ตอนแรกอยากจะมารำพันความคิดถึงฝ่ายแม่ แต่ไปๆมาๆดูจะเป็นส่วนตัวไร้สาระไปหน่อย ดังนั้นขอเปลี่ยนแนวมาแชร์สิ่งที่เจอ ต้องช่วยกันแก้ปัญหา และการปรับตัวต่างๆของเด็กเมื่อต้องอยู่ห่างอกพ่อแม่ ต้องไปนอนบ้านคนอื่น (บ้านโฮส) ใครมี ปสก หรืออยากถามเพิ่มเติมก็คุยแลกเปลี่ยนกันได้ค่ะ
ลูกเราไปเรียนนิวซีแลนด์ เกาะใต้ ค่ะ ไปตอน year 8 ตอนนี้ year 10 เรียกว่าคนโตนะคะ อีกคนไปตั้งแต่ year 7 ตอนนี้ year 8 เรียกตัวเล็กนะคะ สิ่งที่ต้องเตรียม (นอกจากเงิน) คือ ใจ ค่ะ เพราะเด็กจะลืมเราเร็วมาก เพราะเด็กมองไปข้างหน้ามีอะไรให้ทำเยอะแยะ หรือถ้า home sick ก็จะต้องซึมเองหายเอง เพราะเวลาไม่ตรงกัน ปลอบกันไม่ได้ทุกคร้ง นี่แหละเค้าถึงแกร่งขึ้น เพราะเหงาแล้วต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันหรือผ่านมันไปให้ได้ ร้องไห้แล้วก็เลิกร้องไปทำอย่างอื่นต่อ เกริ่นมานาน มาดูกันนะจ๊ะว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกุหลาบทุกวัน
- คนโตไปใหม่ๆ เราใช้วิธีติดต่อให้น้อยที่สุดเพื่อให้เค้า settle ให้ได้เร็วที่สุด สัก 3 เดือนมั๊ง ค่อยคุยต่อเนื่องหน่อย (ใจจะขาดนะขอบ่น) จนทำให้พลาดบางอย่างไป เพราะเด็กไทยเป็นพวกถ้าไม่คอขาดบาดตายก็โอเค โอเค และโอเค ไม่เหมือนฝรั่งอะไรนิดหน่อยก็ส่งเสียงแล้ว
- ลูกค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ ไม่ค่อยบ่น พูดน้อยในสายตาคนทั่วไป หน้าไม่ยิ้มเป็นปกติ แต่จริงๆอยู่บ้านบ้าบอ ขำ และพูดเก่งนะ
-ปลายปีประเมินโอส ลูกบอก รร ขอเปลี่ยนบ้าน ฮ้า อารายนะ เห็นบอกโอเคมาตลอดๆๆ แม่กับโฮสคนนี้ความสัมพันธ์ดีมาก เลยต๊กกะใจ อ้าวหนูไม่ชอบโฮสแล้วทำไมไม่บอกแม่ ทนทำไมตั้งปี จริงๆ เค้าประเมินทุกเทอม ถ้าไม่ไหวก็เปลี่ยนได้ ลูกก็เลยเล่าความอัดอั้นให้ฟัง แต่อย่าตกใจไปนะคะ ไม่มีอะไรรุนแรง เพราะบ้านเค้ารก เค้าติสท์ไป ไม่มีกิจกรรมให้เด็ก ลูกเราจริงๆก็แข็งไปด้วย คนนี้บอกเลย social skill ต้องปรับปรุงอย่างแรงงง สรุปสั้นๆคือ Good for caring but not for living ครูที่มาประเมินที่บ้านก็เห็นด้วยที่จะเปลี่ยนเพื่อให้เด็กพัฒนาศักยภาพได้ดีกว่านี้ ต้องอยู่ในอีกสภาพแวดล้อมนึง ที่นี่เน้นเด็กค่ะ ไม่ต้องมัวเกรงใจกัน ยอมรับคำวิจารณ์ได้ ฝรั่งเค้าจะไม่รู้สึกเสียหน้านะ คือถ้าอะไรดีกับเด็ก ประเมินกันตรงๆ เค้าก็รับได้
