คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 120
"..ลูกเรา ไม่ต้องเหมือนลูกใครก็ได้
ลูกเรา ไม่ต้องเก่งเท่าลูกใครก็ได้
ลูกเรา ไม่ต้องคิดเหมือนลูกใครก็ได้
ลูกเรา ไม่ต้องมีเป้าหมายเดียวกับลูกใครก็ได้
หรือแม้แต่ ลูกเราไม่ต้อง“เหมือน” เรายังได้เลย
ขอแค่ให้เค้าเป็นในสิ่งที่เค้า “ตั้งใจจะเป็น”
และอยู่ในขอบเขตของความดีงาม นั่นหละพอแล้ว .. "
ผมอ่านเจอมันในกระทู้ ไม่อยากอยู่บ้าน เกลียดแม่ ... มีคนหลังไมค์มาให้ผม
พอผมได้อ่านมุมมองของลูกที่มีแต่พ่อแม่ที่เข้มงวด
อีกทั้งความเห็นของพวกคุณด้วย
ตอนนี้ผมคิดอะไรได้เยอะแยะเลย
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มันสายเกินไปไหมที่ผมจะเปลี่ยนเพื่อแก
ส่วนเรื่องแฟนลูก ผมตัดสินใจได้แล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
ผมอยากให้แกเป็นคนบอกผมเอง
ยังไงผมก็จะลองๆถามแกดูเรื่องเพื่อนคนนั้นของแกไปก่อน
เผื่อแกอาจจะเป็นคนเอ่ยปากบอกออกมาเอง
ตั้งแต่แกเกิดมาไม่เคยมีสักครั้งที่ผมตะคอกแกหรือว่าตะหวาดแก
เพราะงั้นผมจะถามอย่างใจเย็นที่สุด
ปล.ผมอ่านครบทุกความเห็นแล้วนะครับ ยังไงก็ขอขอบคุณทุกความเห็นจริงๆที่ช่วยเตือนสติ
ลูกเรา ไม่ต้องเก่งเท่าลูกใครก็ได้
ลูกเรา ไม่ต้องคิดเหมือนลูกใครก็ได้
ลูกเรา ไม่ต้องมีเป้าหมายเดียวกับลูกใครก็ได้
หรือแม้แต่ ลูกเราไม่ต้อง“เหมือน” เรายังได้เลย
ขอแค่ให้เค้าเป็นในสิ่งที่เค้า “ตั้งใจจะเป็น”
และอยู่ในขอบเขตของความดีงาม นั่นหละพอแล้ว .. "
ผมอ่านเจอมันในกระทู้ ไม่อยากอยู่บ้าน เกลียดแม่ ... มีคนหลังไมค์มาให้ผม
พอผมได้อ่านมุมมองของลูกที่มีแต่พ่อแม่ที่เข้มงวด
อีกทั้งความเห็นของพวกคุณด้วย
ตอนนี้ผมคิดอะไรได้เยอะแยะเลย
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มันสายเกินไปไหมที่ผมจะเปลี่ยนเพื่อแก
ส่วนเรื่องแฟนลูก ผมตัดสินใจได้แล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
ผมอยากให้แกเป็นคนบอกผมเอง
ยังไงผมก็จะลองๆถามแกดูเรื่องเพื่อนคนนั้นของแกไปก่อน
เผื่อแกอาจจะเป็นคนเอ่ยปากบอกออกมาเอง
ตั้งแต่แกเกิดมาไม่เคยมีสักครั้งที่ผมตะคอกแกหรือว่าตะหวาดแก
เพราะงั้นผมจะถามอย่างใจเย็นที่สุด
ปล.ผมอ่านครบทุกความเห็นแล้วนะครับ ยังไงก็ขอขอบคุณทุกความเห็นจริงๆที่ช่วยเตือนสติ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 135
ตอนนี้ผมคุยกับลูกแล้วนะครับ
ตอนแรกก็ลองหลอกถามเขาดูเรื่องหอ ว่ายังอยากไปอยู่หรือเปล่า
เค้าก็บอกว่าอยากไป แต่ถ้าผมไม่อยากให้ไปเค้าก็ไม่ไป เค้ากลัวผมเหงา
ผมก็เลยบอกเค้าไปว่าพ่อเหงาๆแน่แต่ว่าพ่อทนได้ คราวนี้หนูไม่ต้องคิดถึงพ่อ
พ่อให้หนูตัดสินใจด้วยความต้องการของหนูเอง ถ้าเกิดว่าพ่อที่นั่งคุยอยู่กับหนูตอนนี้ไม่อยู่แล้ว
หนูอยากทำอะไร หนูบอกพ่อหน่อย
เค้ามองหน้าผมนิ่ง แววตาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก
เค้าดูตะกุกตะกักและลำบากใจมากที่จะพูด
แต่ผมก็บอกว่าให้พูดมาเถอะ พ่อรอฟังหนูอยู่ พ่ออยากรู้ว่าหนูอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร ถ้าพ่อไม่อยู่
เท่านั้นแหละ แกร้องไห้เลยครับ
จากนั้นแกก็ค่อยๆบอกผมว่าแกอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร
แกเริ่มที่เรื่องเรียนก่อนเลย
แกบอกว่าแกไม่อยากเป็นหมอ (ผมเป็นคนขอแกเองเรื่องหมอ)
แกอยากเป็นแอร์โฮสเตส ผมก็ถามว่าทำไมถึงอยากเป็น
แกบอกว่าแกชอบภาษา ชอบสื่อสารกับชาวต่างชาติ (เรื่องนี้ผมไม่เคยรู้เลย ที่ผ่านมาผมคิดว่าแกชอบวิทยาศาสตร์มาตลอด)
แกบอกว่าแกอยากไปหลายๆประเทศ แกชอบทำงานด้านบริการ แกอยากแทคแคร์คนอื่นบ้าง อยากเจอผู้คนมากหน้าหลายตา
