+++...Leh Ladakh ถ้าคิดจะพัก ให้มาลองรัก Leh...+++

นมัสเต แหม่ มาเป็นภาษาฮินดีเลย ฮ่าๆๆ จากครั้งที่แล้วเราไปลุยที่ลาวใต้กันอย่างสนุกสนาน มาถึงคราวนี้ มนุษย์เงินเดือนอย่างผมมีวันหยุดยาวๆ มาให้ได้ออกไปท่องโลกและเรียนรู้กับเพื่อนร่วมโลกอีกมากมาย มนุษย์เงินเดือนอย่างผมก็อยากลองของแปลก และอยากทำในสิ่งที่คิดว่าชาตินี้เราคงไม่ได้ทำมัน แต่เรากลับได้ทำมันเพราะมันคือความฝันของเรา การเดินทางครั้งนี้เกิดจากการที่อยากไปเจออะไรใหม่ๆ การที่ต้องการไปให้สุดของฝันเล็กๆ ฝันนึง การที่มีแรงบรรดาลใจจากอะไรหลายๆ อย่างและการที่อยากจะสร้างแรงบรรดาลใจให้ผู้อื่นได้เริ่มออกเดินทางและหนีออกจากชีวิตที่วนรูปที่ไม่รู้จบ ครั้งนี้เราจะ ไปเมืองโรตีกันหน่อยดีกว่า ไปลองลิ้มรสโรตีต้นตำหรับสักครั้ง เขาว่ากันว่าประเทศเนี้ยยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นที่สุดของโลกเยอะซะด้วย หนึ่งในนั้นเป็นสิ่งที่ผมอยากไปให้ได้ก่อนอายุ 30 เอาละอย่าเสียเวลาเลยไปเริ่มตามหาที่ในสิ่งที่ผมเรียกว่า “ความฝัน” กันดีกว่า โดยเรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังอาจจะมีคำหยาบคายบ้างถ้ามีอะไรไม่เหมาะสมก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย แล้วก็ถ้าหลงมาอ่านแล้วก็ช่วยๆ กันตามต่อให้จบนะครับ ฮ่าๆ ^_^
ขออณุญาตขี่มอเตอร์ไซค์หน่อยครับพี่
Metro
leh ladakh
อ.อาหาร
การเดินทาง = การเรียนรู้
สวรรค์บนดินกับสิ่งที่วาดไว้
การจากลาคือความทรงจำ
ขออณุญาตขี่มอเตอร์ไซค์หน่อยครับพี่
ทริปนี้เราอยากไปสิ่งที่เราฝันไว้ นั้นคือการขี่มอเตอร์ไซค์ไปบนถนนที่สูงที่สุดของโลก เราก็ต้องมีใบขับขี่ให้ถูกต้องเสียก่อน ถ้าไม่มีเดี๋ยวผู้หนวดที่นั้นเขาจะเล่นงานเอา การขอใบขับขี่ระหว่างประเทศไม่ได้ยากมากมายอะไรเลย เอกสารที่ต้องเตรียมก็มีไม่กี่อย่างเอง เอกสารที่ต้องเตรียมก็มีดังนี้น่ะ
1. สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) พร้อมเล่มจริง
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมฉบับจริง
3. สำเนาใบขับขี่ พร้อมฉบับจริง
4. รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป ขอเนี้ยเราก็ได้รูปจากที่ถ่ายมาจากตอนขอ Visa แล้วเราก็มีแล้วไม่ต้องเสียเงินอีกงบไม่ถึง 5 บาทได้ตั้ง 4 รูป
เสียค่าธรรมเนียม 505 บาท เราใช้เวลาในการทำไม่นานเลย ตั้งแต่ยื่นเอกสาร รอคิว รอรับสมุดใบขับขี่สากล ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเลย เสร็จแล้วใบขับขี่ของเรา ^_^

