|| กวน มึน โฮ (จิมินห์-มุยเน่) ||


|| กวน มึน โฮ (จิมินห์-มุยเน่) ||

เมื่อมองปฏิทินวันหยุดยาวใกล้เข้ามาถึงอีกแล้ว  จิตวิญญาณความเป็น Backpacker มันเรียกร้องหาการเดินทาง ครึ้มอกครึ้มใจอยู่นานเปิดดูโปรโมชั่น Air Asia เฮ้ยยย ไป โฮจิมินห์ ก็แล้วกัน ทำการจองตั๋วเครื่องบินและห้องพัก โดยที่ในหัวยังไม่รู้เลยว่าโฮจิมินห์มีอะไรบ้าง เอาหน่าค่อยว่ากัน จองเสร็จ ชวนพี่สาวคนเดิมไปด้วย พี่เค้าตกใจคือจะไปอาทิตย์หน้า ไม่ได้เตรียมตัวอะไร แต่พี่เค้าก็มีความเป็น Backpacker เหมือนกัน พี่สาวเราก็ตัดสินใจจองไปด้วยกัน (หลอกล่อพี่สาวได้สำเร็จ ฮ่าาาาา) เอาล่ะ ได้เวลาไปกันแล้ววววว เฮ้!!!
1st Day : Bangkok - Ho Chi Minh

เรื่องราวการเดินทางเริ่มต้น ในเช้าที่อากาศปลอดโปร่ง เราขึ้นเครื่องตอน 13.50 น. เลยตัดสินใจออกจากบ้านไปรอพี่สาวที่สนามบิน ตั้งแต่ 11.30 น. จู่ๆ ฟ้าที่ปลอดโปร่ง ก็โปรยปรายลงมาด้วยเม็ดฝน  พี่สาวเรานั่งเครื่องมาจากหาดใหญ่ วันนั้นเครื่องบิน Delay มากทำให้พี่เรามาไม่ทันขึ้นเครื่อง แน่นอนเราต้องล่วงหน้าไปก่อน เพื่อไปหาโรงแรมจัดการห้องพักและหาตั๋วไปมุยเน่ เพราะพี่สาวเราเลื่อนไฟล์ทได้กว่าจะมาถึงก็ สามทุ่มครึ่งแล้ว นี่เป็นการเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก เอาหน่าาา ไม่หวั่นอยู่แล้ว (ตะวักกัลอัลลอฮ์)

ในที่สุดก็มาถึงโฮจิมินห์ เวลา 16.15 น. ลงจากเครื่อง ผ่าน ตม. จากนั้นเราก็เห็นร้านขายซิม 3G เรารีบปรี่เข้าไปซื้อ ซิม Unlimited 3G ราคา 9.5 us เป็นซิมเครือข่าย Viettel ซึ่งสำหรับเราว่าสัญญาณดีพอสมควรนะ จากนั้นเดินออกมาหน้าประตูทางเข้า ผู้คนมารอรับญาติมากมาย เราก็กวาดตามองหาชื่อตัวเองตามป้ายที่ชูขึ้น อ่าาาา  เจอแล้ววว วิ่งเข้าไปหาพี่เค้าด้วยความดีใจ พี่เค้าก็พาเราไปส่งที่รถแท็กซี่ที่จองไว้

รถที่นี่เป็นพวงมาลัยซ้ายทั้งหมด เลนถนนเค้าก็เลยดูแปลกๆสำหรับเรานะ คุยกับลุงแท็กซี่ ลุงแกบอกว่าช่วงที่เรามาเที่ยว 3 วันนี้ ก็เป็นวันหยุดยาวของคนที่นี่เหมือนกัน (ฮึ!! แจ็คพอตล่ะงานนี้ ของแพง ค่ารถแพง เลือกวันได้ดีจริงๆ ยัยบ้าเอ้ย) ลุงแท็กซี่แกก็อัธยาศัยดี ชวนคุยไปเรื่อยเลย และแกก็เตือนว่าเวลาเล่นโทรศัพท์ด้านนอกให้ระวังด้วย มิชฉาชีพเดินมาล่ะฉกไปได้ง่ายๆ เรื่องแบบนี้เกิดบ่อยมาก เราก็พอได้อ่านจากรีวิวมาบ้าง อยู่เมืองนี้ต้องระวังจริงๆล่ะ  นั่งรถประมาณครึ่งชั่วโมง ลุงแท็กซี่ก็พาเรามาถึงที่พักของเรา ย่านฟามงูเหลา  (ย่านฟามงูเหลานี้เป็นย่านที่รวมบริษัท รถบัส ไปยังเมืองต่างๆ และใกล้จุดสำคัญของเมืองโฮจิมินห์ แต่จะจอแจ ผู้คนพลุกพล่านนิดนึง คล้ายๆแถวๆถนนข้าวสารบ้านเรา) และนี่คือที่พักของเรา เราเลือกพักห้องเดี่ยว ไม่ชินกับการนอนกับคนอื่นและใช้ห้องน้ำร่วมกับคนไม่รู้จักเท่าไหร่ แล้วก็เซฟตัวเองไปด้วยนิดนึง ^^