ผมฟังไปน้ำตาจะไหล หลายๆเรื่องนี่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ
แกก็พูดไปเรื่อยๆ พูดไปยิ้มไป ผมก็ตั้งใจฟังแกนะ ทุกคำพูดของแกเลย
จนสุดท้ายแกก็บอกกับผมว่า แต่ถึงแกจะไม่ได้ทำมันแกก็ไม่เป็นไร เพราะแกตัดสินใจแล้ว
ว่าจะเป็นหมอเพื่อผม แกบอกว่าแกไม่ได้เกลียดที่แกเรียนหมอ มันดีกับตัวแกด้วยซ้ำ แล้วแกก็พูดขอบคุณผม
ตอนนั้นผมก็เห็นว่าแกเริ่มเปิดใจกับผมแล้ว ผมก็เลยถามแกไปว่า
ลูก ถ้าวันนึงพ่อไม่เป็นพ่อที่ดีอย่างที่แล้วมา ถ้าเกิดพ่อกลายเป็นสิ่งผิดแปลกไปจากเดิม หนูจะยังมองพ่อเป็นฮีโร่ของหนูอยู่หรือเปล่า
ผมคิดว่าคำถามนี้ของผม มันคงทำให้เค้ารู้สึกตัวแล้วล่ะครับ ว่าผมรู้แล้วว่าเค้าเป็นอะไร
เค้าบอกกับผมเหมือนอย่างที่ความเห็นนึงกล่าวไว้เลย .. "ความสุขของพ่อก็คือความสุขของหนู"
แล้วจากนั้น เค้าก็เปิดใจเรื่องนี้กับผม
เค้าก็บอกกับผมว่า เค้ากับเพื่อนคนนี้คบกันมาได้นานเท่าไหร่แล้ว
รู้จักกันได้ยังไง ที่ไหน
แล้วเค้าก็ถามผมว่าผมเกลียดเค้าไหม๊ที่เค้าเป็นแบบนี้
ผมก็บอกว่าพ่อไม่เกลียดหนู พ่อพร้อมจะ(พยายาม)เข้าใจหนูเสมอ
และเค้าก็ถามผมว่า ผมรู้ได้ไง อย่างที่หลายๆคนบอกว่าอย่าไปบอกเค้า
ว่ารู้เพราะแอบดูแชทลับ ผมก็เลยโกหกไปว่า ผมสังเกตมานานแล้ว
สรุปตอนนี้เราสองคนพ่อลูกก็เข้าใจตรงกันแล้วครับ
ตอนนี้ผมก็บอกให้เค้าพาเพื่อนคนนั้นของเค้ามาให้ผมรู้จัก เห็นหน้าค่าตาหน่อย
ส่วนเรื่องไปอยู่หอ สุดท้ายแล้วเรื่องหอเค้าก็ตัดสินใจได้เองว่าเค้าไม่ไปแล้ว
เค้าไม่อยากห่างพ่อ อันนี้คือความต้องการของเค้าเอง
แล้วผมก็บอกกับเค้าไปว่าเค้าจะเอาเพื่อนคนนี้มาค้างหรือว่าเล่นกันที่บ้านเราก็ได้ มาเมื่อไหร่ก็ได้
อยู่กัน 2 คนพ่อลูกเหงาจะตายไป ...
จากเหตุการณ์นี้มันทำให้ผมรู้แล้ว
ว่าผมและลูกนั้นเป็นพ่อลูกที่สนิทกันแค่เปลือกนอกเท่านั้น
แท้ที่จริงแล้วเราสองคนไม่เคยรู้จักกันเลย
มันคงไม่สายเกินไปนะครับ ถ้าเราสองคนพ่อลูกจะมาทำความรู้จักกันตอนนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสิ่งที่ผมคิดว่าดีที่สุด มันจะทำร้ายแก
ทุกเรื่องที่ผมทำ ผมไม่เคยถามใครหรือแม้แต่ถามแก
ผมถามแต่ตัวผมเอง
บางทีการที่ผมเป็นผู้ให้มันคงทำให้ผมมีความสุขมากเกินไป
จนลืมถามความรู้สึกของผู้รับว่าต้องการมันหรือเปล่า
เพราะงั้นจากนี้ไปผมจะถาม
ผมจะพยายามเอาความรู้สึกของแกมาก่อนความรู้สึกของผม
ผมยอมรับว่าผมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองที่เป็นแบบนี้มาตลอด 19 ปี ได้ภายในเวลา 1-2 วัน
ผมคงหักดิบแก ปล่อยแก ให้อิสระกับแก ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอกในทันทีเลยไม่ได้
แต่ผมจะพยายามปรับไปเรื่อยๆ
ในฐานะพ่อคนนึงผมขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ
สำหรับความเห็นของคุณแม่และคุณพ่อรวมไปถึงคุณลูกทั้งหลายที่เข้ามาแนะนำและเตือนสติผมในกระทู้นี้
ขอบคุณจริงๆครับ
ตอนแรกก็ลองหลอกถามเขาดูเรื่องหอ ว่ายังอยากไปอยู่หรือเปล่า
เค้าก็บอกว่าอยากไป แต่ถ้าผมไม่อยากให้ไปเค้าก็ไม่ไป เค้ากลัวผมเหงา
ผมก็เลยบอกเค้าไปว่าพ่อเหงาๆแน่แต่ว่าพ่อทนได้ คราวนี้หนูไม่ต้องคิดถึงพ่อ
พ่อให้หนูตัดสินใจด้วยความต้องการของหนูเอง ถ้าเกิดว่าพ่อที่นั่งคุยอยู่กับหนูตอนนี้ไม่อยู่แล้ว
หนูอยากทำอะไร หนูบอกพ่อหน่อย
เค้ามองหน้าผมนิ่ง แววตาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก
เค้าดูตะกุกตะกักและลำบากใจมากที่จะพูด
แต่ผมก็บอกว่าให้พูดมาเถอะ พ่อรอฟังหนูอยู่ พ่ออยากรู้ว่าหนูอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร ถ้าพ่อไม่อยู่
เท่านั้นแหละ แกร้องไห้เลยครับ