คราวนีก็พร้อมกับการขี่มอเตอร์ไซค์แล้วล่ะ
ทำรูปติดบัตร >>
http://anyexposure.com/id-photo-online-create.html
ข้อมูลเพิ่มเติม >>
https://2baht.com/international-driving-permit/
Metro
เมื่อเอกสารทุกอย่างพร้อมแล้ว คราวนี้เรามาเริ่มเดินทางกันดีครับแค่ก้าวแรกเดินเข้ามาช่องทางเข้าเครื่องก็ต้องร้องว่า เชรี่ยย ทำไมผู้หญิงคนนั้นสวยจังวะ อ้าวคนไทยนี้หว่าฮ่าๆ พอเดินเข้ามาถึงในเครื่อง ก็รับรู้ถึงความเป็นอินเดียมาก ส่วนใหญ่มีแต่คนอินเดียเรื่องกลิ่นนั้นไม่ต้องพูดถึงครับ แต่ขอโทษครับมันไม่ได้กลิ่นเครื่องเทศอย่างที่เราคิดโว๊ยเห้ยย มันไม่ได้กลิ่น ทำไมมันถึงไม่ได้กลิ่นวะ งงงง

พอประมาณ 12.45 น. มาถึง นิวเดลลี กัปตันของเราก็บินวนรอบเมืองประมาณ สามรอบให้เราได้ชมวิวทิวทัศน์ในมุมสูงกัน พอถึงสนามบินมา เราก็ไปหาที่ฝากกระเป๋ากันก่อน

และจุดเริ่มต้นของ metro ก็ได้เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ การซื้อตั๋วก็เป็นปกติเหมือนบ้านเราเนี้ยแหละแต่ที่เริ่มไม่ปกตินั้นก็คือตอนขึ้นรถไฟกับตอนอยู่บนรถไฟ มันเป็นอีกหนึ่งการเรียนรู้ที่ทำอย่างไรจึงจะได้ขึ้นรถไฟ และทำอย่างไรถึงจะยู่บนรถไฟได้อย่างสบายๆ

อย่างแรกเลยนะตอนขึ้นรถไฟ เบียดมันเข้าไปเลยโว๊ยดันเข้าไป ดันจนกว่าเราจะได้ขึ้น ฮ่าๆๆ ถ้าเรามัวต่อแถวน่ะ มาอีก 10 ขบวนก็ไม่ได้ขึ้นนี้ไงได้ยืนถ่ายรูปเล่นเลย ฮ่าๆ

การแซงคิวที่นี้ถือเป็นปกติมั้งไม่ชัวร์แต่แมร่งผมโดนแซงตลอดเลย เพราะฉะนั้นเบียดแมร่งเข้าไปเดี๋ยวเจ้าหน้าที่จับเรายัดเข้าไปอีกรอบเอง

ต่อมาเรื่องของการอยู่บนรถไฟ พอเข้าไปมันก็เบียดกันชนิดที่ว่ายกขายังลอยได้แล้วใช่ป่ะ เราต้องป้องกันตัวเองจากการถูกเสียดสีด้วยนะ ฮ่าๆ โดยฉะเพราะ ผู้หญิงต้องป้องกันตัวเองดีๆ

พวกผู้ชายที่นี้

ใช่ย่อย ^_^ การป้องกันที่คือ หันหน้าเข้าประตูรถไฟและให้เพื่อนผู้ชายยืนกันด้านหลังอีกที หรือเข้าไปนั่งถ้าทำได้ ถ้าใครมีวิธีที่ดีกว่านี้แนะนำด้วยครับ เพราะเราก็ไม่เชี่ยว ฮ่าๆ สุดท้ายเป็นเรื่องของกลิ่น มันก็มีบ้างนะแต่ไม่ถึงกับหื้มมม ทนไม่ไหววะไรเงี้ยของงี้ต้องลองเองจริงๆ
Leh – Ladakh
เมืองที่ใครหลายคนอยากมาสัมผัสของความเป็นเลห์ และเมืองเลห์มันก็มีเอกลักษณ์ในแบบของมัน บางอย่างเราถามคนพื้นที่ว่า ทำไมที่นี้ถึงเป็นแบบนี้ ทำไมที่นี้ถึงเป็นแบบนั้น คนพื้นที่ตอบสั้นๆ ว่า is leh...!! เราได้แต่ทำหน้าเงิบแล้วอมยิ้ม แล้วก็คิดในใจว่าเออมันก็คงเป็นเลห์อะ ทำไงได้ละ ฮ่าๆ เราจะใช้เวลาอยู่ที่นี้ 8 วัน และจะบอกว่าเรามีเรื่องราวที่นี้มากมายที่อยากจะเล่ามันออกมา แต่เราคิดว่าคงเล่าออกมาไม่ครบ แต่เราอยากให้พวกคุณมาลองสัมผัสมันเองกว่า ว่ามันมีดีอะไรทำไมหลายคนถึงอยากมาก่อนอื่นเราจะพามาดูสถานที่สวยๆ และของกินอร่อยๆ ในตัวเมืองและบริเวณรอบๆ กันก่อน ว่าสถานที่แรกที่เราจะพาไปก็จะเป็นวัด วัดนึงที่ใครมาแล้วก็ต้องไปกราบไหว้เพื่อให้เป็นศิริมงคล ก่อนการเดินทางนั้นก็คือวัด
Shanti Stupa
ที่นี้สามรถมองเห็นได้จากทุกพื้นที่เลยเพราะเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาเลยมองมาจากทางไหนต้องเห็นวัดนี้แน่นอน หลังจากการกราบไหว้บริเวณนั้นก็มีมุมสวยๆ ให้เราชมกันอีกด้วยแต่ทว่าช่วงที่เราไปมันหนาวมากกกกก

