ด้วยที่ผมคุ้นเคยกับวิถึแบบญี่ปุ่น จึงมีความเห็นว่า ทุกสิ่งเป็นไปได้ ก้าหากญี่ปุ่นจะคว้าตั๋วไปโอลิมปิค โดยที่ทีมญี่ปุ่นก็มีดีอยู่แล้วใน
ระดับความเหนียว ความแน่นอน อย่างที่รู้ ๆ กัน
...แต่จากกรณีรอบคัดเลือกปี 2012 ญี่ปุ่นเห็นแล้วว่า การก้าวขึ้นมาของทีมไทยซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงในระดับทวีปและการที่ต้องเจอ
กับคู่แข่งระดับเดียวกันอย่างเกาหลีใต้ ดังนั้นการตว้าตั๋วไปโอลิมปิคจึงไม่ง่ายอีกต่อไปแล้วจึงต้องเตรียมตัวมากกว่าเดิม ทั้งนอกสนาม
ทั้งในสนาม และ การบริหารจัดการต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ย่อมไม่มีทางมองข้ามแน่ไป ๆ
ผมมีความมั่นใจว่าอย่างน้อย 13 ข้อนี้ ทีมญี่ปุ่นทำได้ และครั้งนี้ก็ได้ทำมันลงไปแล้ว
1)เงินสนับสนุน กิจการของ FIVB เพื่อมีบทบาทในการเป็นผู้นำกำหนด ต่าง ๆ ขององค์กรนี้
2)วิธีการคัดเลือกไปโอลิมปิค เอาเอเชียมารวมด้วย 4ทีม บวก ยุโรป 2ทีม บวกเมริกาใต้ 1ทีม บวกนอร์เซก้า 1ทีม รวม 8ทีม
3)เจ้าภาพเป็นประเทศญี่ปุ่น ทุกครั้ง
4)การเปลี่ยนกฎเบสท์ออฟเอเชีย จาก 3+1 มาเป็น 1+3 (ไม่รู้ว่าเปลี่ยนกลับมาทำไม แต่มันต้องมีอะไรซักอย่างที่เป็นผลดีต่อ...เป็นแน่)
5)จัดโปรแกรมการเจอให้ได้เปรียบสุด เรียงลำดับเบาไปหนัก ทั้งทีมตนเอง ทีมที่เป็นพันธมิตร และรวมทั้งต้องการจัดหนักกับทีมคู่แข่ง
6)จัดเวลา ให้ได้เปรียบ มีเช้า มีเย็น การเปลี่ยนแปลงเวลา การปรับตัวสภาพร่างกาย วิทยาศาสตร์การกีฬามีผลแน่ ๆ สามารถจัดกับทีม
ตนเอง/ทีมที่เป็นพันธมิตร ให้ได้เปรียบ และจัดหนักกับทีมคู่แข่งก็ย่อมทำได้
7)เชิญทีมที่ล็อคเป้า มาอุ่นเครื่อง สร้างความสัมพันธ์ ก่อนแข่งจริง ออกค่าใช้จ่ายให้ เอนเตอร์เทรน แนบแน่นใกล้ชิด ผลดีคือ
7.1 ทำให้ชาวโลกทราบข่าวผลอุ่นเครื่อง จะรู้สึกว่าทีมตนเองเก่ง ผ่านอยู่แล้ว ทุกคนจะอินและรู้สึกว่าญี่ปุ่นเก่ง เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
7.2 การลงทีมด้วยกันจะมีข้อมูลระดับหนึ่งเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการแข่งขัน (มันเหมือนการรู้ข้อมูลก่อน ว่าคนนี้เล่นอย่างไร ลองคิดดู
ถ้าหากต้องการได้ผลการแข่งขัน แค่นี้ก็ย่อมทำได้ โดยดูเหมือนเล่นแบบเต็มที่ทุกประการ)
8)การเปลี่ยนแปลงกฎโดยเฉพาะการใช้แทปเล็ต ดูเผิน ๆ เหมือนไม่มีอะไร ใช้เทคโนโลยีมาช่วย แต่อย่างที่ทราบกันเป็นการเอื้อให้
เจ้าภาพแต่แรก คู่แข่งขันจะทำอะไรปกติดิวส์ตรงกับกรรมการ แต่นี่ต้องไปผ่านญี่ปุ่นควบคุมก่อนชั้นนึง จึงค่อยไปถึงกรรมการ ซึ่งเ