จากนั้นแกก็ค่อยๆบอกผมว่าแกอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร
แกเริ่มที่เรื่องเรียนก่อนเลย
แกบอกว่าแกไม่อยากเป็นหมอ (ผมเป็นคนขอแกเองเรื่องหมอ)
แกอยากเป็นแอร์โฮสเตส ผมก็ถามว่าทำไมถึงอยากเป็น
แกบอกว่าแกชอบภาษา ชอบสื่อสารกับชาวต่างชาติ (เรื่องนี้ผมไม่เคยรู้เลย ที่ผ่านมาผมคิดว่าแกชอบวิทยาศาสตร์มาตลอด)
แกบอกว่าแกอยากไปหลายๆประเทศ แกชอบทำงานด้านบริการ แกอยากแทคแคร์คนอื่นบ้าง อยากเจอผู้คนมากหน้าหลายตา
ผมฟังไปน้ำตาจะไหล หลายๆเรื่องนี่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ
แกก็พูดไปเรื่อยๆ พูดไปยิ้มไป ผมก็ตั้งใจฟังแกนะ ทุกคำพูดของแกเลย
จนสุดท้ายแกก็บอกกับผมว่า แต่ถึงแกจะไม่ได้ทำมันแกก็ไม่เป็นไร เพราะแกตัดสินใจแล้ว
ว่าจะเป็นหมอเพื่อผม แกบอกว่าแกไม่ได้เกลียดที่แกเรียนหมอ มันดีกับตัวแกด้วยซ้ำ แล้วแกก็พูดขอบคุณผม
ตอนนั้นผมก็เห็นว่าแกเริ่มเปิดใจกับผมแล้ว ผมก็เลยถามแกไปว่า
ลูก ถ้าวันนึงพ่อไม่เป็นพ่อที่ดีอย่างที่แล้วมา ถ้าเกิดพ่อกลายเป็นสิ่งผิดแปลกไปจากเดิม หนูจะยังมองพ่อเป็นฮีโร่ของหนูอยู่หรือเปล่า
ผมคิดว่าคำถามนี้ของผม มันคงทำให้เค้ารู้สึกตัวแล้วล่ะครับ ว่าผมรู้แล้วว่าเค้าเป็นอะไร
เค้าบอกกับผมเหมือนอย่างที่ความเห็นนึงกล่าวไว้เลย .. "ความสุขของพ่อก็คือความสุขของหนู"
แล้วจากนั้น เค้าก็เปิดใจเรื่องนี้กับผม
เค้าก็บอกกับผมว่า เค้ากับเพื่อนคนนี้คบกันมาได้นานเท่าไหร่แล้ว
รู้จักกันได้ยังไง ที่ไหน
แล้วเค้าก็ถามผมว่าผมเกลียดเค้าไหม๊ที่เค้าเป็นแบบนี้
ผมก็บอกว่าพ่อไม่เกลียดหนู พ่อพร้อมจะ(พยายาม)เข้าใจหนูเสมอ
และเค้าก็ถามผมว่า ผมรู้ได้ไง อย่างที่หลายๆคนบอกว่าอย่าไปบอกเค้า
ว่ารู้เพราะแอบดูแชทลับ ผมก็เลยโกหกไปว่า ผมสังเกตมานานแล้ว
สรุปตอนนี้เราสองคนพ่อลูกก็เข้าใจตรงกันแล้วครับ
ตอนนี้ผมก็บอกให้เค้าพาเพื่อนคนนั้นของเค้ามาให้ผมรู้จัก เห็นหน้าค่าตาหน่อย
ส่วนเรื่องไปอยู่หอ สุดท้ายแล้วเรื่องหอเค้าก็ตัดสินใจได้เองว่าเค้าไม่ไปแล้ว
เค้าไม่อยากห่างพ่อ อันนี้คือความต้องการของเค้าเอง
แล้วผมก็บอกกับเค้าไปว่าเค้าจะเอาเพื่อนคนนี้มาค้างหรือว่าเล่นกันที่บ้านเราก็ได้ มาเมื่อไหร่ก็ได้
อยู่กัน 2 คนพ่อลูกเหงาจะตายไป ...
จากเหตุการณ์นี้มันทำให้ผมรู้แล้ว
ว่าผมและลูกนั้นเป็นพ่อลูกที่สนิทกันแค่เปลือกนอกเท่านั้น
แท้ที่จริงแล้วเราสองคนไม่เคยรู้จักกันเลย
มันคงไม่สายเกินไปนะครับ ถ้าเราสองคนพ่อลูกจะมาทำความรู้จักกันตอนนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสิ่งที่ผมคิดว่าดีที่สุด มันจะทำร้ายแก
ทุกเรื่องที่ผมทำ ผมไม่เคยถามใครหรือแม้แต่ถามแก
ผมถามแต่ตัวผมเอง
บางทีการที่ผมเป็นผู้ให้มันคงทำให้ผมมีความสุขมากเกินไป
จนลืมถามความรู้สึกของผู้รับว่าต้องการมันหรือเปล่า
เพราะงั้นจากนี้ไปผมจะถาม
ผมจะพยายามเอาความรู้สึกของแกมาก่อนความรู้สึกของผม
ผมยอมรับว่าผมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองที่เป็นแบบนี้มาตลอด 19 ปี ได้ภายในเวลา 1-2 วัน
ผมคงหักดิบแก ปล่อยแก ให้อิสระกับแก ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอกในทันทีเลยไม่ได้
แต่ผมจะพยายามปรับไปเรื่อยๆ
ในฐานะพ่อคนนึงผมขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ
สำหรับความเห็นของคุณแม่และคุณพ่อรวมไปถึงคุณลูกทั้งหลายที่เข้ามาแนะนำและเตือนสติผมในกระทู้นี้
ขอบคุณจริงๆครับ
ความคิดเห็นที่ 10
อ่านเรื่องของ จขกท.จนหมดเกือบทุกตัวอักษร
บรรยายได้ละเอียดมาก เห็นภาพ
แต่ที่สัมผัสได้คือ ทั้งหมดทั้งมวลคือตัว จขกท. เท่านั้น
ความคิดทั้งหลายคือ คุณคิดฝ่ายเดียว
พอลูกสาวจะคิด คุณก็มีคำถาม..แล้ว..แล้ว... แล้ว.... แล้ว...
