[CR] จากจุดสูงสุด 3,726m สู่ท้องทะเล Rinjani Mt. - Gili Island

…..ปลายปีที่แล้ว ภาพๆ หนึ่งได้ผ่านเข้ามาในสายตา กระทบกระจกตาส่งข้อมูลไปที่สมองจนต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ หัวใจก็รับรู้ได้ในเวลาเดียวกันส่งแรงสั่นสะเทือนเบาๆ ไปทุกอณูของร่างกาย ค่อยๆหลับตาเอนกายลงบนที่นอน ปล่อยจิตวิญญาณเข้าไปอยู่ในภวังค์ วังวนความงามเหล่านั้น.......ไม่นานนักเสียงเรียกร้องจากภายในก็กระหึ่มขึ้นทันที "ไปเว้ยเพื่อน!! เรามีปาร์ตี้"



ประสบการณ์ใหม่ๆ หลากหลายอารมณ์เกิดขึ้นในทริปนี้ แต่สิ่งที่ได้รับมา มีค่าเกินคำบรรยายจริงๆ


เริ่มกันเลย!!


วางแผนกันแบบไม่รัดกุมมากนัก เนื่องจากเวลาของสายการบินที่เราจองกับราคาที่ถูกลงจากปกติมาหน่อยทำให้มีเวลาทริปนี้ 6 วัน 5 คืน
อธิบายคร่าวๆ ตามนี้
วันที่ 12 พ.ค. 59 : ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง มุ่งสู่ สนามบินที่บาหลี ต่อเครื่องภายในประเทศไปลงที่เกาะลอมบอกแล้วเดินทางต่อไปที่พักในหมู่บ้านบริเวณภูเขาไฟ
วันที่ 13-15 พ.ค. 59 : Trekking 3D2N พิชิตจุดสูงสุด 3,726 เมตรจากระดับน้ำทะเล จากนั้นเดินทางต่อ ไปที่เกาะกิลี
วันที่ 16 พ.ค. 59 : Snorkling 3 เกาะ ตามล่าเต่าทะเล นั่งเรือกลับมาที่บาหลี
วันที่ 17 พ.ค. 59 : เดินทางกลับประเทศไทย


Agency
เราได้เลือกจองกับ RUDY TREKKER เหตุผลที่เลือกเจ้านี้ เพราะเค้ามีเรือส่วนตัวไปส่งเราที่เกาะกิลีได้เลยและเราก้ขี้เกียจจะเปรียบเทียบหลายเจ้า เพราะถูกชะตากับเจ้านี้ด้วยแหละ จริงๆแล้วที่นี่ยังมีเอเจนซี่เยอะมากกว่า 40 แห่งให้เลือกนะ ลองหาดู ส่วนราคาก็อยู่ที่ คนละ 275 usd จะได้ไกด์ 1 คนละก็ลูกหาบประกบคู่ต่อคน ซึ่งเราไปกัน 4 คนก็เลยมีลูกหาบ 4 คน และเนื่องจากทราบมาอยู่บ้างแล้ว ว่าที่นี่ค่อนข้างโหด พวกเราเลยตัดสินใจจ้างลูกหาบเพิ่มอีก 1 คนเพื่อแบกสัมภาระของเรา ในราคา 20 usd ต่อวัน นอกจากนี้ธรรมเนียมของที่นี่คือการให้ทิป ไกด์และลูกหาบ มีขั้นต่ำอยู่ที่ ไกด์ 15 usd ลูกหาบ 10 usd ต่อทริปนึง เชื่อเถอะครับ ว่าให้เค้าไปเถอะ เค้าแบกของทุกอย่างให้เรากินอยู่อย่างสบายในสถานที่ลำบากแบบนั้น ถือว่าคุ้มมากๆ