ถ้าจะหนาวขนาดนี้ ดูแปปเดียวก็ได้มุมนี้เราจะสามารถมองเห็น Leh Palace มุมนี้เป็นอีกมุมนึงที่มีความสวยงามมากเลยนะ

แต่มันหนาวเกินไป ฮ่าๆ เอาเป็นว่ามาถึงเมืองเลห์แล้ว ก็เข้าไปกราบไหว้กันก่อนละกันเสมือนเป็นศาลหลักเมืองบ้านเราแหละ ^_^ เราไปสถานที่อื่นกันต่อดีกว่า เราจะพาไปที่คุณเห็นในภาพมักกี้เนี้ย
Leh Palace

เป็นถานที่ ที่เราเห็นมักกี้แหละถ้าถามว่าในนี้มีอะไรนะหรือหึหึหึ มีวิวเมืองเลห์ให้ดูไงแต่ก่อนจะถึง ก็เห็นวิวสวยๆ แล้วอะ ก่อนจะเข้าเราต้องซื้อตั๋วก่อนนะและทางเข้าก็เป็นเช่นนี้ แต่ๆข้างในมันไม่มีอะไรหรอกจริงๆ ส่วนใหญ่เป็นจุดชมวิวอีกมุมนึงที่สวยไม่แพ้ที่ Shanti Stupa

แต่ทว่าตรงนี้เห็นพระอาทิตย์ตกพอดี แต่ก็นั้นแหละหนาวจะตายยยย บ้าป่าวใครจะอยู่ได้นานๆ ฮ่าๆ

หลังจากนั้นเราก็กลับที่พักเพื่อพักผ่อนกัน เพราะเกรงว่าจะปรับร่างกายกันไม่ทันเดี๋ยวจะเป็นโรคแพ้ความสูงกันและเดี๋ยวจะอดเที่ยวและนี้คือที่พักของเราในค่ำคืนแรก
Shey Palace

สถานที่แห่งนี้จะอยู่ข้างทาง ที่เป็นทางเดียวกับเส้นทางไป Pangong lake คือถ้าไป Pangong ยังไงก็ต้องผ่านเส้นทางนี้เป็นสถานที่แรกที่เราออกมาจากเมืองเลยแหละ

และที่สำคัญอย่าลืมเดินขึ้นไปข้างบนน่ะเพราะวิวมันสวยมาก

ดูแต่รูปพอ ^_^

สวยกว่าภาพถ่ายของเราเสียอีก ^_^ เห็นแล้วชอบอะ
Thikse Gompa

อยู่ถัดมาจาก Shey Palace เพียงไม่กี่กิโลเอง ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้วละ จะบอกว่าอยู่ดูอย่างห่างๆ นะครับ เพราะถ้าเข้าไปข้างในแล้ว คุณจะเหนื่อยแน่ ฮ่าๆ อันที่จริงๆ ลองเดินเข้าไปก็ได้นะครับ จะได้รู้สึกถึงความเป็น thikse Gompa แต่ผมไม่อยากเข้าถึงขนาดนั้นน่ะสิ ฮ่าๆ เลยไม่ได้ถ่ายรูปภายในมาให้ดูกันเลย ถ้าใครมีรบกวนเอามาแปะได้น่ะ เราว่าแมร่งหาคนที่จะเดินให้ทั่วยากมาก
Hemis Gompa