กลับกัน คุณลองไปยืนทางฝั่งลูกดูบ้างสิ
แน่นอนคุณจะมองภาพว่า ก็ดีแล้วนี่ มีพ่ออย่างนี้ ดีจะตาย
แต่คุณกับลูกสาวคละคนกันค่ะ ไม่เหมือนกันแน่นอน
ไม่ใช่ว่าคุณผิด หรือคุณถูก
หรือว่าลูกสาวคุณเลือกแบบนั้น มันถูกหรือมันผิด
ทุกคนมีเหตุผล มีที่มา ที่ไป เลือกที่จะเป็น เลือกที่จะทำ
เค้าไม่ได้ทำผิดอะไรนี่นา แค่เลือกที่จะใช้ชีวิตของเค้าเอง
คุณเองต่างหากที่คิดแทนไปตั้งแยะ เดี๊ยวหมดสาว เดี๊ยวหมดสวย เดี๊ยวไม่เจอผู้ชายดีๆ เดี๊ยวไม่มีหลานให้อุ้ม เดี๊ยวแก่ไปลำบาก
คุณคิดแทนทั้งนั้นนี่คะ
บรรยายได้ละเอียดมาก เห็นภาพ
แต่ที่สัมผัสได้คือ ทั้งหมดทั้งมวลคือตัว จขกท. เท่านั้น
ความคิดทั้งหลายคือ คุณคิดฝ่ายเดียว
พอลูกสาวจะคิด คุณก็มีคำถาม..แล้ว..แล้ว... แล้ว.... แล้ว...
กลับกัน คุณลองไปยืนทางฝั่งลูกดูบ้างสิ
แน่นอนคุณจะมองภาพว่า ก็ดีแล้วนี่ มีพ่ออย่างนี้ ดีจะตาย
แต่คุณกับลูกสาวคละคนกันค่ะ ไม่เหมือนกันแน่นอน
ไม่ใช่ว่าคุณผิด หรือคุณถูก
หรือว่าลูกสาวคุณเลือกแบบนั้น มันถูกหรือมันผิด
ทุกคนมีเหตุผล มีที่มา ที่ไป เลือกที่จะเป็น เลือกที่จะทำ
เค้าไม่ได้ทำผิดอะไรนี่นา แค่เลือกที่จะใช้ชีวิตของเค้าเอง
คุณเองต่างหากที่คิดแทนไปตั้งแยะ เดี๊ยวหมดสาว เดี๊ยวหมดสวย เดี๊ยวไม่เจอผู้ชายดีๆ เดี๊ยวไม่มีหลานให้อุ้ม เดี๊ยวแก่ไปลำบาก
คุณคิดแทนทั้งนั้นนี่คะ
ความคิดเห็นที่ 13
ถ้าเราเป็นลูกคุณ เราคงรู้สึกกดดันมากอ่ะ
คุณเล่นเอาความหวังของคุณมากฝากไว้ที่เราหมด
ถ้าเลือกได้พวกเราก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอก
เราเป็นพี่ลูกคุณไม่กี่ปี แล้วก็มีพ่อแม่ที่รับไม่ได้เรื่องเพศที่สาม แต่คุณเชื่อปะว่าเรารู้สึกดีที่ได้เป็นตัวของตัวเอง มากกว่าจะแกล้งเป็นเหมือนคนปกติที่คุณคาดหวังให้เราเป็น
ตอนลูกคุณเกิด คุณคาดหวังรึป่าวว่าเค้าต้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เราว่าคุณรับได้หมดหละจะชายหรือหญิง เพศไหนก็ได้ขอแค่ลูกคุณครบ32ก็พอ คุณเคยคิดแบบนี้รึป่าว ถ้าคุณเคยคิด มันก็แสดงว่า ตอนที่คุณยังไม่เริ่มตั้งความหวังต่างๆในตัวลูก คุณแค่ขอให้เค้าปลอดภัยก็พอ
เราก็ไม่รู้นะว่ามันเป็นเพราะฮอร์โมนหรืออะไร
เรารู้แค่ว่าเราชอบแบบนี้มากกว่า อนาคตมันอาจเปลี่ยนก็ได้ ใครจะรู้ แต่คุณเชื่อเถอะว่าพวกเราอยู่ได้ แล้วก็จะอยู่อย่างมีความสุขด้วย เพราะอย่างน้อยที่สุดเราก็ได้เลือกเอง ครั้งนึงในชีวิตเราได้เป็นสิ่งที่เราอยากเป็น มันจะเป็นประสบการณ์ชีวิตอีกบทนึงนะ
คุณว่าเพศเดียวกันคบกันไม่ยืด เราเข้าใจคุณนะ
แต่ก็มีตัวอย่างคู่ชายหญิงปกติเยอะแยะที่แต่งแล้วก็ได้หย่า เราเลยคิดว่าคนเราจะอยู่ด้วยกันยืดเรื่องเพศมันไม่ใช่ปัจจัยหลักหรอก
สุดท้ายละ เราไปอ่านเจอมาในเพจหมอตุ๊ด
มันช่วยเตือนใจให้คิดว่าคุณมีลูกเพื่ออะไร
มีเพื่อให้คุณได้รักและเค้าก็รักคุณรึป่าว รักแบบไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าคุณจะผิดรึถูก คุณจะทำตัวแย่แค่ไหน คุณจะแก่หน้าจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม ความรักนั้นก็ยังอยู่รึป่าว
หรือว่าคุณมีลูกเพื่อไว้คาดหวังสิ่งต่างๆ มีเพื่อไว้สร้างความภาคภูมิใจ??