ห้องพักชั้น 5 ไม่มีลิฟท์ กระไดเพรียวๆ กว่าจะขึ้นมาถึงหอบคร่าาา ฮ่าาาา เราได้เข้าห้องพักประมาณ 5 โมงครึ่ง รีบจัดการชาร์ตแบตมือถือ แล้วก็นอนดูทีวี พักเอาแรงสักหน่อย ก่อนออกไปลุยหารถไปมุยเน่พรุ่งนี้เช้า แล้วก็นั่งรถไปรับพี่สาวที่สนามบินตอนสองทุ่ม  หลังจากที่เราชาร์ตแบตเสร็จ พักเต็มที่ เราก็ออกไปเดินตะเวนหาตั๋วรถบัสไปมุยเน่ ในแถบนั้น เราเคยอ่านรีวิวมาว่า ตั๋วรถบริษัท FUTA ราคาถูกและคุณภาพรถก็ดี เราเดินหาและเข้าไปสอบถาม ตั๋วรอบเช้าพรุ่งนี้เต็มหมดแล้ว อ่าาาา เดินเข้าไปถามบริษัทข้างๆรอบๆ ก็เต็มหมด เราเดินไปสักพักเจอบริษัทนึง มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก เลยเข้าไปถามดู ปรากกฏว่า รอบเช้าพรุ่งนี้ว่าง 7 โมง แต่ราคา 299,000 ด่ง หรือ 14 us (ประมาณ 490 บาท) ถือว่าแพงมากกกก เพราะเราอ่านในรีวิวทั่วไป ก็แค่ 6-7 us พนักงานบอกมันเป็นช่วงวันหยุด ทำไงได้ล่ะ ไม่มีที่ไหนแล้ว แล้วเราก็อยากไปมุยเน่ด้วย ก็เลยต้องจองไป 2 ที่นั่ง 28 us น้ำตาจิไหล หลังจาก ดราม่าหน้าเคาน์เตอร์สักพัก เราก็เดินไปแลกเงิน us เป็นเงิน ด่ง เพื่อ เอาไปใช้ขึ้นรถโดยสารไปรับพี่สาวที่สนามบิน เรานั่งรถเมล์สาย 109 ขึ้นที่ต้นสายตรงวงเวียนที่อยู่ตรงข้ามกับตลาด Ben Thanh ราคาตั๋วรถเมล 20,000 ด่ง (36 บาท) รถเมล์ที่นี่วิ่งถึงแค่ 3 ทุ่มแต่รถเมล์ที่สนามบินวิ่งรอบสุดท้ายตอน 4 ทุ่ม


เรานั่งรถประมาณ 30-40 นาที ก็ถึงที่สนามบิน นั่งรอพี่สาวอยู่ที่ประตูทางออก  พี่สาวเรามาถึงประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ในที่สุดก็ได้เจอกันหลังจากที่ต้องพลัดพรากจากกัน T-T เรานั่งรถเมล์สายเดิมกลับ ขึ้นรถตรงจุดเดิมที่เราลง เพราะรถเข้ามาจอดในสนามบินให้เลย บอกตรงๆตอนนี้ท้องร้องจ๊อกๆ หิวข้าวมากคือเรายังไม่ได้กินข้าวเลยทั้งวัน พอถึงฟามงูเหลาเราเลยชวนพี่สาวไปหาข้าวกิน และร้านแรกที่เราได้ฝากท้องนั้นเป็นร้านอาหารอินเดีย หน้าปากซอยทางเข้าที่พักของเรานั่นเอง ร้านนี้ปิดเที่ยงคืน และเป็นร้านอาหารฮาล้าลร้านเดียวที่เราหาเจอในตอนนี้ (อัลฮัมดุลิลละฮ์) มื้อแรกของเราคือ แกงกระหรี่ปลา รสชาติโอเคเลย อินเดียแท้เครื่องเทศแน่นมากดูในรูปเหมือนน้อย แต่ของจริงเยอะมากอ่า มื้อนี้ราคา 115,000 ด่ง

หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็เดินกลับที่พัก ส่งพี่สาวที่ห้อง แล้วก็แยกย้ายกันไปนอน เพลียร่างเหมือนกันนะจะว่าไป หัวถึงหมอนก็หลับสนิทเลย ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ตี 5 ครึ่ง
2nd Day : Ho Chi Minh - Muine
ตอนเช้าตื่นตามนาฬิกาปลุก อาบน้ำทำอะไรเสร็จลงไปเจอกับพี่สาว ตอน 6 โมง เรากับพี่สาวตั้งใจกันว่าจะเดินหาจุดแลกเงิน us เป็นเงิน ด่ง แล้วก็ซื้อขนมกินที่มินิมาร์ท ก่อนไปเช็คอินที่บริษัทรถบัส รถบัสที่เราจองเป็น Sleeping Bus และนี่เป็นครั้งแรกกับการนั่งนอนบนรถประเภทนี้ จริงเราว่ามันเหมือนเป็น Bus Hostel นะ อันนี้คิดเอง อิอิ