จ้าภาพสามารถใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขเหล่านี้ได้แน่ หากเกิดอะไรขึ้นสามารถแก้ตัวได้ไม่ยาก
9)กล้องในสนาม ทั้งแบบที่เห็น และไม่เห็น ซ่อนอยู่ มันสามารถเก็บข้อมูล เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาผุ้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้ตามที่
ต้องการ (ด้วยเทคโนโลยีของญี่ปุ่น สามารถทำให้แทปเลตเครื่องนั้นเป็นอะไรที่มากกว่าที่คิด)
10)เครื่องบันทึกเสียง สามารถรับข้อมูลสดเพื่อแก้เกมส์การสอนของฝ่ายตรงข้ามได้ หรือนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนเพื่อเจอกันก็
ยังทำได้
11)การใช้กล้องเข้าไปซูมระหว่างขอเวลานอก ก็สามารถส่งข้อมูลไปที่ฝ่ายญี่ปุ่นได้
12)มีทีมงานเบื้องหลัง เช่นล่ามแปลสด ๆ ส่งข้อมูล ให้โค๊ชญี่ปุ่น ได้ทันที เพื่อแก้เกมส์ ก็ย่อมทำได้
13)เมื่อไปแข่งขันรอบสุดท้าย หาทางไปอยู่ในกลุ่มที่ดูง่าย อย่าลืมว่าโอลิมปิค มีแค่ 12 ทีมก็จริง รอบคัดเลือกยาก รอบสุดท้ายมีทีมที่
มาจากโซนที่ไม่แข็งนักด้วย และหากผ่านมาถึงรอบ 8ทีมได้ ย่อมมีลุ้นเหมือนกัน
เห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไร..ก็เป็นข้อมูลจากคนที่คุ้นเคยกับวิถีแบบญี่ปุ่นคนหนึ่งนำเสนอน่ะครับ
ทุกสิ่งเป็นไปได้ และทำได้ ถ้าหากเจ้าภาพอย่างญี่ปุ่นจะทำ..
ระดับความเหนียว ความแน่นอน อย่างที่รู้ ๆ กัน
...แต่จากกรณีรอบคัดเลือกปี 2012 ญี่ปุ่นเห็นแล้วว่า การก้าวขึ้นมาของทีมไทยซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงในระดับทวีปและการที่ต้องเจอ
กับคู่แข่งระดับเดียวกันอย่างเกาหลีใต้ ดังนั้นการตว้าตั๋วไปโอลิมปิคจึงไม่ง่ายอีกต่อไปแล้วจึงต้องเตรียมตัวมากกว่าเดิม ทั้งนอกสนาม
ทั้งในสนาม และ การบริหารจัดการต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ย่อมไม่มีทางมองข้ามแน่ไป ๆ
ผมมีความมั่นใจว่าอย่างน้อย 13 ข้อนี้ ทีมญี่ปุ่นทำได้ และครั้งนี้ก็ได้ทำมันลงไปแล้ว
1)เงินสนับสนุน กิจการของ FIVB เพื่อมีบทบาทในการเป็นผู้นำกำหนด ต่าง ๆ ขององค์กรนี้
2)วิธีการคัดเลือกไปโอลิมปิค เอาเอเชียมารวมด้วย 4ทีม บวก ยุโรป 2ทีม บวกเมริกาใต้ 1ทีม บวกนอร์เซก้า 1ทีม รวม 8ทีม
3)เจ้าภาพเป็นประเทศญี่ปุ่น ทุกครั้ง
4)การเปลี่ยนกฎเบสท์ออฟเอเชีย จาก 3+1 มาเป็น 1+3 (ไม่รู้ว่าเปลี่ยนกลับมาทำไม แต่มันต้องมีอะไรซักอย่างที่เป็นผลดีต่อ...เป็นแน่)