คุณเล่นเอาความหวังของคุณมากฝากไว้ที่เราหมด
ถ้าเลือกได้พวกเราก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอก
เราเป็นพี่ลูกคุณไม่กี่ปี แล้วก็มีพ่อแม่ที่รับไม่ได้เรื่องเพศที่สาม แต่คุณเชื่อปะว่าเรารู้สึกดีที่ได้เป็นตัวของตัวเอง มากกว่าจะแกล้งเป็นเหมือนคนปกติที่คุณคาดหวังให้เราเป็น
ตอนลูกคุณเกิด คุณคาดหวังรึป่าวว่าเค้าต้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เราว่าคุณรับได้หมดหละจะชายหรือหญิง เพศไหนก็ได้ขอแค่ลูกคุณครบ32ก็พอ คุณเคยคิดแบบนี้รึป่าว ถ้าคุณเคยคิด มันก็แสดงว่า ตอนที่คุณยังไม่เริ่มตั้งความหวังต่างๆในตัวลูก คุณแค่ขอให้เค้าปลอดภัยก็พอ
เราก็ไม่รู้นะว่ามันเป็นเพราะฮอร์โมนหรืออะไร
เรารู้แค่ว่าเราชอบแบบนี้มากกว่า อนาคตมันอาจเปลี่ยนก็ได้ ใครจะรู้ แต่คุณเชื่อเถอะว่าพวกเราอยู่ได้ แล้วก็จะอยู่อย่างมีความสุขด้วย เพราะอย่างน้อยที่สุดเราก็ได้เลือกเอง ครั้งนึงในชีวิตเราได้เป็นสิ่งที่เราอยากเป็น มันจะเป็นประสบการณ์ชีวิตอีกบทนึงนะ
คุณว่าเพศเดียวกันคบกันไม่ยืด เราเข้าใจคุณนะ
แต่ก็มีตัวอย่างคู่ชายหญิงปกติเยอะแยะที่แต่งแล้วก็ได้หย่า เราเลยคิดว่าคนเราจะอยู่ด้วยกันยืดเรื่องเพศมันไม่ใช่ปัจจัยหลักหรอก
สุดท้ายละ เราไปอ่านเจอมาในเพจหมอตุ๊ด
มันช่วยเตือนใจให้คิดว่าคุณมีลูกเพื่ออะไร
มีเพื่อให้คุณได้รักและเค้าก็รักคุณรึป่าว รักแบบไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าคุณจะผิดรึถูก คุณจะทำตัวแย่แค่ไหน คุณจะแก่หน้าจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม ความรักนั้นก็ยังอยู่รึป่าว
หรือว่าคุณมีลูกเพื่อไว้คาดหวังสิ่งต่างๆ มีเพื่อไว้สร้างความภาคภูมิใจ??
ความคิดเห็นที่ 2
คุณพ่อครับ ถึงจะเป็นเลสเบี้ยนก็ไม่ได้แปลว่าชีวิตจะลำบาก ไม่มีความสุข ไม่เจอรักแท้นะครับ ชายจริงหญิงแท้หลายคนก็ไปไม่รอดได้เหมือนกัน เรื่องการใช้ชีวิต คุณพ่อควรจะต้องลองปล่อยๆเค้าบ้างนะครับ สอนเค้า อย่างเรื่องมีแฟน ก็ต้องสอนเรื่องการปฏิบัติตัว คุณพ่อเองก็ไม่สามารถอยู่กับลูกไปได้ตลอดชีวิตใช่มั้ยครับ สิ่งที่ควรจะทำคือ อบรมสั่งสอนให้เขามีความสุขในแบบที่เขาเป็น และสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองแม้วันที่คุณพ่อไม่อยู่กับเขาแล้วครับ
ความคิดเห็นที่ 11
คุณพ่อครับ
ผมได้อ่านเรื่องของคุณพ่อแล้ว
ผมรู้สึกทันทีเลยว่า
คุณพ่อคงเป็นนักเขียนนิยายสมัครเล่น
ที่เขียนอะไรมากมาย ภาษาสละสลวย
มีใจความเพียงนิดเดียว
คือลูกสาวคุณพ่อชอบเพศเดียวกัน
ผมจึงขออนุญาตคุณพ่อ
จบความคิดเห็นนี้แต่เพียงเท่านี้ครับ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
คราวหน้า คุณพ่อ
จะเขียนให้รวบรัดกว่านี้ครับ
ผมได้อ่านเรื่องของคุณพ่อแล้ว
ผมรู้สึกทันทีเลยว่า
คุณพ่อคงเป็นนักเขียนนิยายสมัครเล่น
ที่เขียนอะไรมากมาย ภาษาสละสลวย
มีใจความเพียงนิดเดียว
คือลูกสาวคุณพ่อชอบเพศเดียวกัน
ผมจึงขออนุญาตคุณพ่อ
จบความคิดเห็นนี้แต่เพียงเท่านี้ครับ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
คราวหน้า คุณพ่อ
จะเขียนให้รวบรัดกว่านี้ครับ
แสดงความคิดเห็น
เมื่อ Single Dad อย่างผม รู้ความจริงที่อยู่เบื้องหลังความสมบูรณ์แบบของลูกสาวเพียงคนเดียว
ก่อนเข้าเรื่องที่ผมอยากถาม ผมอยากให้ทุกคนอ่านเรื่องราวของผมกับลูกก่อน
อ่านแล้วช่วยตอบผมทีว่าที่เค้ากลายเป็นแบบนี้เพราะผมหรือเปล่า
ปัจจุบัน ผมเป็นคุณพ่ออายุ 43 ปี อาศัยอยู่กับลูกสาวอายุ 19 ปี เพียงลำพังแค่ 2 คนพ่อลูก
เนื่องด้วยตัวผมเองนั้นเป็น single dad ตั้งแต่ผมยังหนุ่ม
ผมเสียภรรยาไปตั้งแต่ลูกสาวอายุได้ประมาณ 3 ขวบ
นับตั้งแต่นั้นมา ผมเลี้ยงเค้ามาตามลำพังด้วยน้ำพักน้ำแรงของผมเพียงคนเดียวมาโดยตลอด
โดยพื้นฐานของผม ผมค่อนข้างมีฐานะอยู่พอสมควรและด้วยหน้าที่การงาน