ก่อนเข้ามาได้นั้น พายุเข้าพอดีฮ่าๆ ตอนแรกเกือบจะเลี้ยวรถกลับแล้วพายุมาแรงจริงๆ ตอนนั้นขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วยเกือบล้มเลย ฮ่าๆ ได้แต่ถามใจตัวเองดูว่าไหวมั้ย ^_^ วัดนี้เป็นวัดที่สวยอีกวัดนึงเลยนะ เดี๋ยวเราพาไปดูด้านในกัน

และแบบตอนเราเข้าไปอะ เห้ยยย พระท่านกำลังทำวัดด้วยดูดิ

แล้วองค์พระก็สวยงามมาก แต่ทว่า ข้างในโบสถ์เขาห้ามใช้แฟลชแต่ดันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติแมร่งใช้แฟลชกัน เลยอดถ่ายภาพสวยๆ เลย เลยได้มาแค่เนี้ย
Chemrey Gompa

วัดนี้น่ะเอาจริงๆ ไม่ต้องเข้าไปข้างในหรอกครับ แบบถ้าใครไม่อินจริง ผมว่าเข้ามาขี่รถวนสัก 3 รอบแล้วก็เผาได้เลยย เอ้ยยยยไม่ใช่ล๊าวว ฮ่าๆ อย่างที่ว่าแหละครับวนครบ 3 รอบแล้วเผาเลยฮ่าๆ ไม่ใช่ๆๆๆ

