งชาติโกเรเม่ แนะนำนะคะว่าหากใครไม่ได้มากับทัวร์ อยากให้เช่ารถขับค่ะ เพราะการหารถสาธารณะเป็นไปค่อนข้างยาก แถมบริเวณนี้มีแต่หินกับฝุ่น แดดยังแรงมากอีกด้วย



ส่วนที่พักในคืนแรกนั้น เราเลือกพักในเมืองอย่างอุชิซา (Uchisar) เพราะนอกจากจะไม่พลุกพล่านเหมือนเมืองยอดนิยมอย่างโกเรเม่ (Goreme) ที่มักจะมีกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ๆไปพัก อย่างทัวร์จากจีน อย่างว่า ยุคนี้ยุคทัวร์จีนครองเมือง! โรงแรมที่เราเลือกพักยังอยู่ใกล้กับปราสาท Uchisar Castle อีกด้วย แม้ว่าพอตอนไปถึงจะแอบงงเล็กน้อย ด้วยเพราะทางเข้าเป็นทางแคบๆ ดูทีแรกแอบคิดว่ามีแต่บ้านคนอาศัย ต้องจอดรถแล้วลากกระเป๋าเดินลงไปถึงจะเจอป้ายบอกทาง




'Rox Cappadocia' คือโรงแรมบูทีคขนาดกะทัดรัดที่เราพักค่ะ มีแค่ 5 ห้อง การันตีความเลิศด้วยรางวัล World Hotel Award ปี 2015 สาขา Best luxury rooftop view hotel (โรงแรมที่มีวิวจากดาดฟ้าที่สวยที่สุดในทวีป) มาหมาดๆ แหม่! แค่เกริ่นขึ้นมาก็ไม่ธรรมดาซะแล้ว แถมวันนี้ตอนไปถึงที่พัก เจ้าของโรงแรมยังบอกอีกค่ะว่าเขากำลังจะต้องไปรับรางวัลนี้ที่ฮ่องกง ช่วยแนะนำร้านติ่มซำอร่อยๆให้หน่อย (ฮ่าๆ)

หลังจากพูดคุยกันสักพัก เราเลยเดินออกสำรวจตัวโรงแรมเล็กน้อยค่ะ ด้วยความที่ตั้งอยู่บนหน้าผา พอเดินเข้าโรงแรม ด่านแรกที่เจอคือส่วนของระเบียงดาดฟ้า (ตายตั้งแต่ด่านแรกเลยค่ะ) เพราะสวยมาก ระเบียงถูกตกแต่งด้วยโต๊ะเก้าอี้ดีไซน์เก๋ สีสด ตัดกับวิวหุบเขาหินสีขาวที่ทอดยาวอยู่ตรงหน้าได้อย่างลงตัว เลยเพลิดเพลินไปกับการชมวิวและวิ่งถ่ายรูปมุมโน้นมุมนี้อยู่นาน รู้ตัวอีกที พนักงานก็ยกกระเป๋าลงไปเก็บให้ที่ห้องเรียบร้อยแล้ว







ในคืนแรกนั้น เราตกลงปลงใจมานอนที่ Premier Cave Suite หรือเรียกในความหมายไทยๆว่า 'ห้องถ้ำ' เพราะถือเป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวส่วนมากพัก ใครมานอนที่นี่ก็มักไม่พลาดที่จะลอง เพราะความเป็นอยู่ดั้งเดิมของชนพื้นเมืองคัปปาโดเกียนั้นอาศัยอยู่กันในบ้านถ้ำค่ะ (ไหนๆก็มาถึงถิ่นของมนุษย์ถ้ำแล้ว ก็ต้องขอลองนอนดูสักคืน!) โดยห้องของเราจะอยู่ชั้นล่างสุด (โรงแรมมี 3 ชั้น)  เป็นห้องแบบไม่มีหน้าต่าง แถมเพดานยังเตี้ยมาก เดินเข้าไปค่อนข้างมืด รู้สึกเย็นๆที่พื้นและมีกลิ่นดินแตะจมูกขึ้นมาอย่างชัดเจน คุณพระ! นี่มันคือบ้านดินเวอร์ชั่นสถาปนิกลืมใส่หน้าต่างชัดๆ! แอบรู้สึกหายใจไม่สะดวกเล็กน้อย เลยตัดสินใจแง้มประตูเปิดไว้ทั้งคืน ด้วยความมั่นใจลึกๆในความปลอดภัยของที่นี่ โดยวัดจากตลอดระยะเวลาที่ขับรถมาบ้านของชาวเมืองที่นี่นั้นจะไม่มีรั้ว (ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันไหม ฮ่าๆ) พยายามคิดบวกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่งในการนอนพัก แต่ในใจคิดว่าขอให้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็พอที่จะมานอน  (ฮ่าๆ)







