คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
รูปจาก google maps

ตรงพื้นที่สีเขียว เป็นภูเขา และเป็นภาพปัจจุบัน
ย้อนไปเมื่อ ประมาณ ก่อน พ.ศ. 2530 ทางทิศเหนือและทิศะวันออก ป่าโดนทำลายลงอย่างหนักโดยประชาชนโดยรอบๆ เพื่อปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งการทำลายป่าเกือบร้อยละ 40
พื้นที่ที่เหลือทางด้านทิศตะวันตกเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มาก หลายคนโอบ สูงเกือบ 100 เมตร จึงทำให้คนในชุมชนตัดโค่นด้วยเครื่องมือง่ายๆ ในสมัยนั้น เช่น ขวาน มีด พร้า ได้ลำบาก
แต่ไม่กี่ปีหลังจากนั้น มีเครื่องเลื่อยยนต์เข้ามา ต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นอย่างน่าเสียดาย เพียงคนไม่กี่คนที่เห็นแก่ตัว และผมเชื่อว่าในสมัยนั้นมีเจ้าหน้าที่หลายส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วย ตอนกลางคืนได้ยินแต่เสียงเลื่อยยนต์ดังกล่อมนอน
ในช่วงปี ประมาณ พ.ศ. 2530 มีโครงการอีสานเขียวเกิดขึ้น ซึ่งมีการห้ามเข้าไปทำไร่ และมีการจับกุมผู้ละเมิดอย่างจริงจัง จนทำให้การทำไร่ยุติลงไป แต่ยังมีการลักลอบตัดไม้อยู่
สภาพภูเขาจากเตียนโล่ง ในช่วงปีแรกๆ จะมีวัชพืช เช่น หญ้าสาบเสือ ฯลฯ ขึ้นคลุมเต็มพื้นที่ พอหน้าแล้ง จะมีไฟไหม้ ทุกปี
สัก 3-5 ปี เริ่มมีไม้ยืนต้นขึ้นเอง โดยไม่มีการปลูก ไม้ที่ขึ้นจะเป็นไม้ชนิดเดิมในป่าก่อนถูกแผ้วถาง และยังคงมีไฟไหม้ป่าทุกๆ ปี ต้นไม้บางต้นก็ยืนต้นตาย
ประมาณ 15 ปี เริ่มมีไม้ใหญ่แล้ว วัชพืชหายไป ไฟเริ่มหยุดไหม้ เนื่องจากมีต้นไม้ขนาดใหญ่ แต่ช่วงหน้าแล้ง อาจมีไฟไหม้บ้าง แต่ต้นไม้ไม่ได้รับความเสียหาย ยังสามารถยืนต้นมีชีวิตต่อไปได้
ปัจจุบัน สภาพป่าเริ่มกลับคืนสู่สภาพเดิม แต่กว่าจะได้ต้นไม้ขนาด 5 คนโอบ คงต้องใช้เวลาอีกนาน
จาก พ.ศ. 2535 - 2559 เป็นเวลา 24 ปี ป่ากำลังกลับคืนสู่สภาพเดิม แต่ยังมีการแอบตัดโค่นอยู่บ้าง ประชาชนที่อยู่โดยรอบมีความสำคัญในการนำป่ากลับสู่สภาพเดิม และที่สำคัญยิ่งกว่า ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้ที่มีอำนาจต่างๆ ต้องมีความจริงใจ

ตรงพื้นที่สีเขียว เป็นภูเขา และเป็นภาพปัจจุบัน
ย้อนไปเมื่อ ประมาณ ก่อน พ.ศ. 2530 ทางทิศเหนือและทิศะวันออก ป่าโดนทำลายลงอย่างหนักโดยประชาชนโดยรอบๆ เพื่อปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งการทำลายป่าเกือบร้อยละ 40
