คุณคิดว่าเราทำลายอนาคตลูกมั้ย?

แต่ละประเทศก็มีทั้งดีและเสียแหละค่ะ สำหรับเรา เราว่าอยู่ไทยสะดวกกว่า แต่อยู่เยอรมันสบายกว่าค่ะ

- เรื่องโรงเรียน อันนี้ฟังมาจากคนไทยที่แต่งงานมีลูกอยู่ที่โน่น และครูที่สอนภาษาเยอรมันเรา ซึ่งเราเคยไปบ้านเขาและเคยไปกับเขาตอนไปรับลูกทที่โรงเรียนอนุบาล เราชอบลักษณะการศึกษาของเยอรมันมากกว่าค่ะ สำหรับเด็กเล็กๆ จะเน้นให้ทำกิจกรรม ถ้าอากาศดีก็จะออกไปข้างนอก ให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ยังไม่เน้นอัดวิชาการเข้าหัวเด็กก่อนวัยอันควร เรื่องค่าใช้จ่าย เราไม่รู้ของที่โน่น แต่เมื่อไม่นานมานี้รุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งลูกกำลังจะเข้าอนุบาลได้โพสในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการเลือกโรงเรียนอนุบาลและค่าเทอม เห็นตัวเลขแล้วเราขนลุกเลยค่ะ

- จากที่เราเรียนมหาวิทยาลัยในเยอรมัน เราเห็นเด็กเยอรมันจะพยายามพูดพยายามแสดงความคิดเห็นกันตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าอาจารย์เรียกถามแล้วนั่งเงียบก้มหน้าหลบตา ถึงเราไม่ได้เรียนโรงเรียนที่เยอรมันแต่ก็คาดเดาว่าน่าจะเป็นผลมาจากการปูพื้นฐานในโรงเรียนระดับประถม-มัธยม

- เรื่องอาหารการกิน ไทยหลากหลายกว่าจริงค่ะ แต่คุณภาพก็แล้วแต่ ถ้าของท้องถิ่นที่โน่น ที่โน่นย่อมดีกว่า แต่ถ้าจะทำอาหารไทยที่โน่น ยังไงก็หาวัตถุดิบหาของสดสู้อยู่ไทยไม่ได้อยู่แล้ว แถมร้านเอเชียของแพงตาเหลือก นี่เราคิดถึงหน้าร้อนที่โน่นแถวบ้านเราจะมีคุณป้าขนสตรอว์เบอร์รี่กับเชอร์รี่สดๆ เหมือนใส่รถตู้มาจากไร่มาตั้งแผงขาย ไม่สวยเท่าแบบแพคในซูเปอร์มาร์เกตแต่สดมากและถูกมาก หรืออย่างนมสดดีๆ ที่โน่นก็ราคาพอๆ กับนมจางๆ ที่ไทยนะคะ เราติดดื่มนม กลับไทยมาแรกๆ บ่นเรื่องนมเป็นสัปดาห์เลย หุๆๆ

- เรื่องอากาศ ไม่รู้ว่าคุณอยู่เมืองไหน แต่ที่ไทยตอนนี้ร้อนนนนนนนนนนนนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ /น้ำตาไหลปนสายเหงื่อ/ แต่รวมๆ จากประสบการณ์ส่วนตัวเราก็ว่าที่เยอรมันแปรปรวนกว่าแหละ เคยเจออุณหภูมิแกว่งเป็นสิบองศาในวันเดียว แต่ถึงยังไงส่วนตัวเราก็ชอบอากาศที่โน่นมากกว่าอยู่ดี

- เรื่องพื้นที่วิ่งเล่น อันนี้แล้วแต่กรณีจริงๆ บ้านใครบ้านมัน ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็...คงดวงใครดวงมันละค่ะ