-เปลี่ยนบ้านใหม่อีกปี อยู่ได้เดือนกว่าๆ เอาละจ้าลูกเราโดนโฮสขอเปลี่ยน สตั้นไปเลย ไม่นึกว่าจะเร็วอะไรปานนี้ โฮสบอกเด็กเงียบไป ไม่ outdoor ไม่เหมาะกับกิจกรรมลูกๆ เค้า งานนี้คนเซโรงังคือแม่ค่ะ ทึ่งในความเร็วของบ้านนี้ ให้โอกาสเด็กแค่นี้เหรอ แต่ดีนะคะโฮสมัมก็เข้ามาคุยกับเด็กก่อนถึงเหตุผลของเค้า แล้วคุยกับ รร เราก็เลยต้องพยายามทำความเข้าใจว่ามันเข้ากันไม่ได้จริงๆ อยู่ไปก็เสียเวลาทั้ง 2 ฝ่าย นี่แหละสัจธรรมของชีวิตที่เด็กต้องเรียนรู้ความผิดหวัง ว่าคุณไม่ได้เลือกอย่างเดียวนะ คุณก็โดนเลือกด้วย ต้องแกร่ง แต่อย่าเสียความมั่นใจแค่ความไม่พอดีกัน ก็เท่านั้น เคยถามลูกเหมือนกันว่าเสียใจไหม ลูกบอกไม่ แบบนี้ดีกว่าเพราะเค้าก็ไม่อยากตะลอนๆไปข้างนอกเยอะ แต่จริงๆนางก็แอบน้ำตาซึมค่ะ ก็โดนปฎิเสธนิ เสียเซลฟ์อยู่พักนึงว่าทำไมเข้ากับใครก็ไม่ได้ ก็ฉานเป็นคนแบบนี้นี่นา
-บ้านที่ 3 ในระยะเวลา 2 ปี แรก มาอยู่เทอม 2 เป็นสาวแก่ลูกโตอยู่คนเดียว ทำงานไม่เยอะ เพราะหมอห้ามเครียด ที่บ้านมีเด็กอินเตอร์อีกคนเป็นญี่ปุ่น ก็เตือนว่ารอบนี้เราต้องพิสูจน์ตัวเอง ปรับตัวเข้าหาคนอื่น ยิ้มให้มากๆ โอเพ่นมากๆ นะ ถ้าคิดอะไรก็คุยก็บอกโฮสจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนอีก คุณแม่ขอร้องงงง สรุปก็อยู่บ้านนี้จนถึงวันนี้ แล้วเค้าบอกว่าคงไม่อยากเปลี่ยนแล้วละ หาคู่เจอแล้ว เย้ๆๆ แม่ดีใจด้วย เค้าบอกมันยากนะแม่ จริงๆ ก็ไม่ได้ชอบหมดหรอก แต่หนูว่าก็ดีที่สุดแล้ว เพราะหนูเป็นคนแบบนี้ 5555 รู้ตัวเองก็ดี เราเคยมีโอกาสคุยแลกเปลี่ยนกับโฮสคนนี้ก็ดีนะ ลูกเราก็ปรับตัวขึ้น การมีเพื่อนวัยรุ่นอย่างเด็กญี่ปุ่นก็ทำให้เค้ากล้าพูด เป็นตัวของตัวเอง ยิ้มมากขึ้น ปีนี้ลูกคุณร่าเริงดูมีความสุข กล้าแซว กล้าเถียง ไม่เหมือนปีแรกที่มายิ้มยาก เดาใจยาก นี่แหละเสือยิ้มยากของแม่ เฮ้อ
ส่งลูกเรียนนอกตอนเด็กไม่ใช่แค่เงิน ตอน อยู่กับโฮสต้องเจออะไรบ้าง
ลูกเราไปเรียนนิวซีแลนด์ เกาะใต้ ค่ะ ไปตอน year 8 ตอนนี้ year 10 เรียกว่าคนโตนะคะ อีกคนไปตั้งแต่ year 7 ตอนนี้ year 8 เรียกตัวเล็กนะคะ สิ่งที่ต้องเตรียม (นอกจากเงิน) คือ ใจ ค่ะ เพราะเด็กจะลืมเราเร็วมาก เพราะเด็กมองไปข้างหน้ามีอะไรให้ทำเยอะแยะ หรือถ้า home sick ก็จะต้องซึมเองหายเอง เพราะเวลาไม่ตรงกัน ปลอบกันไม่ได้ทุกคร้ง นี่แหละเค้าถึงแกร่งขึ้น เพราะเหงาแล้วต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันหรือผ่านมันไปให้ได้ ร้องไห้แล้วก็เลิกร้องไปทำอย่างอื่นต่อ เกริ่นมานาน มาดูกันนะจ๊ะว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกุหลาบทุกวัน
- คนโตไปใหม่ๆ เราใช้วิธีติดต่อให้น้อยที่สุดเพื่อให้เค้า settle ให้ได้เร็วที่สุด สัก 3 เดือนมั๊ง ค่อยคุยต่อเนื่องหน่อย (ใจจะขาดนะขอบ่น) จนทำให้พลาดบางอย่างไป เพราะเด็กไทยเป็นพวกถ้าไม่คอขาดบาดตายก็โอเค โอเค และโอเค ไม่เหมือนฝรั่งอะไรนิดหน่อยก็ส่งเสียงแล้ว
- ลูกค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ ไม่ค่อยบ่น พูดน้อยในสายตาคนทั่วไป หน้าไม่ยิ้มเป็นปกติ แต่จริงๆอยู่บ้านบ้าบอ ขำ และพูดเก่งนะ