พื้นที่ที่เหลือทางด้านทิศตะวันตกเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มาก หลายคนโอบ สูงเกือบ 100 เมตร จึงทำให้คนในชุมชนตัดโค่นด้วยเครื่องมือง่ายๆ ในสมัยนั้น เช่น ขวาน มีด พร้า ได้ลำบาก
แต่ไม่กี่ปีหลังจากนั้น มีเครื่องเลื่อยยนต์เข้ามา ต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นอย่างน่าเสียดาย เพียงคนไม่กี่คนที่เห็นแก่ตัว และผมเชื่อว่าในสมัยนั้นมีเจ้าหน้าที่หลายส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วย ตอนกลางคืนได้ยินแต่เสียงเลื่อยยนต์ดังกล่อมนอน
ในช่วงปี ประมาณ พ.ศ. 2530 มีโครงการอีสานเขียวเกิดขึ้น ซึ่งมีการห้ามเข้าไปทำไร่ และมีการจับกุมผู้ละเมิดอย่างจริงจัง จนทำให้การทำไร่ยุติลงไป แต่ยังมีการลักลอบตัดไม้อยู่
สภาพภูเขาจากเตียนโล่ง ในช่วงปีแรกๆ จะมีวัชพืช เช่น หญ้าสาบเสือ ฯลฯ ขึ้นคลุมเต็มพื้นที่ พอหน้าแล้ง จะมีไฟไหม้ ทุกปี
สัก 3-5 ปี เริ่มมีไม้ยืนต้นขึ้นเอง โดยไม่มีการปลูก ไม้ที่ขึ้นจะเป็นไม้ชนิดเดิมในป่าก่อนถูกแผ้วถาง และยังคงมีไฟไหม้ป่าทุกๆ ปี ต้นไม้บางต้นก็ยืนต้นตาย
ประมาณ 15 ปี เริ่มมีไม้ใหญ่แล้ว วัชพืชหายไป ไฟเริ่มหยุดไหม้ เนื่องจากมีต้นไม้ขนาดใหญ่ แต่ช่วงหน้าแล้ง อาจมีไฟไหม้บ้าง แต่ต้นไม้ไม่ได้รับความเสียหาย ยังสามารถยืนต้นมีชีวิตต่อไปได้
ปัจจุบัน สภาพป่าเริ่มกลับคืนสู่สภาพเดิม แต่กว่าจะได้ต้นไม้ขนาด 5 คนโอบ คงต้องใช้เวลาอีกนาน
จาก พ.ศ. 2535 - 2559 เป็นเวลา 24 ปี ป่ากำลังกลับคืนสู่สภาพเดิม แต่ยังมีการแอบตัดโค่นอยู่บ้าง ประชาชนที่อยู่โดยรอบมีความสำคัญในการนำป่ากลับสู่สภาพเดิม และที่สำคัญยิ่งกว่า ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้ที่มีอำนาจต่างๆ ต้องมีความจริงใจ
แสดงความคิดเห็น
สงสัยแนวคิดที่ว่า ถ้าเราไม่ไปรบกวนธรรมชาติสักระยะ ป่าก็จะคืนชีพขึ้นมาเอง ???
ถามในเรื่องความรู้ล้วนๆ
ในเมื่อภูเขามันโล้นไปแล้ว ต้นไม้ถูกตัดโค่นไปแล้ว เพื่อเอามาทำการเกษตร
แล้วที่เขานำเสนอว่า แค่เราไม่ไปยุ่งกับป่า 1 ปี คือไม่จำเป็นต้องปลูก ป่าก็จะฟื้นฟูกลับมาเอง
มันเป็นจริงหรือครับ ??
คือ ถ้าหญ้ากับวัชพืช มันงอกขึ้นมาจนเขียวไปทั้งเขา อันนี้ผมพอเข้าใจ
แต่ต้นไม้ต่างๆ มันจะงอกขึ้นมาจากดินโล้นๆ ได้อย่างไรครับ
เชิญเสวนา (ห้ามคุยเรื่องการเมือง)