- อยู่เยอรมันจะเสียค่าธรรมเนียมจิปาถะจุกจิกเยอะมาก บางทีเรายังคิดว่าถ้าเก็บภาษีอากาศหายใจได้เขาคงทำแล้ว ไทยไม่ค่อยมี (เพราะคนไทยไม่ค่อยจะยอม) แต่มันก็ทำให้รัฐบาลไทยจัดการปัญหาหลายๆ อย่างในสังคมได้ลำบากเหมือนกัน


"ไม่อยากให้ลูกคิดว่า เขาต้องเรียนเก่งที่สุด จบมาด้วยเกรดดี ทำงานในบริษัทใหญ่โต มีเงินเดือนสูง มีรถแพงๆขับ แต่อยากให้เขาเรียนสบายๆ ทำงานที่เค้ารัก งานอะไรก็ได้ ถึงไม่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ แค่พอเลี้ยงตัวเองได้ และมีความสุขกับสิ่งที่ทำ ไม่ต้องแก่งแย่งกับใคร ได้ทำในสิ่งที่เค้าอยากทำและไม่ยึดติดกับเงินๆๆ ตำแหน่ง เหมือนคนส่วนใหญ่"

- จากข้อความนี้ เราอ่านแล้วเรากลับรู้สึกว่า นี่มันปัญหาในสังคมไทยมากกว่า แต่ก็คงแล้วแต่ครอบครัว แล้วแต่สภาพสังคมที่เจอด้วยแหละค่ะ ตัวเราเองครอบครัวไม่สร้างแรแงกดดันตรงนี้ แต่ก็เห็นจากสังคมรอบตัวอยู่ไม่น้อย


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จากที่คุณเล่ามาเรารู้สึกได้ว่าคุณอึดอัดแหละเหนื่อยกับชีวิตที่โน่นมากแล้ว อยู่ในจุดที่ไม่ว่าจะเปรียบเทียบข้อไหนคุณก็จะรู้สึกว่าที่ไทยไม่ได้แย่ขนาดนั้นไปเสียทั้งหมด และเยอรมันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นไปเสียทั้งหมด ซึ่งถูกค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนมันก็มีทั้งดีทั้งแย่ มีอะไรให้ต้องทนมากมายทั้งนั้น เพราะงั้นก็เลือกทนในที่ที่อยู่แล้วสบายใจดีกว่าค่ะ

สรุปว่า ดูจากการเล่าและการตอบความเห็นของคุณ ถ้าให้โหวตเราเชียร์ให้กลับไทยก่อนแล้วกันค่ะ ยิ่งถ้าพ่อเด็กเห็นด้วยและเด็กๆ ถือสองสัญชาติ กลับมาพักใจที่ไทยก่อน จะกลับไปที่โน่นทีหลังก็ได้ ถ้าทนอยู่ต่อไป คุณก็คงเครียด ความเครียดของแม่อาจจะส่งผลเสียต่อลูกมากกว่า

แต่ถึงอย่างไร สุดท้ายคุณก็ต้องตัดสินใจเองค่ะ ชีวิตคุณ ชีวิตลูกคุณ ความคิดเห็นของเราหรือคนอื่นยังไงก็เป็นแค่คนอื่นค่ะ เราไม่รู้สภาพแวดล้อมของคุณทั้งที่เยอรมันทั้งไทย ไม่รู้ว่าครอบครัวคุณเป็นอย่างไร คิดแทนคุณไม่ได้หรอกค่ะ และไม่มีใครมีสิทธิ์ตำหนิคุณด้วยถ้าคุณคิดดีแล้ว พิจารณาอย่างรอบคอบ และตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวคุณ


ยาวมากเลย ขอโทษด้วยนะคะ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ป.ล. ถ้าเป็นเราแต่งงานมีลูกที่เยอรมัน เราคงเลือกให้ลูกเรียนที่เยอรมันมากกว่าค่ะ แต่ก็อย่างที่บอก เงื่อนไขชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกันค่ะ ดังนั้นคิดแทนไม่ได้หรอก