มันเลยทำให้ผมเลี้ยงเค้ามาแบบที่ไม่ได้ปากกัดตีนถีบอะไรมากมาย
แต่ถึงแม้ว่าชีวิตของเค้าจะมีครบทุกอย่าง อย่างที่เด็กคนนึงควรจะได้รับ
แต่ยังไงสิ่งที่แกควรจะมีที่สุดก็คือแม่ แต่ผมทำให้แกไม่ได้
ผมว่าแกน่าสงสารที่แกขาดแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก
ผมจึงพยายามเติมเต็มไอส่วนที่ขาดหายไป ผมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้แกรู้สึกว่าขาด
จนมีบางทีที่ผมรู้สึกว่าจะดีกว่านี้ไหม ถ้าผมหาภรรยาใหม่สักคน มาเป็นแม่ให้แก
แต่นั่นเป็นเพียงความคิดชั่ววูบของผมเท่านั้น ผมเป็นคนที่คิดมากและคิดไกล
ผมคิดไปถึงผลที่จะตามมาภายหลังเมื่อผมมีภรรยาใหม่
ภรรยาใหม่ของผมจะรักลูกสาวผม อย่างที่ผมรักหรือเปล่า
แล้วลูกสาวผมเค้าจะรู้สึกยังไง ถ้าพ่อเค้าเอาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาเป็นแม่เค้า
พอผมคิดได้แบบนั้น ผมเลยหยุดความคิดที่จะหาแม่ใหม่มาให้แกทันที
ผมตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างและเลี้ยงดูเค้าให้ดีที่สุดด้วยตัวผมเอง
ตอนที่ภรรยาผมมีชีวิตอยู่ ผมกับภรรยาเรารักกันมาก เราวางแผนอนาคต
และอะไรหลายๆอย่างไว้ให้ลูกของเรา แต่เมื่อผมเสียเธอไป
ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เธอทิ้งไว้ให้ก็เปรียบเสมือนสิ่งที่มีค่าที่สุดเพียงสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ของผม
มันจึงทำให้ผมรักเค้ามากโดยที่ผมไม่รู้ตัว จนกระทั่งบางทีตัวผมเองก็รู้สึกว่ามันมากเกินไป
ผมให้ทุกอย่างที่ผมมีกับเค้า ผมเลี้ยงดูฟูมฟักเค้าอย่างกับไข่ในหิน
ผมวางแผนอนาคตและคาดหวังในตัวเค้า ผมดูแลเอาใจใส่เค้าเป็นอย่างดี
ผมไม่เคยปล่อยให้เค้าคลาดสายตา หรือว่าไปไหนมาไหนคนเดียว
ผมยังคงไปรับไปส่งลูกสาวตลอดเวลาตั้งแต่เค้าเริ่มเเข้าอนุบาลจนถึง ม.ปลาย
จะไปไหนมาไหนเราสองคนพ่อลูกมักจะไปด้วยกันเสมอ ถ้าผมว่าง
เค้าอยากได้อะไรผมก็หามาให้เค้าทุกอย่าง อย่างที่พ่อคนนึงจะทำให้ลูกได้
ผมพูดกับเค้าเสมอว่าพ่อเหลือหนูคนเดียวนะ หนูเป็นดวงใจของพ่อ พ่อทำทุกอย่างก็เพื่อหนู
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมมักจะถามเค้าตลอดว่าอึดอัดไหมที่พ่อรักหนูมากขนาดนี้
เค้าก็บอกกับผมเหมือนเดิมทุกครั้งว่าไม่อึดอัด เค้าดีใจที่ผมรักเค้าเอาใจใส่เค้าขนาดนี้
เค้ารู้ว่าผมเหนื่อยแค่ไหนที่ผมต้องเลี้ยงดูเค้ามาเพียงคนเดียว
เค้าดีใจที่ได้เกิดเป็นลูกผม ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่มีแม่เค้าก็มีความสุข
ทุกครั้งที่ผมแสดงความเป็นห่วงเกินไป จนมันน่ารำคาญซึ่งผมก็รู้ตัว
แต่ว่าลูกของผมเค้าก็ไม่เคยแสดงท่าทีรำคาญผมเลยสักครั้ง
ถึงแม้ว่าชีวิตของผมมันจะโชคร้ายมากที่ผมเสียภรรยาไป
แต่ในความโชคร้ายมันก็ยังมีความโชคดีอยู่เพราะลูกสาวของผมคนนี้
ไม่ว่าจะหน้าตา ผลการเรียน รวมไปถึงความประพฤติต่างๆของเค้า
เค้าไม่เคยทำตัวเสื่อมเสียหรือว่าทำอะไรที่มันไม่ดีให้ผมเสียใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เรื่องแฟนนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหรือแม้กระทั่งเพื่อนเค้าผมยังไม่เคยเห็นเลยแม้แต่คนเดียว
ตั้งแต่แรกๆที่ผมเสียภรรยาไป ผมก็ตัดสินใจไว้แล้ว
ว่าผมจะเลี้ยงดูเค้าและให้ทุกอย่างกับเค้าเท่าที่พ่อคนนึงจะให้ได้
ผมอยากเห็นเค้าเดินไปในเส้นทางที่ดีที่สุดที่ถูกต้องที่สุด
ผมอยากเห็นเค้ามีหน้าที่การงานที่ดี มีสามีที่ดี มีลูก มีครอบครัวที่อบอุ่น
เพราะงั้นตอนนี้สิ่งที่ผมพอจะทำให้เค้าได้ก็คือส่งเค้าไปให้ถึง
อยู่ข้างๆเค้า คอยสนับสนุนเค้าเป็นแรงผลักดันให้เค้า ในทุกๆเรื่อง
ตั้งแต่เล็กจนโตเค้าอยู่ในกรอบและอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ผมกำหนดไว้ให้ตลอดมา
ตอนเค้าเข้าเรียนชั้นประถม โรงเรียนไหนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะส่งได้ ผมส่งเค้าไปเรียน