Sunrise on Hot air balloon ขึ้นบอลลูน ล่องลม ชมพระอาทิตย์

สำหรับภารกิจแรกในวันนี้เกิดขึ้นตอนเวลาตีห้ากว่าๆ รถจากบริษัทที่จองทัวร์บอลลูนแวะมารับเราจากโรงแรมเพื่อไปที่ตึกหนึ่งในเมืองโกเรเม่ เพื่อรับประทานอาหารเช้า พอเข้าไปในห้องที่เขาจัดไว้ให้ ก็พบว่าเต็มไปด้วยคณะทัวร์ชาวจีนที่กำลังตักอาหาร และนั่งทานบุฟเฟ่ต์กันอยู่อย่างคึกคัก โต๊ะถูกจองเต็มหมดแล้ว ดิฉันกับสามีเลยหยิบน้ำส้มกันคนละแก้วพร้อมกับขนมปังคนละชิ้น เข้าไปนั่งในห้องกระจกเล็กๆที่ดูเหมือนเป็นออฟฟิศ ภายในนั้นมีคนจีนอยู่แล้วสองคน คนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ ดูเหมือนว่าทั้งคู่กำลังพยายามต่อรองกับเจ้าหน้าที่คนตุรกีเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่ เท่าที่จับใจความได้คือ มีเพื่อนคนหนึ่งแจ้งยกเลิกล่วงหน้าไปแล้ว 2 วัน และอีกคนเปลี่ยนใจกะทันหันเนื่องจากกลัวความสูง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็คงไม่ยอมคืนเงิน เลยเกิดการเถียงกันอยู่สักพัก คนจีนจากด้านนอกเริ่มทยอยเข้ามาสมทบจากสองคนเป็นสาม

"เสิ่นเมออ่า? ปู๋ห้วยอา...บลาๆ"

ประโยคแบบนี้คือการถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ชาวจีนคนที่สี่ ห้า... และหก จะเดินตามเข้ามา ทำเอาห้องดูแน่นไปถนัดตา ทีมชาวจีนช่วยกันส่งเสียงซาวด์แทรคแบบเซอร์ราวด์อย่างไม่ลดละจนเจ้าหน้าที่เริ่มลนลาน หาช่องไฟเถียงไม่ทัน ในขณะนั้น เราทานขนมปังไปก็ลุ้นไปอยู่เงียบๆ และอีกเพียงไม่เกินอึดใจ ทีมจีนมุงก็เป็นผู้กุมชัยชนะอย่างสวยงาม ได้เงินรีฟันคืนไปตามระเบียบ โดยเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 'ทีมเวิร์คที่ดีจะพาเราไปสู่ชัยชนะ!' ก่อนที่สามีจะหันมาบอกว่า

"เธอนี่เลือกที่นั่งได้ดีจริงๆ ในนี้สนุกกว่าข้างนอกเยอะเลย"



หลังจากนั้นไม่นาน ไกด์ก็มาประกาศรายชื่อเป็นกลุ่มๆเพื่อไปขึ้นรถตู้ที่เตรียมไว้ คันของเราคือรวมมิตรสารพัดชาติ นอกนั้นคันอื่นเป็นคนจีนล้วนๆ (รอดละงานนี้!) ก่อนที่กัปตันจะเข้ามานั่งและแนะนำตัว คนนี้ดูท่าทางเป็นหัวหน้าใหญ่ เพราะดูภูมิฐาน แต่ก็แฝงด้วยอารมณ์ขัน พอรถขับไปถึงจุดที่ต้องขึ้นบอลลูน ตอนนั้นฟ้ายังมืดอยู่ อาศัยไฟจากที่อัดแก๊สทำให้พอมองเห็นวิวรอบๆ ซึ่งทำให้ตื่นเต้นมาก เรายืนจ้องบอลลูนขนาดมหึมาที่กำลังถูกอัดแก๊สค่อยๆพองลมขึ้นแบบตาไม่กระพริบ หลายลูกเริ่มลอยขึ้นไป ลอยขึ้นไป... และในที่สุดก็ถึงตาเรา

ทุกคนทยอยปีนขึ้นไปในตะกร้าจนครบ 16 คน ซึ่งบอลลูนลูกหนึ่งสามารถจุคนได้ 18 คน (เผื่อไว้ให้กัปตันกับลูกเรืออีก 2 คน) ซึ่งถือว่าเป็นบอลลูนมีขนาดใหญ่มหึมาจริงๆ



และแล้ว... บอลลูนก็ยกตัวเราขึ้นจากพื้น ลอยขึ้นทีละนิด ทีละนิด สเปะสปะเล็กน้อยตอนออกสตาร์ท แต่พอเริ่มเข้าที่ กัปตันก็เร่งความเร็วให้ลอยขึ้นสูง จังหวะนั้นเริ่มรู้สึกหวิวๆ ไม่ได้กลัวนะ แต่ก็ไม่กล้ายื่นอวัยวะใดๆออกไปนอกตะกร้าเหมือนกัน มือหนึ่งเกาะขอบตะกร้าไว้แน่น ส่วนอีกข้างจับกล้องพร้อมถ่ายรูป (ฮ่าๆ) จนเมื่อบอลลูนแตะที่ระดับความสูง 1,000 เมตร กัปตันก็หยุดคันเร่ง ในตอนนั้นค่ะ ที่เริ่มกล้ากวาดตามองไปรอบๆ Oh My God! มันสวยมากกกกกกกกกก นี่เรากำลังลอยอยู่ท่ามกลางบอลลูนนับร้อย!!!!
ชื่อสินค้า:   คัปปาโดเกีย (Cappadocia)
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่