ได้ประกาศนียบัตรมาด้วย


Booking flight
เราเลือกเดินทางสายการบินระหว่างประเทศ
BKK -> DPS  [ Air Asia ] 06.15 - 11.30
DPS -> BKK [ Air Asia ] 12.00 - 15.15
และภายในประเทศ
DPS -> LOP [ Wings Air ] 15.00 - 15.30 แต่มีเหตุทำให้ต้องซื้อตั่วใหม่อีกใบเพราะตกเครื่อง เดี๋ยวไว้เล่าเพิ่มเติมอีกที
DPS -> LOP [ Lion  Air ] 16.10 - 16.40 เครื่องบินภายในประเทศต้องระวังไว้หน่อย เพราะดีเลย์ที่นี่เป็นเรื่องปกติมากกกกกกก

โรงแรมที่พัก
ค่อนข้างหาได้ง่าย เพราะมีที่พักเยอะมาก อาจจะจองไปก่อนก็ได้ แต่พวกเราขอไปหาเอาดาบหน้า เพื่อเพิ่มความตื่นเต้น
คืนแรก เราพักของเอเจนซี่ที่หมู่บ้าน Senaru
คืนที่สองสาม เรานอนเต๊นท์บนเขา
คืนที่สี่ Coconut dream บนเกาะ Gili Trawangan
คืนที่ห้า Solaris guta hotel ที่เมืองกูต้า บาหลี

การเตรียมตัวก่อนเดินทางและสิ่งที่จำเป็น
1) เป้ 2 ใบ ใบเล็กอันนึงไว้ใส่น้ำกับกล้องตอนเดินขึ้นยอดเขา
2) รองเท้าเดินป่า เอาแบบยึดเกาะดีๆ นะ
3) ไกเตอร์ เอาไว้กันหินทรายเข้ารองเท้าตอนเดินขึ้นยอดเขา
4) รองเท้าแตะ
5) เสื้อผ้า แขนยาวหรือฮีทเทคติดมาสักตัวสองตัว ตอนเดินเหงื่อออกร้อนนิดๆ แต่กลางคืนหนาวมาก
6) เสื้อหนาวกันลม ทางเดินขึ้นลมแรงมากกกกกและหนาวสุดๆ
7) เสื้อกันฝน ติดมาเผื่อไว้
8) หมวกกันหนาว หมวกกันแดด กลางวันแดดออก กลางคืนหนาวจับใจ
9) ผ้าบัฟ ป้องกันฝุ่นได้เยอะ
10) แว่นตาดำ กันฝุ่นเข้าตา กันแดด
11) ถุงมือ ถุงเท้า เอาแบบถุงเท้าฟุตบอลมาไว้กันหนาวก็ดีนะ
12) ไฟฉายคาดหัว เลือกแบบ 80 ลูเมนขึ้นไปนะ เอาแบบที่ใช้ได้นานกว่า 4 ชม.
13) ทิชชู่เปียก ไว้ชำระล้างร่างกาย
14) ครีมกันแดด จัดเต็มมาได้เลย ไม่งั้นพัง
15) ยาสามัญ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด ยานวดหรือสเปรย์ฉีดเลยยิ่งดี
16) น้ำพริก เอาไว้ช่วยชีวิตเวลาอาหารมันไม่ถูกปาก
17) กล้อง สามารถเห็นทางช้างเผือกได้ด้วยตาเปล่าเลยย
18) Power bank สนามบินเค้าให้พกได้ไม่เกิน 30,000 mAH สองอัน
19) ปลั๊กต่อแบบกลม ของที่นี่เค้าไม่เหมือนบ้านเรา
20) แป้งโยคี ประโยชน์หลายอย่างเลยตัวนี้
21) Trekking pole ไม้เท้าพยุง สำคัญมาก เชื่อเถอะ ดีที่เอเจนซี่เราเตรียมไว้ให้เลยรอดตาย
22) Passport และเงิน
23) เตรียมร่างกายและหัวใจให้พร้อม