เรานอนไปนั่งไป ส่วนใหญ่จะนั่งหมุนกล้องถ่ายรูปข้างทาง ซะมากกว่า เป็นคนประเภทเห็นอะไรสวยก็ถ่ายไปหมด เอาหน่าคนประเภทเราก็น่าจะมีอยู่เยอะ เชื่อสิ ฮ่าาาา




เราว่าระหว่างทางมันมีอะไรที่น่าดูนะ เพราะมันเป็นที่ๆเราไม่เคยผ่านไม่เคยเห็น มันมีสิ่งที่เราสามารถเก็บเกี่ยวได้ ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม วิถีชีวิตของผู้คน สภาพภูมิประเทศ คำอ่านและภาษาของเค้า ประมาณ 11 โมงครึ่ง เราก็เข้าสู่ตัวเมืองมุยเน่ และเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นมุยเน่ก็คือ เรือกระด้ง เป็นเรือของชาวประมงที่นี่ มันทำให้นึกถึงตอนเด็กๆที่เราเอากะละมังมาเล่นพายเรือในน้ำคลองนะ ^^



รถบัสที่พาเรามาจะพาเราเข้าสู่แถวชายหาด และทยอยส่งผู้โดยสารตามโรงแรมที่พัก แต่เราไม่ได้พักก็ไปลงตรงหน้าบริษัทของรถบัส พอลงปุ๊บเราก็เดินไปหา Half Day Trip เที่ยวยังจุดสำคัญของมุยเน่ 4 ที่หลัก คือ White Sand Dunes, Red Sand Dunes, Fisherman Village และ Fairy Stream โดยเดินทางด้วยรถ Jeep ตั๋วอยู่ที่ราคา 250,000 ด่ง/คน (ประมาณ 450 บาท) ในขณะเดียวกันก็จองรถกลับโฮจิมินห์ด้วย เราจองกลับ เวลา 5 โมงเย็น ราคาค่าตั๋วรถกลับ 300,000 ด่ง  (ประมาณ 540 บาท) และถ้าจะจองตั๋วกลับควรบอกเค้าด้วยว่าจะลงฟามงูเหลา ไม่อย่างนั้นแล้ว จะได้ลงที่สถานนี Saigon เอาหล่ะ เคลียร์เรื่องตั๋วเรียบร้อย 10 นาที รถ Jeep ก็มารับเรา On the way ล่ะจ้าาา





เนื่องจากเวลาจำกัด พี่คนขับรถ Jeep เลยพาเราไปสถานที่ที่ไกลสุดก่อน ก็คือ White Sand Dunes พี่เค้าพาเราไปลงที่ร้านรถ ATV หลังจากนั้นก็มีคนมาโน้มน้าวให้เราเช่ารถเค้าเขาไปที่ทะเลทราย แต่ แต่ แต่ เรากับพี่เสาวไม่สนใจค่ะ สตรองมากกก เดินไปเองก็ได้ค่ะ ฮึฮึ และแล้วสองสาวไทยก็เดินสู่ทะเลทราย ในช่วงเวลา เที่ยงตรง อุณหภูมิขึ้นสูงสุด พระอาทิตย์อยู่ตรงศรีษะพอดิบพอดี ฮ่าาาา ชิลจ้าาา แฮปปี้  โกออนค่ะ ดอนท์แคร์!!









คือ สวยจริงๆค่ะ (มาชาอัลลอฮฺ) แม้อากาศจะร้อน แต่ก็มีลมพัดอยู่เรื่อยๆ แต่เราเดินไปประมาณ 1 กิโลเมตร จากจุดเช่ารถ ATV ซึ่งเราก็เดินไปถ่ายรูปไปเรื่อยๆ พอถึงจุดที่อยู่บนเนินเขา บอกตามตรงวิงเวียนมากและกระหายน้ำมากค่ะ U_U เราอยากไปไกลกว่านี้แต่ร่างกายไปต่อไม่ได้แล้วจริงๆ เรากับพี่สาวก็เลยตัดใจเดินกลับ แล้วก็ซื้อน้ำดื่มที่ร้านเช่ารถ ATV  แล้วก็ขึ้นรถ Jeep ไปต่อ ที่ Red Sand Dunes พอถึงที่นี่จะมีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆวิ่งมาถามถึงที่รถเลยว่า "สนใจจะเล่นสไลเดอร์มั้ยครับ" "นู๋จ๊ะ สังขารป้าสองคนไม่ได้แล้วจริงๆจ่ะ" เรากระโดดลงไปถ่ายรูปนิดหน่อย เพราะพี่คนขับรถบอกว่าให้เวลาแค่ 10 นาที จุดนี้ไม่ต้องเดินไปไกล เพราะทะเลทรายแดงอยู่ริมถนนเลย .....
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่