-ปลายปีประเมินโอส ลูกบอก รร ขอเปลี่ยนบ้าน ฮ้า อารายนะ เห็นบอกโอเคมาตลอดๆๆ แม่กับโฮสคนนี้ความสัมพันธ์ดีมาก เลยต๊กกะใจ อ้าวหนูไม่ชอบโฮสแล้วทำไมไม่บอกแม่ ทนทำไมตั้งปี จริงๆ เค้าประเมินทุกเทอม ถ้าไม่ไหวก็เปลี่ยนได้ ลูกก็เลยเล่าความอัดอั้นให้ฟัง แต่อย่าตกใจไปนะคะ ไม่มีอะไรรุนแรง เพราะบ้านเค้ารก เค้าติสท์ไป ไม่มีกิจกรรมให้เด็ก ลูกเราจริงๆก็แข็งไปด้วย คนนี้บอกเลย social skill ต้องปรับปรุงอย่างแรงงง สรุปสั้นๆคือ Good for caring but not for living ครูที่มาประเมินที่บ้านก็เห็นด้วยที่จะเปลี่ยนเพื่อให้เด็กพัฒนาศักยภาพได้ดีกว่านี้ ต้องอยู่ในอีกสภาพแวดล้อมนึง ที่นี่เน้นเด็กค่ะ ไม่ต้องมัวเกรงใจกัน ยอมรับคำวิจารณ์ได้ ฝรั่งเค้าจะไม่รู้สึกเสียหน้านะ คือถ้าอะไรดีกับเด็ก ประเมินกันตรงๆ เค้าก็รับได้
-เปลี่ยนบ้านใหม่อีกปี อยู่ได้เดือนกว่าๆ เอาละจ้าลูกเราโดนโฮสขอเปลี่ยน สตั้นไปเลย ไม่นึกว่าจะเร็วอะไรปานนี้ โฮสบอกเด็กเงียบไป ไม่ outdoor ไม่เหมาะกับกิจกรรมลูกๆ เค้า งานนี้คนเซโรงังคือแม่ค่ะ ทึ่งในความเร็วของบ้านนี้ ให้โอกาสเด็กแค่นี้เหรอ แต่ดีนะคะโฮสมัมก็เข้ามาคุยกับเด็กก่อนถึงเหตุผลของเค้า แล้วคุยกับ รร เราก็เลยต้องพยายามทำความเข้าใจว่ามันเข้ากันไม่ได้จริงๆ อยู่ไปก็เสียเวลาทั้ง 2 ฝ่าย นี่แหละสัจธรรมของชีวิตที่เด็กต้องเรียนรู้ความผิดหวัง ว่าคุณไม่ได้เลือกอย่างเดียวนะ คุณก็โดนเลือกด้วย ต้องแกร่ง แต่อย่าเสียความมั่นใจแค่ความไม่พอดีกัน ก็เท่านั้น เคยถามลูกเหมือนกันว่าเสียใจไหม ลูกบอกไม่ แบบนี้ดีกว่าเพราะเค้าก็ไม่อยากตะลอนๆไปข้างนอกเยอะ แต่จริงๆนางก็แอบน้ำตาซึมค่ะ ก็โดนปฎิเสธนิ เสียเซลฟ์อยู่พักนึงว่าทำไมเข้ากับใครก็ไม่ได้ ก็ฉานเป็นคนแบบนี้นี่นา
-บ้านที่ 3 ในระยะเวลา 2 ปี แรก มาอยู่เทอม 2 เป็นสาวแก่ลูกโตอยู่คนเดียว ทำงานไม่เยอะ เพราะหมอห้ามเครียด ที่บ้านมีเด็กอินเตอร์อีกคนเป็นญี่ปุ่น ก็เตือนว่ารอบนี้เราต้องพิสูจน์ตัวเอง ปรับตัวเข้าหาคนอื่น ยิ้มให้มากๆ โอเพ่นมากๆ นะ ถ้าคิดอะไรก็คุยก็บอกโฮสจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนอีก คุณแม่ขอร้องงงง สรุปก็อยู่บ้านนี้จนถึงวันนี้ แล้วเค้าบอกว่าคงไม่อยากเปลี่ยนแล้วละ หาคู่เจอแล้ว เย้ๆๆ แม่ดีใจด้วย เค้าบอกมันยากนะแม่ จริงๆ ก็ไม่ได้ชอบหมดหรอก แต่หนูว่าก็ดีที่สุดแล้ว เพราะหนูเป็นคนแบบนี้ 5555 รู้ตัวเองก็ดี เราเคยมีโอกาสคุยแลกเปลี่ยนกับโฮสคนนี้ก็ดีนะ ลูกเราก็ปรับตัวขึ้น การมีเพื่อนวัยรุ่นอย่างเด็กญี่ปุ่นก็ทำให้เค้ากล้าพูด เป็นตัวของตัวเอง ยิ้มมากขึ้น ปีนี้ลูกคุณร่าเริงดูมีความสุข กล้าแซว กล้าเถียง ไม่เหมือนปีแรกที่มายิ้มยาก เดาใจยาก นี่แหละเสือยิ้มยากของแม่ เฮ้อ