ผู้เขียน: อาลี เสือสมิง
ศาสนาอิสลามได้ส่งเสริมให้เรียนรู้ถึงสิ่งที่ไม่รู้ และมนุษย์ก็สามารถในการบรรลุสู่ภูมิความรู้ของเขาได้บนหน้าพิภพ และอิสลามยังได้เรียกร้องสู่การพินิจพิเคราะห์ในบรรดาสรรพสิ่งที่ถูกสร้างของพระผู้เป็นเจ้าตลอดจนฟากฟ้าและผืนแผ่นดินพระองค์ทรงตรัสว่า : แท้จริงในการสร้างฟากฟ้าและผืนแผ่นดินตลอดจนความแตกต่างของกลางคืนและกลางวันนั้นย่อมเป็นสัญญาณทั้งหลายสำหรับผู้มีปัญญา (อัลกุรอาน)
จักรวาลคือหนังสือที่ถูกเปิดซึ่งการพินิจใคร่ครวญและบรรดาสายตาจะสอดส่องมัน หัวใจของผู้มีความยำเกรงจะได้รับประโยชน์และเพิ่มพูนการศรัทธา และเขาจะมีความรู้สึกถึงขนาดอันเล็กกระจิดริดของเขา ขอบเขตแห่งความสามารถของเขาเบื้องหน้าจักรวาลนี้ และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยการยอมรับถึงความยิ่งใหญ่ของพระผู้ทรงสร้างนั้น
ซัยยิด กุตุบ (ร.ฮ.) ได้กล่าวเอาไว้ในตัฟซีร อัซซิล้าล ว่า : “แท้จริงจักรวาลนี้ด้วยตัวของมันคือตำราที่ถูกเปิดออก มันนำพาประดาหลักฐานและเครื่องหมายแห่งความศรัทธา...และมันบอกให้รู้ว่า เบื้องหลังโลกใบนี้มีโลกสุดท้าย การพิพากษาและการตอบแทน และนี้คือข้อเท็จจริงหนึ่งซึ่งแสดงถึงโครงสร้างแห่งจินตภาพแบบอิสลามที่มีต่อจักรวาลนี้ และสัมพันธภาพระหว่างมันกับธรรมชาติของมนุษย์ และการบ่งชี้ของจักรวาลนี้ด้วยตัวของมันถึงพระผู้ทรงสร้างมันด้านหนึ่ง และบ่งชี้ถึงกฎซึ่งพระองค์ทรงใช้มัน ตลอดจนสิ่งที่ควบคู่กับกฎนั้นจากเป้าหมายและวิทยปัญญาอีกทั้งความมุ่งหมายอีกด้านหนึ่ง...”
ส่วนหนึ่งจากคุณประโยชน์ของการค้นพบทางภูมิศาสตร์
ในการเดินทางนั้นย่อมมีการใคร่ครวญและการได้รับอนุสติเตือนใจอันเป็นการใคร่ครวญที่มีต่อจักรวาลและสรรพสิ่งที่ถูกสร้าง และการได้รับข้อเตือนใจจากประวัติศาสตร์ของประชาชาติเก่าก่อนเมื่อพวกเขาดื้อดึงต่อพระบัญชาแห่งพระผู้อภิบาลของพวกเขา พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงตรัสว่า : “แน่แท้ได้ผ่านมาก่อนหน้าพวกท่านทั้งหลายซึ่งบรรดาแบบอย่าง ดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจนดำเนินไปในโลก แล้วจงพิจารณาว่าบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นมีจุดจบอย่างไร” (อาลิ อิมรอน : 137)
โองการนี้ได้นำเสนอแก่ชาวมุสลิมถึงการเรียนรู้อย่างสมบูรณ์ต่อขนบธรรมเนียมและประเพณีของประชาชาติต่างๆ และการเรียนรู้ที่จะไปถึงพวกเขาซึ่งจะตามมาด้วยการเรียกร้องเชิญชวนพวกเขาสู่ศาสนาอิสลามด้วยวิธีการและแนวทางที่เหมาะสม ด้วยการดังกล่าวการเป็นผู้สืบทอดในโลกใบนี้ก็จะเป็นไปอย่างสมบูรณ์
พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงตรัสว่า : “พระองค์อัลลอฮฺทรงสัญญากับบรรดาผู้ศรัทธาจากหมู่สูเจ้าและพวกเขาประพฤติคุณงามความดีว่า พระองค์จะให้พวกเขาสืบทอดในโลกเฉกเช่นที่พระองค์ทรงให้บรรดาผู้ที่มีมาก่อนพวกเขาได้สืบทอด และพระองค์จะทรงทำให้มั่นคงแก่พวกเขาซึ่งศาสนาของพวกเขาอันเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงพอพระทัยแก่พวกเขา และพระองค์จะทรงเปลี่ยนพวกเขาให้มีความปลอดภัยหลังจากความหวาดกลัวของพวกเขาโดยที่พวกเขาจะเคารพสักการะต่อข้า อีกทั้งพวกเขาจะไม่นำสิ่งใดมาเป็นคู่ภาคีต่อข้า[ภา” (อันนู๊ร : 55)
แผนที่โลกของ อัล-อิดริสียฺ ตามที่มิลเลอร์ประกอบขึ้นจากบรรดาชิ้นส่วนของแผนที่ต่างๆ ที่ อัล-อิดริสียฺ ได้ทำเอาไว้และถูกพบว่ามีอยู่ในข้อเขียนต่างๆ ในตำราของ อัล-อิดริสียฺ, มิลเลอร์ได้รวบรวมแผนที่ต่างๆ และนำออกเผยแพร่ในตำราแผนที่อาหรับ
แผนที่โลก ราวปี ค.ศ.1154 ของ อัล-อิดริสียฺ (สังเกตุทิศใต้อยู่ด้านบนของภาพ)
มรดกของชาวมุสลิมกับการค้นพบทางภูมิศาสตร์
ศาสนาอิสลามได้ส่งเสริมให้เรียนรู้ถึงสิ่งที่ไม่รู้ และมนุษย์ก็สามารถในการบรรลุสู่ภูมิความรู้ของเขาได้บนหน้าพิภพ และอิสลามยังได้เรียกร้องสู่การพินิจพิเคราะห์ในบรรดาสรรพสิ่งที่ถูกสร้างของพระผู้เป็นเจ้าตลอดจนฟากฟ้าและผืนแผ่นดินพระองค์ทรงตรัสว่า : แท้จริงในการสร้างฟากฟ้าและผืนแผ่นดินตลอดจนความแตกต่างของกลางคืนและกลางวันนั้นย่อมเป็นสัญญาณทั้งหลายสำหรับผู้มีปัญญา (อัลกุรอาน)
จักรวาลคือหนังสือที่ถูกเปิดซึ่งการพินิจใคร่ครวญและบรรดาสายตาจะสอดส่องมัน หัวใจของผู้มีความยำเกรงจะได้รับประโยชน์และเพิ่มพูนการศรัทธา และเขาจะมีความรู้สึกถึงขนาดอันเล็กกระจิดริดของเขา ขอบเขตแห่งความสามารถของเขาเบื้องหน้าจักรวาลนี้ และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยการยอมรับถึงความยิ่งใหญ่ของพระผู้ทรงสร้างนั้น
ซัยยิด กุตุบ (ร.ฮ.) ได้กล่าวเอาไว้ในตัฟซีร อัซซิล้าล ว่า : “แท้จริงจักรวาลนี้ด้วยตัวของมันคือตำราที่ถูกเปิดออก มันนำพาประดาหลักฐานและเครื่องหมายแห่งความศรัทธา...และมันบอกให้รู้ว่า เบื้องหลังโลกใบนี้มีโลกสุดท้าย การพิพากษาและการตอบแทน และนี้คือข้อเท็จจริงหนึ่งซึ่งแสดงถึงโครงสร้างแห่งจินตภาพแบบอิสลามที่มีต่อจักรวาลนี้ และสัมพันธภาพระหว่างมันกับธรรมชาติของมนุษย์ และการบ่งชี้ของจักรวาลนี้ด้วยตัวของมันถึงพระผู้ทรงสร้างมันด้านหนึ่ง และบ่งชี้ถึงกฎซึ่งพระองค์ทรงใช้มัน ตลอดจนสิ่งที่ควบคู่กับกฎนั้นจากเป้าหมายและวิทยปัญญาอีกทั้งความมุ่งหมายอีกด้านหนึ่ง...”