หรือว่าตอนเค้าจะเข้ามัธยม ผมอยากให้เค้าสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลของที่นี่ เค้าก็ทำให้ผม
หรือแม้กระทั่งตอนที่เค้าเข้ามหาลัย เค้าก็สามารถสอบเข้ามหาลัยที่ดีที่สุดของประเทศให้ผมได้
ผมสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าผมดีใจที่มีเค้าเป็นลูกสาว
ผมภูมิใจทุกครั้งเวลาที่ต้องบอกกับคนอื่นว่า เด็กคนนี้เป็นลูกสาวผม
แต่ว่าอย่างที่คำโบราณเขาบอก ลูกน่ะเลี้ยงได้แต่ตัวเท่านั้น
วันหนึ่งเมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาต้องอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง
เมื่อตอนที่เค้าอยู่มหาลัย ปี2 ผมแทบไปไม่เป็น
เมื่อลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของผมเอ่ยปากขอออกไปอยู่หอข้างนอกเพียงลำพัง
ผมแปลกใจมากที่เค้ามีความคิดแบบนี้
ตั้งแต่เล็กจนโตเราสองคนพ่อลูกอยู่ด้วยกันไม่เคยห่างไปไหน
เค้าไม่เคยเอ่ยปากขอไปนอนบ้านคนอื่นหรือไปไหนมาไหนโดยไม่มีผม
นอกซะจากเวลาไปมหาลัย นอกนั้นจะดูหนังหรือช๊อปปิ้ง
ก็มีผมนี่แหละที่เปรียบเสมือนเพื่อนที่ไปกับเค้า ทุกครั้งและทุกที่
เค้าก็ดูมีความสุขและสนุกดีที่ไปกับผม เค้าบอกกับผมตลอดว่าไปกับผมแล้วรู้สึกปลอดภัย อุ่นใจดี
เพราะเค้าเป็นลูกสาวที่ติดพ่อมาก ผมเลยยิ่งแปลกใจที่จู่ๆเขาขอออกไปอยู่ข้างนอก
ผมพยายามถามเหตุผลว่าทำไมถึงอยากออกไป เค้าก็บอกว่าเค้าอยากลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองดู
ผมถามกลับไปทันทีว่าหนูจะอยู่ได้หรือไง จะกินจะอยู่ยังไง
เค้าก็บอกผมว่าเค้าอยู่ได้ ลองปล่อยเค้าไป ถ้าอยู่ไม่ได้แล้วเค้าจะกลับมาเอง
เค้าอยากลองดู อยากทำอาหารกินเอง ซักผ้าเอง รีดผ้าเอง ทำความสะอาด เก็บกวาดห้องเอง
อยากจะไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง อยากลองทำงานพาร์ทไทม์ดูสักครั้ง
เค้าไม่อยากที่จะต้องให้ผมเป็นคนทำให้เค้าทุกอย่างแบบนี้ไปตลอด เค้าบอกผมแบบนั้น
ฟังดูมันลำบากมากสำหรับลูกสาวของผมที่ไม่เคยได้หยิบจับอะไรสักอย่างมาตั้งแต่เด็ก
ผมพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้เค้าล้มเลิกความคิด ผมเป็นห่วงเค้า ไม่อยากให้เค้าไปอยู่ไกลหูไกลตา
ลูกสาวผมเค้าเป็นคนหัวอ่อนใจดี พอเค้าเห็นว่าผมเริ่มแย่เริ่มตัดพ้อน้อยใจ
เค้ายิ้มแล้วก็ถอนหายใจออกมา บอกว่า ไม่ไปแล้วก็ได้
สุดท้ายแล้วเรื่องที่เค้าจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกก็เป็นอันยกเลิกไป
เราสองคนพ่อลูกก็อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม
แต่ว่าไอเรื่องที่เค้าเอ่ยปากขอไปอยู่ที่อื่นนั้น มันคาใจผมมาตลอด
จนวันนึงผมก็ได้รู้ความจริงว่าเพราะอะไร เค้าถึงได้ขอแบบนั้น
วันนั้นมันเป็นวันหยุดงานของผม แล้วโดยปกติวันหยุด
ผมก็จะนั่งอ่านข่าวผ่านเน็ตอยู่บ้านหรือว่าดูหนังโดยใช้โน๊ตบุ๊คของผม
แต่ว่าไม่รู้ว่าเพราะผมแก่แล้วหรือเปล่า ผมดันลืมโน๊ตบุ๊คของผมไว้ที่ทำงาน
ในตอนนั้นผมจึงเข้าไปในห้องลูกสาวผม เพราะจะยืมโน๊ตบุ๊คเค้ามาใช้หน่อย
ผมก็เปิดมันออกมาดูไม่ได้คิดว่าจะเจอกับความจริงที่ทำให้ผมแทบช็อค
ผมเปิดออกมาปุ๊บผมเข้าเว็บอ่านข่าวทันทีแบบที่ไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงข้อความเข้า มีแถบข้อความขึ้นมาทางขวามือ
ผมเหลือบไปดูก็ต้องผมกับข้อความที่ทำให้ผมโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
" คิดถึงจัง อยากกอด อยากจูบ อยากจับนม อยากเย... "
ตอนนั้นพอเห็นข้อความแบบนนั้นตามประสาคนเป็นพ่อ มือไม้ผมนี่สั่นไปด้วยความโกรธ
ผมถือวิสาสะเสียมารยาทกดเข้าไปดูข้างใน ผมอยากเห็นหน้าเหลือเกิน
ไอผู้ชายหน้าไหนที่มันมายุ่งกับลูกสาวผม
พอผมกดเข้าไปดูรูป ผมก็ได้พบกับความจริงที่ทำให้ผมแทบช๊อกตาย
เพราะคนในรูปเค้าเป็นผู้หญิง