5)จัดโปรแกรมการเจอให้ได้เปรียบสุด เรียงลำดับเบาไปหนัก ทั้งทีมตนเอง ทีมที่เป็นพันธมิตร และรวมทั้งต้องการจัดหนักกับทีมคู่แข่ง
6)จัดเวลา ให้ได้เปรียบ มีเช้า มีเย็น การเปลี่ยนแปลงเวลา การปรับตัวสภาพร่างกาย วิทยาศาสตร์การกีฬามีผลแน่ ๆ สามารถจัดกับทีม
ตนเอง/ทีมที่เป็นพันธมิตร ให้ได้เปรียบ และจัดหนักกับทีมคู่แข่งก็ย่อมทำได้
7)เชิญทีมที่ล็อคเป้า มาอุ่นเครื่อง สร้างความสัมพันธ์ ก่อนแข่งจริง ออกค่าใช้จ่ายให้ เอนเตอร์เทรน แนบแน่นใกล้ชิด ผลดีคือ
7.1 ทำให้ชาวโลกทราบข่าวผลอุ่นเครื่อง จะรู้สึกว่าทีมตนเองเก่ง ผ่านอยู่แล้ว ทุกคนจะอินและรู้สึกว่าญี่ปุ่นเก่ง เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
7.2 การลงทีมด้วยกันจะมีข้อมูลระดับหนึ่งเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการแข่งขัน (มันเหมือนการรู้ข้อมูลก่อน ว่าคนนี้เล่นอย่างไร ลองคิดดู
ถ้าหากต้องการได้ผลการแข่งขัน แค่นี้ก็ย่อมทำได้ โดยดูเหมือนเล่นแบบเต็มที่ทุกประการ)
8)การเปลี่ยนแปลงกฎโดยเฉพาะการใช้แทปเล็ต ดูเผิน ๆ เหมือนไม่มีอะไร ใช้เทคโนโลยีมาช่วย แต่อย่างที่ทราบกันเป็นการเอื้อให้
เจ้าภาพแต่แรก คู่แข่งขันจะทำอะไรปกติดิวส์ตรงกับกรรมการ แต่นี่ต้องไปผ่านญี่ปุ่นควบคุมก่อนชั้นนึง จึงค่อยไปถึงกรรมการ ซึ่งเ
จ้าภาพสามารถใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขเหล่านี้ได้แน่ หากเกิดอะไรขึ้นสามารถแก้ตัวได้ไม่ยาก
9)กล้องในสนาม ทั้งแบบที่เห็น และไม่เห็น ซ่อนอยู่ มันสามารถเก็บข้อมูล เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาผุ้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้ตามที่
ต้องการ (ด้วยเทคโนโลยีของญี่ปุ่น สามารถทำให้แทปเลตเครื่องนั้นเป็นอะไรที่มากกว่าที่คิด)
10)เครื่องบันทึกเสียง สามารถรับข้อมูลสดเพื่อแก้เกมส์การสอนของฝ่ายตรงข้ามได้ หรือนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนเพื่อเจอกันก็
ยังทำได้
11)การใช้กล้องเข้าไปซูมระหว่างขอเวลานอก ก็สามารถส่งข้อมูลไปที่ฝ่ายญี่ปุ่นได้
12)มีทีมงานเบื้องหลัง เช่นล่ามแปลสด ๆ ส่งข้อมูล ให้โค๊ชญี่ปุ่น ได้ทันที เพื่อแก้เกมส์ ก็ย่อมทำได้
13)เมื่อไปแข่งขันรอบสุดท้าย หาทางไปอยู่ในกลุ่มที่ดูง่าย อย่าลืมว่าโอลิมปิค มีแค่ 12 ทีมก็จริง รอบคัดเลือกยาก รอบสุดท้ายมีทีมที่
มาจากโซนที่ไม่แข็งนักด้วย และหากผ่านมาถึงรอบ 8ทีมได้ ย่อมมีลุ้นเหมือนกัน
เห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไร..ก็เป็นข้อมูลจากคนที่คุ้นเคยกับวิถีแบบญี่ปุ่นคนหนึ่งนำเสนอน่ะครับ