ส่วนหนึ่งจากคุณประโยชน์ของการค้นพบทางภูมิศาสตร์
ในการเดินทางนั้นย่อมมีการใคร่ครวญและการได้รับอนุสติเตือนใจอันเป็นการใคร่ครวญที่มีต่อจักรวาลและสรรพสิ่งที่ถูกสร้าง และการได้รับข้อเตือนใจจากประวัติศาสตร์ของประชาชาติเก่าก่อนเมื่อพวกเขาดื้อดึงต่อพระบัญชาแห่งพระผู้อภิบาลของพวกเขา พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงตรัสว่า : “แน่แท้ได้ผ่านมาก่อนหน้าพวกท่านทั้งหลายซึ่งบรรดาแบบอย่าง ดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจนดำเนินไปในโลก แล้วจงพิจารณาว่าบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นมีจุดจบอย่างไร” (อาลิ อิมรอน : 137)
โองการนี้ได้นำเสนอแก่ชาวมุสลิมถึงการเรียนรู้อย่างสมบูรณ์ต่อขนบธรรมเนียมและประเพณีของประชาชาติต่างๆ และการเรียนรู้ที่จะไปถึงพวกเขาซึ่งจะตามมาด้วยการเรียกร้องเชิญชวนพวกเขาสู่ศาสนาอิสลามด้วยวิธีการและแนวทางที่เหมาะสม ด้วยการดังกล่าวการเป็นผู้สืบทอดในโลกใบนี้ก็จะเป็นไปอย่างสมบูรณ์
พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงตรัสว่า : “พระองค์อัลลอฮฺทรงสัญญากับบรรดาผู้ศรัทธาจากหมู่สูเจ้าและพวกเขาประพฤติคุณงามความดีว่า พระองค์จะให้พวกเขาสืบทอดในโลกเฉกเช่นที่พระองค์ทรงให้บรรดาผู้ที่มีมาก่อนพวกเขาได้สืบทอด และพระองค์จะทรงทำให้มั่นคงแก่พวกเขาซึ่งศาสนาของพวกเขาอันเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงพอพระทัยแก่พวกเขา และพระองค์จะทรงเปลี่ยนพวกเขาให้มีความปลอดภัยหลังจากความหวาดกลัวของพวกเขาโดยที่พวกเขาจะเคารพสักการะต่อข้า อีกทั้งพวกเขาจะไม่นำสิ่งใดมาเป็นคู่ภาคีต่อข้า[ภา” (อันนู๊ร : 55)
แผนที่โลกของ อัล-อิดริสียฺ ตามที่มิลเลอร์ประกอบขึ้นจากบรรดาชิ้นส่วนของแผนที่ต่างๆ ที่ อัล-อิดริสียฺ ได้ทำเอาไว้และถูกพบว่ามีอยู่ในข้อเขียนต่างๆ ในตำราของ อัล-อิดริสียฺ, มิลเลอร์ได้รวบรวมแผนที่ต่างๆ และนำออกเผยแพร่ในตำราแผนที่อาหรับ
แผนที่โลก ราวปี ค.ศ.1154 ของ อัล-อิดริสียฺ (สังเกตุทิศใต้อยู่ด้านบนของภาพ)