วัดนี้ถ้าดูจากทางเข้าผมว่าสวยสุดแล้ว มองภาพรวมๆ ของวัดแล้วลองนึกภาพตามนะครับ ว่าคนสมัยก่อนทำไมเขาต้องสร้างวัดไว้บนภูเขาด้วยหรือที่สูงๆ ด้วยหรือว่าเป็นของสูงความอยู่ที่สูง ^_^ การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณตัวเมืองและบริเวณรอบๆ เมืองเลห์ก็มีคร่าวๆ ประมาณเท่านี้แหละครับ ^_^ ส่วนสถานที่อื่นๆ ต้องใช้เวลาในการเล่า ^_^
ลาวใต้ ใครเล่าจะรู้ว่า...!!! -------------------------------------------------->
http://pantip.com/topic/34402527
บิด 2 ล้อไปเปิด Sing ณ เมืองลาว...!!! ----------------------------------------------->
http://pantip.com/topic/33571899
[CR] Leh Ladakh ถ้าคิดจะพัก ให้มาลองรัก Leh...!!!
นมัสเต แหม่ มาเป็นภาษาฮินดีเลย ฮ่าๆๆ จากครั้งที่แล้วเราไปลุยที่ลาวใต้กันอย่างสนุกสนาน มาถึงคราวนี้ มนุษย์เงินเดือนอย่างผมมีวันหยุดยาวๆ มาให้ได้ออกไปท่องโลกและเรียนรู้กับเพื่อนร่วมโลกอีกมากมาย มนุษย์เงินเดือนอย่างผมก็อยากลองของแปลก และอยากทำในสิ่งที่คิดว่าชาตินี้เราคงไม่ได้ทำมัน แต่เรากลับได้ทำมันเพราะมันคือความฝันของเรา การเดินทางครั้งนี้เกิดจากการที่อยากไปเจออะไรใหม่ๆ การที่ต้องการไปให้สุดของฝันเล็กๆ ฝันนึง การที่มีแรงบรรดาลใจจากอะไรหลายๆ อย่างและการที่อยากจะสร้างแรงบรรดาลใจให้ผู้อื่นได้เริ่มออกเดินทางและหนีออกจากชีวิตที่วนรูปที่ไม่รู้จบ ครั้งนี้เราจะ ไปเมืองโรตีกันหน่อยดีกว่า ไปลองลิ้มรสโรตีต้นตำหรับสักครั้ง เขาว่ากันว่าประเทศเนี้ยยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นที่สุดของโลกเยอะซะด้วย หนึ่งในนั้นเป็นสิ่งที่ผมอยากไปให้ได้ก่อนอายุ 30 เอาละอย่าเสียเวลาเลยไปเริ่มตามหาที่ในสิ่งที่ผมเรียกว่า “ความฝัน” กันดีกว่า โดยเรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังอาจจะมีคำหยาบคายบ้างถ้ามีอะไรไม่เหมาะสมก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย แล้วก็ถ้าหลงมาอ่านแล้วก็ช่วยๆ กันตามต่อให้จบนะครับ ฮ่าๆ ^_^
ทริปนี้เราอยากไปสิ่งที่เราฝันไว้ นั้นคือการขี่มอเตอร์ไซค์ไปบนถนนที่สูงที่สุดของโลก เราก็ต้องมีใบขับขี่ให้ถูกต้องเสียก่อน ถ้าไม่มีเดี๋ยวผู้หนวดที่นั้นเขาจะเล่นงานเอา การขอใบขับขี่ระหว่างประเทศไม่ได้ยากมากมายอะไรเลย เอกสารที่ต้องเตรียมก็มีไม่กี่อย่างเอง เอกสารที่ต้องเตรียมก็มีดังนี้น่ะ
1. สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) พร้อมเล่มจริง
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมฉบับจริง
3. สำเนาใบขับขี่ พร้อมฉบับจริง
4. รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป ขอเนี้ยเราก็ได้รูปจากที่ถ่ายมาจากตอนขอ Visa แล้วเราก็มีแล้วไม่ต้องเสียเงินอีกงบไม่ถึง 5 บาทได้ตั้ง 4 รูป
เสียค่าธรรมเนียม 505 บาท เราใช้เวลาในการทำไม่นานเลย ตั้งแต่ยื่นเอกสาร รอคิว รอรับสมุดใบขับขี่สากล ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเลย เสร็จแล้วใบขับขี่ของเรา ^_^
คราวนีก็พร้อมกับการขี่มอเตอร์ไซค์แล้วล่ะ