ปล. ครั้งแรกกับการรีวิว ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ตรงนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะอยากรีวิว ทั้งที่ไปเที่ยวมาหลายที่ แต่ที่นี่ที่เราไปมายังไม่ค่อยมีคนไทยไปมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติโซนยุโรป เลยอยากนำเสนอให้คนไทยได้ไปกันมากขึ้น ถ้าคุณมีหัวใจรักการผจญภัย ก็ลองท่องเที่ยวไปกับพวกเราผ่านตัวหนังสือและภาพถ่ายไปก่อน จากนั้นก็ เวลาของคุณแล้ว



บ่ายที่ร้อนระอุ…. แม้แต่นกยังหาร่มเงาไม้พักพิง เสียงของความวุ่นวายในชุมชนเมืองเซแซ่ง รถลาไหลคืบคลานแย่งชิงพื้นที่ มองออกไปทางไหนก็เจอแต่ความยุ่งเหยิง ความสงบสุขอยู่ที่ใด? ผมคอยถามตัวเอง... คำตอบคงไม่ใช่สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นแน่

11 พ.ค. 2016
...22.00 หยิบจับของยัดใส่กระเป๋าเตรียมพร้อมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกเดินทาง ชาร์จพลังงานทุกอุปกรณ์ รวมทั้งร่างกาย

12 พ.ค. 2016
...03.00 ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ล้างหน้าตาล้าง โยนกระเป๋าขึ้นรถ มุ่งหน้าสู่ดอนเมือง
...04.00 พร้อมหน้าพร้อมตา เช็คอิน โหลดกระเป๋าเรียบร้อย ผ่าน ต.ม. เข้าไปด้านใน
P : "เ- ี้ยยยยย กุลืมเอามีดสวิสโหลดวะ โดนยึดไปเรียบร้อย"
M : "เอ่อออ ทำใจวะ ร่ำลามันซะนะ 555"
.
…06.00 Take off ถึงเวลาร่ำลาเมืองไทยไปตามล่าฝันที่ "อินโดนิเซียยยยยยยยยย พวกเราจะไปพิชิต ภูเขาไฟ ด้วยกานนนน "
.
.
.
...11.30 โดยประมาณก็มาถึง สนามบินเดนปาซาร์ บาหลี จากนั้นเดินไปต่อเครื่องบินภายในประเทศ
P : "เอ้ย พวกเมิง เดินกันไปก่อนเลยนะ"
M : "ทำไมวะ เกิดไรขึ้น"
P : "กูทำสายรัดกระเป๋าหายว่ะ"
M : "เมิงจะกดแฮททริกละนะ - ึส"
...13.15 เค้าท์เตอร์เปิดละ ไปเช็คอินโหลดกระเป๋าเรียบร้อย เดินขึ้นด้านบนมีแค่ 5-6 เกตเท่านั้น เกตพวกเราต้องไปคือเกต 3 แต่วิวเกต 4 ใกล้ๆสวยกว่าเลยไปถ่ายรูปกันตรงนั้นก่อน สนามบินแห่งนี้เจ๋งมาก รันเวย์ติดกับทะเล แช๊ะๆๆ ถ่ายรูป อัพเฟซ คุยไลน์ เรื่อยเปื่อย รอเครื่องออก 15.00