ตอนนั้นผมนี่พูดอะไรไม่ออก จะโกรธดีไหมก็ไม่รู้ ไม่รู้จะต้องรู้สึกยังไงก่อนดี
ตอนนั้นมันทั้ง อึ้ง ทึ่ง สยอง ผมกดเลื่อนขึ้นไปดูข้อความก่อนหน้า
ผมนั่งไล่อ่านไปเรื่อยๆ ผมอยากรู้ว่าลูกผมมันเป็นอะไรกันแน่
ผมอ่านทุกข้อความทุกตัวอักษร เค้าคุยกัน ลามกและล่อแหลมมาก
มีแต่เรื่องอย่างว่าทั้งนั้น ตอนนั้นผมนี่กุมขมับ นี่ลูกสาวผมเป็นเลสเบี้ยนหรอเนี่ย
ผมไม่เคยคิดเลยว่าลูกสาวที่ดูเรียบร้อยเชื่อฟังผมขนาดนั้นพออยู่ลับหลังพ่อจะเป็นแบบนี้
ผมก็อ่านไปเรื่อยๆ ผมก็รู้ละว่าทำไมลูกผมเค้าถึงอยากออกไปอยู่ข้างนอก
เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนชวนให้ออกไป และเค้าก็ชักนำลูกผมอีกหลายๆเรื่อง
ตอนนั้นผมก็อ่านไปเรื่อยๆ แล้วผมก็เจอกับข้อความนึง ผมแทบร้องไห้พออ่านข้อความนั้น
ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า
นี่ก็คบกันมาปีกว่าแล้ว บอกคนอื่นก็ไม่ได้ อึดอัดนะ
ลูกสาวผมก็บอกไปว่า
เราไม่แคร์หรอกว่าคนอื่นจะคิดยังไง เราแคร์แค่พ่อเรา
แกก็รู้ว่าพ่อเราเป็นคนยังไง ถ้าบอกไปพ่อเค้ารับไม่ได้แน่ๆ
ถ้าเค้ารู้ เค้าต้องโกรธเราหรืออาจจะเกลียดเราไปเลยก็ได้
พอผมอ่านถึงตรงนี้ ผมก็ปิดทันที ไม่อ่านต่อ
ผมมานั่งครุ่นคิดถามตัวเองดูว่าถ้าวันนึง
ลูกสาวผมเดินมาบอกกับผมว่า
พ่อหนูชอบผู้หญิง
ผมจะโกรธจะเกลียดเค้าไหม
คำตอบของผมคือ ผมไม่โกรธ ไม่เกลียดเค้า
แต่ถามว่าผมรับได้ไหม ผมรับไม่ได้
ถ้านี่เป็นแค่การหลงทางแค่ชั่วคราวของเค้าผมก็จะดึงเค้ากลับมา
เดินในทางที่ถูกต้องเหมือนเดิม เหมือนอย่างที่เค้าเป็นมาตลอด
ไม่ใชว่าผมเกลียดพวกลักเพศนะ ถ้าเป็นลูกคนอื่นจะเป็นอะไรก็เป็นไป
แต่นี่ลูกผม ผมไม่อยากให้เค้าเป็นแบบนี้ ใครไม่มาเป็นผมไม่รู้หรอกว่ารู้สึกยังไง
ผมคาดหวังในตัวลูกคนนี้มาก ผมเป็นห่วงเค้า ผมเลี้ยงดูเค้ามาด้วยมือของผมเอง
แล้วถ้าวันนึงเค้ากลับกลายเป็นแบบนั้น ชีวิตเค้ามันจะเป็นยังไงต่อไป
วันนี้เค้าอาจมีความสุขแต่ในวันข้างหน้าล่ะ จะมีความสุขหรือเปล่า
ผู้หญิงกับผู้หญิง มันจะไปกันรอดจริงๆน่ะหรอ
ผมแทบไม่เคยเห็นเลยจริงๆ
ท้ายที่สุดโลกนี้มันก็สร้างผู้หญิงให้มาคู่กับผู้ชายอยู่ดี
แล้วนี่ลูกผมต้องเสียเวลากับผู้หญิงคนแล้วคนเล่าอีกสักกี่คน
ลูกผมถึงจะรู้สึกตัว แล้วกว่าลูกผมจะรู้สึกตัว อายุจะปาไปเท่าไหร่แล้ว
ถึงตอนนั้นโอกาสที่จะได้เจอผู้ชายดีๆมันก็ยิ่งมีน้อยลงไปกว่าเดิม
พอหมดความสาว หมดความสวย โอกาสดีๆก็หมดไปเหมือนกัน
สิ่งที่ผมเฝ้าทำเพื่อเธอมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็เพราะผมอยากเห็น
ผมอยากเห็นลูกผมมีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนคนอื่น
อยากให้เธอได้เจอผู้ชายที่ดีๆ ที่พร้อมจะดูแลเธอได้เหมือนที่ผมดูแลมาตลอด
ผมอยากเป็นตาคน ผมอยากอุ้มหลาน ผมอยากเห็นลูกสาวผมในชุดแต่งงาน
แต่ว่าผมไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงดีให้ลูกผมเค้ารู้สึกตัว
ตอนนี้ผมก็เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ได้ถามอะไรลูกไป
ทุกครั้งที่เห็นหน้าลูก ผมไม่ได้รักเค้าน้อยลง แต่ผมรู้สึกผิดหวัง
ผมเองก็ไม่อยากรู้สึกแบบนี้ ผมก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องทำยังไง
สุดท้ายแล้วที่ผมอยากรู้ก็คือ
ที่ลูกผมเป้นแบบนี้มันเป็นที่ฮอร์โมนใช่หรือเปล่า
แล้วของแบบนี้เปลี่ยนกันได้ไหม เป็นแล้วมีโอกาสหายไหมครับ
หรือเพราะว่าเค้าขาดแม่เพราะเค้าขาดความอบอุ่นจากผู้หญิงเค้าก็เลยกลายเป็นแบบนี้
หรือว่าเป็นเพราะผม เพราะผมตีกรอบเธอมากเกินไปหรือเปล่า
ผมสับสนไปหมดแล้ว
แล้วผมจะต้องคุยกับเค้ายังไงดี ให้มันดีที่สุดกับทุกฝ่าย
ผมคิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ ผมไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว
ถ้าเกิดว่าผมมันเป็นพ่อที่แย่ก็ช่วยด่าผมแรงๆทีเถอะ