ทำรูปติดบัตร >> http://anyexposure.com/id-photo-online-create.html
ข้อมูลเพิ่มเติม >> https://2baht.com/international-driving-permit/
เมื่อเอกสารทุกอย่างพร้อมแล้ว คราวนี้เรามาเริ่มเดินทางกันดีครับแค่ก้าวแรกเดินเข้ามาช่องทางเข้าเครื่องก็ต้องร้องว่า เชรี่ยย ทำไมผู้หญิงคนนั้นสวยจังวะ อ้าวคนไทยนี้หว่าฮ่าๆ พอเดินเข้ามาถึงในเครื่อง ก็รับรู้ถึงความเป็นอินเดียมาก ส่วนใหญ่มีแต่คนอินเดียเรื่องกลิ่นนั้นไม่ต้องพูดถึงครับ แต่ขอโทษครับมันไม่ได้กลิ่นเครื่องเทศอย่างที่เราคิดโว๊ยเห้ยย มันไม่ได้กลิ่น ทำไมมันถึงไม่ได้กลิ่นวะ งงงง
พอประมาณ 12.45 น. มาถึง นิวเดลลี กัปตันของเราก็บินวนรอบเมืองประมาณ สามรอบให้เราได้ชมวิวทิวทัศน์ในมุมสูงกัน พอถึงสนามบินมา เราก็ไปหาที่ฝากกระเป๋ากันก่อน
และจุดเริ่มต้นของ metro ก็ได้เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ การซื้อตั๋วก็เป็นปกติเหมือนบ้านเราเนี้ยแหละแต่ที่เริ่มไม่ปกตินั้นก็คือตอนขึ้นรถไฟกับตอนอยู่บนรถไฟ มันเป็นอีกหนึ่งการเรียนรู้ที่ทำอย่างไรจึงจะได้ขึ้นรถไฟ และทำอย่างไรถึงจะยู่บนรถไฟได้อย่างสบายๆ
อย่างแรกเลยนะตอนขึ้นรถไฟ เบียดมันเข้าไปเลยโว๊ยดันเข้าไป ดันจนกว่าเราจะได้ขึ้น ฮ่าๆๆ ถ้าเรามัวต่อแถวน่ะ มาอีก 10 ขบวนก็ไม่ได้ขึ้นนี้ไงได้ยืนถ่ายรูปเล่นเลย ฮ่าๆ
การแซงคิวที่นี้ถือเป็นปกติมั้งไม่ชัวร์แต่แมร่งผมโดนแซงตลอดเลย เพราะฉะนั้นเบียดแมร่งเข้าไปเดี๋ยวเจ้าหน้าที่จับเรายัดเข้าไปอีกรอบเอง
ต่อมาเรื่องของการอยู่บนรถไฟ พอเข้าไปมันก็เบียดกันชนิดที่ว่ายกขายังลอยได้แล้วใช่ป่ะ เราต้องป้องกันตัวเองจากการถูกเสียดสีด้วยนะ ฮ่าๆ โดยฉะเพราะ ผู้หญิงต้องป้องกันตัวเองดีๆ
พวกผู้ชายที่นี้
เมืองที่ใครหลายคนอยากมาสัมผัสของความเป็นเลห์ และเมืองเลห์มันก็มีเอกลักษณ์ในแบบของมัน บางอย่างเราถามคนพื้นที่ว่า ทำไมที่นี้ถึงเป็นแบบนี้ ทำไมที่นี้ถึงเป็นแบบนั้น คนพื้นที่ตอบสั้นๆ ว่า is leh...!! เราได้แต่ทำหน้าเงิบแล้วอมยิ้ม แล้วก็คิดในใจว่าเออมันก็คงเป็นเลห์อะ ทำไงได้ละ ฮ่าๆ เราจะใช้เวลาอยู่ที่นี้ 8 วัน และจะบอกว่าเรามีเรื่องราวที่นี้มากมายที่อยากจะเล่ามันออกมา แต่เราคิดว่าคงเล่าออกมาไม่ครบ แต่เราอยากให้พวกคุณมาลองสัมผัสมันเองกว่า ว่ามันมีดีอะไรทำไมหลายคนถึงอยากมาก่อนอื่นเราจะพามาดูสถานที่สวยๆ และของกินอร่อยๆ ในตัวเมืองและบริเวณรอบๆ กันก่อน ว่าสถานที่แรกที่เราจะพาไปก็จะเป็นวัด วัดนึงที่ใครมาแล้วก็ต้องไปกราบไหว้เพื่อให้เป็นศิริมงคล ก่อนการเดินทางนั้นก็คือวัด
Shanti Stupa
ที่นี้สามรถมองเห็นได้จากทุกพื้นที่เลยเพราะเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาเลยมองมาจากทางไหนต้องเห็นวัดนี้แน่นอน หลังจากการกราบไหว้บริเวณนั้นก็มีมุมสวยๆ ให้เราชมกันอีกด้วยแต่ทว่าช่วงที่เราไปมันหนาวมากกกกก
ถ้าจะหนาวขนาดนี้ ดูแปปเดียวก็ได้มุมนี้เราจะสามารถมองเห็น Leh Palace มุมนี้เป็นอีกมุมนึงที่มีความสวยงามมากเลยนะ
แต่มันหนาวเกินไป ฮ่าๆ เอาเป็นว่ามาถึงเมืองเลห์แล้ว ก็เข้าไปกราบไหว้กันก่อนละกันเสมือนเป็นศาลหลักเมืองบ้านเราแหละ ^_^ เราไปสถานที่อื่นกันต่อดีกว่า เราจะพาไปที่คุณเห็นในภาพมักกี้เนี้ย