...14.40 ป้ะเพื่อน ไปรอตรงเกต 3 เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเตรียมไว้ดีกว่า
...14.50 ทำไมมันไม่ประกาศสักทีหว่า เดินไปดูหน้าจอขึ้น Last call ของสายการบินอื่น ก็ยังไม่เอะใจ
...14.55 ฝรั่งเดินมาหน้าเกต คุยกับพนักงานดูวุ่นวาย เลยเดินไปถามไฟล้ทบ้าง
Crew : "พวกคุณไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้เครื่องได้บินออกไปแล้ว"
M : "@#!!!#-=$&+&#$(%@!!^)^--$@!#$()"
ทำไมไม่มีประกาศว้า ฟังอยู่ตลอดหรือไม่ได้ยินวะ เถียงไปสักพักจนต้องทำใจ เดินลงมาซื้อตั๋วใหม่ ยังดีที่ราคาถูกกว่าเดิมหน่อย แค่ห้าร้อยกว่าบาทต่อคนเท่านั้น ต้องทำใจเพราะเราพลาดด้วยไม่ได้ดูเวลาเปิดเกต ยอมรับสภาพกันไป โอเคๆ เมจเสสไปบอกเอเจนซี่ ว่าเราเลื่อนเวลาไปหน่อยนะ ได้ไฟล้ทใหม่เป็น 16.10 คงจะถึงประมาณ 16.40 คราวนี้รอมันใกล้ๆ นี่ละ
...15.40 เวลาที่เกตต้องเปิดละ เดินไปถามพนักงานบอกเครื่อง ดีเลย์ ห๊ะ อะไรนะ 20 นาที เออๆ นั่งรอ
...16.00 เดินเค้าไปถามอีกรอบ เครื่องดีเลย์อีก 40 นาที นอนแมร่งตรงนี้ละ
…16.40 ในที่สุดก็ได้ขึ้นเครื่องสักที บรื้นๆ ไปต่อคิวใช้รันเวย์ นานเชียว พอบินขึ้นไป 10 นาทีเองมั้งก็ถึงแระ เกาะลอมบ๊อก
...17.30 โอ้วววว คนต้อนรับเยอะมาก อย่างกะนักกีฬากลับประเทศ แล้วเอเจ้นตรูอยู่ไหนเนี่ยย เดินเข้าไปในดงอ่านทีละป้าย ในที่สุดเอเจ้น ตะโกนเรียกชื่อผม ผมหันควับ เยส คนแถวนั้นเฮขึ้นมาเล็กน้อย เพราะผมเลตพี่แกมาสองชั่วโมงกว่า คงจะเมาท์ไว้สินะ

ล้อหมุนเดินทางต่อกันเลยยาวๆ อีกประมาณ ชั่วโมงกว่า เราก้มาถึงตัวเมืองที่เราจะแวะมาแลกเงิน ราศีจับทันทีมีเงินห้าล้านกว่าในมือ
จากนั้นก็ไปกินข้าวกันเลย อยากจะลอง บินตัง แล้ววววว เรามาแวะที่ร้านนี้ พี่คนขับรถเราเค้าบอกว่าอร่อย Yessy café พี่ที่ร้านเค้าบอกว่า ควรจะดื่มชาด้วยเพราะจะช่วยให้ฟื้นพลัง หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง

เดินทางกันต่อยาวๆ ทุกคนเริ่มหลับผลอย ผมนั่งหน้าหลับได้ไม่เต็มตา บางจังหวะต้องชวนพี่เค้าคุย กลัวว่าเค้าจะพาเราเข้าข้างทาง เหมือนพี่เค้าเริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เลยขอลงไปละหมาดแปป

ในที่สุดก็มาถึงโรงแรมของเราแล้วววว




ดีกว่าที่คิดไว้เลย รับ welcome drink คนอินโดชอบถาม Tea or coffee? เอ่อ กาแฟตอนนี้ก็ไม่ต้องนอนละครับ จากนั้นทางเอเจ้นก็เข้ามาอธิบายสำหรับวันพรุ่งนี้ ซึ่งเราสามารถเอาของที่ไม่จำเป็นฝากไว้ที่นี่ได้ เอาเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ทำให้เราต้องจัดกระเป๋ากันใหม่ อาบน้ำเข้านอน เพราะพรุ่งนี้เราจะไปลุยกันแต่เช้า ..... เหมือนทั้งโรงแรมจะมีแค่เรากรุ๊ปเดียวในค่ำคืนนี้ พรุ่งนี้เส้นทางที่น่าค้นหารอเราอยู่ ....ราตรีสวัสดิ์คืนแรก
ชื่อสินค้า:   Rinjani Mt. - Gili Island
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่