Leh Palace
เป็นถานที่ ที่เราเห็นมักกี้แหละถ้าถามว่าในนี้มีอะไรนะหรือหึหึหึ มีวิวเมืองเลห์ให้ดูไงแต่ก่อนจะถึง ก็เห็นวิวสวยๆ แล้วอะ ก่อนจะเข้าเราต้องซื้อตั๋วก่อนนะและทางเข้าก็เป็นเช่นนี้ แต่ๆข้างในมันไม่มีอะไรหรอกจริงๆ ส่วนใหญ่เป็นจุดชมวิวอีกมุมนึงที่สวยไม่แพ้ที่ Shanti Stupa
แต่ทว่าตรงนี้เห็นพระอาทิตย์ตกพอดี แต่ก็นั้นแหละหนาวจะตายยยย บ้าป่าวใครจะอยู่ได้นานๆ ฮ่าๆ
หลังจากนั้นเราก็กลับที่พักเพื่อพักผ่อนกัน เพราะเกรงว่าจะปรับร่างกายกันไม่ทันเดี๋ยวจะเป็นโรคแพ้ความสูงกันและเดี๋ยวจะอดเที่ยวและนี้คือที่พักของเราในค่ำคืนแรก
Shey Palace
สถานที่แห่งนี้จะอยู่ข้างทาง ที่เป็นทางเดียวกับเส้นทางไป Pangong lake คือถ้าไป Pangong ยังไงก็ต้องผ่านเส้นทางนี้เป็นสถานที่แรกที่เราออกมาจากเมืองเลยแหละ
และที่สำคัญอย่าลืมเดินขึ้นไปข้างบนน่ะเพราะวิวมันสวยมาก
ดูแต่รูปพอ ^_^
สวยกว่าภาพถ่ายของเราเสียอีก ^_^ เห็นแล้วชอบอะ
Thikse Gompa
อยู่ถัดมาจาก Shey Palace เพียงไม่กี่กิโลเอง ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้วละ จะบอกว่าอยู่ดูอย่างห่างๆ นะครับ เพราะถ้าเข้าไปข้างในแล้ว คุณจะเหนื่อยแน่ ฮ่าๆ อันที่จริงๆ ลองเดินเข้าไปก็ได้นะครับ จะได้รู้สึกถึงความเป็น thikse Gompa แต่ผมไม่อยากเข้าถึงขนาดนั้นน่ะสิ ฮ่าๆ เลยไม่ได้ถ่ายรูปภายในมาให้ดูกันเลย ถ้าใครมีรบกวนเอามาแปะได้น่ะ เราว่าแมร่งหาคนที่จะเดินให้ทั่วยากมาก
Hemis Gompa
ก่อนเข้ามาได้นั้น พายุเข้าพอดีฮ่าๆ ตอนแรกเกือบจะเลี้ยวรถกลับแล้วพายุมาแรงจริงๆ ตอนนั้นขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วยเกือบล้มเลย ฮ่าๆ ได้แต่ถามใจตัวเองดูว่าไหวมั้ย ^_^ วัดนี้เป็นวัดที่สวยอีกวัดนึงเลยนะ เดี๋ยวเราพาไปดูด้านในกัน
และแบบตอนเราเข้าไปอะ เห้ยยย พระท่านกำลังทำวัดด้วยดูดิ
แล้วองค์พระก็สวยงามมาก แต่ทว่า ข้างในโบสถ์เขาห้ามใช้แฟลชแต่ดันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติแมร่งใช้แฟลชกัน เลยอดถ่ายภาพสวยๆ เลย เลยได้มาแค่เนี้ย
Chemrey Gompa
วัดนี้น่ะเอาจริงๆ ไม่ต้องเข้าไปข้างในหรอกครับ แบบถ้าใครไม่อินจริง ผมว่าเข้ามาขี่รถวนสัก 3 รอบแล้วก็เผาได้เลยย เอ้ยยยยไม่ใช่ล๊าวว ฮ่าๆ อย่างที่ว่าแหละครับวนครบ 3 รอบแล้วเผาเลยฮ่าๆ ไม่ใช่ๆๆๆ
วัดนี้ถ้าดูจากทางเข้าผมว่าสวยสุดแล้ว มองภาพรวมๆ ของวัดแล้วลองนึกภาพตามนะครับ ว่าคนสมัยก่อนทำไมเขาต้องสร้างวัดไว้บนภูเขาด้วยหรือที่สูงๆ ด้วยหรือว่าเป็นของสูงความอยู่ที่สูง ^_^ การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณตัวเมืองและบริเวณรอบๆ เมืองเลห์ก็มีคร่าวๆ ประมาณเท่านี้แหละครับ ^_^ ส่วนสถานที่อื่นๆ ต้องใช้เวลาในการเล่า ^_^
ลาวใต้ ใครเล่าจะรู้ว่า...!!! -------------------------------------------------->http://pantip.com/topic/34402527
บิด 2 ล้อไปเปิด Sing ณ เมืองลาว...!!! ----------------------------------------------->http://pantip.com/topic/33571899