'ชาญชัย'เผยปมส่อฮั้วAIS-TOT ไม่คืนทรัพย์สินให้รัฐ-ส่อผิดม.46

กระทู้ข่าว

13 พ.ค. 59 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษากลไกปราบปรามทุจริต ในคณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฎิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงความไม่ชอบมาพากลและส่อว่าจะฮั้วในการทำสัญญาว่า จากการตรวจสอบเอกสาร สัญญาและหลักฐานระหว่าง บมจ.เอไอเอส และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)หรือ บมจ.ทีโอที ที่ บมจ. เอไอเอส ไม่ยอมส่งมอบสถานีฐาน เสา เครื่องมือ อุปกรณ์พ่วงทั้งระบบทั่วประเทศ รวม1.6หมื่นเสาคืนให้แก่ บมจ. ทีโอที เป็นเหตุให้รัฐเสียหายหรือสูญเสียรายได้ที่ควรได้รับ 1.2แสนล้านบาท และยังใช้หาเงินเข้าบริษัทตัวเองจนถึงทุกวันนี้ เป็นเหตุให้ อุปกรณ์ทั้งหมด ยังไม่สามารถคืนให้ บมจ.ทีโอที นำมาใช้ทำประโยชน์โดยให้บริษัทใดที่ได้รับอนุญาต ให้มีใบอนุญาตดำเนินการส่งคลื่นสัญญาณโทรศัพท์แก่ประชาชนตามกฎหมาย

          นายชาญชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบว่า บมจ.เอไอเอส กลับไปทำสัญญากับ บมจ.ทีโอที โดยระบุเหตุผลอ้างร่วมเป็นพันธมิตรด้านธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 2100 เมกกะเฮิร์ตโดยยังไม่ได้ปฎิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่กลับอ้างว่าอัยการสูงสุด(อสส.)ได้ตรวจสอบสัญญาการร่วมทุนเป็นพันธมิตรแล้ว ได้เห็นชอบในร่างสัญญาดังกล่าว ซึ่งขัดต่อข้อเท็จจริง เพราะ อสส. ได้มีเอกสารทักท้วงในการทำสัญญากรณีนี้ลงเลขที่ อส.0005/2541 ลงวันที่9 มี.ค. 2559 ที่ผ่านมา ลงนามโดยนายเข็มชัย ชุติวงศ์ รองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ได้ชี้แจงต่อ อนุกมธ.ฯ ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามคำชี้แจงของรมว.เทคโนโลยีและสารสนเทศ(ไอซีที)ที่ระบุว่า อสส. ได้ตรวจสอบสัญญาแล้วว่า ให้บ.เอไอเอส และ บมจ.ทีโอทีทำธุรกิจร่วมกันตามสัญญาเอ็มโอยูได้ ทั้งที่ อสส. ไม่เห็นด้วยพร้อมตั้งข้อสังเกตซึ่งสรุปสาระสำคัญคือ

          1.อุปกรณ์โทรคมนาคมรวมทั้งเสาสถานี ฐานขยายสัญญาณรวมถึงอุปกรณ์พ่วงทั้ง1.6หมื่นแห่ง ล้วนเป็นของสมบัติรัฐที่หน่วยงานรัฐคือ บมจ.ทีโอทีเอง ไม่ใช่เป็นของ บ.เอไอเอส ตามที่ได้กล่าวอ้าง การเพิกเฉยของ บมจ.ทีโอทีเท่ากับว่า บมจ.ทีโอที จะยอมรับว่า สถานีเสาฐานและอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นของบริษัทเอกชน

          2. ในร่างบันทึกข้อตกลง( เอ็มโอยู) บ.เอไอเอส ที่กำหนดข้อตกลงว่าจะจ่ายค่าร่วมทุนพันธมิตรให้แก่ บมจ.ทีโอที ปีละ 3.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการกำหนดอัตราตายตัวล่วงหน้าเป็นการผูกมัด บมจ. ทีโอที มากเกินไป เพราะยังไม่มีการเจรจารายละเอียดของสัญญาในการทำธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่2100 เมกกะเฮิร์ต บมจ. ทีโอที ควรทบทวนฐานค่าตอบแทนรายปีใหม่

          3.การจะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจฯในการใช้คลื่นความถี่2100 ที่บมจ. ทีโอที มีใบอนุญาตใช้งาน รวมถึงคลื่นความถี่ต่างๆ ที่ บมจ. เอไอเอส หรือบริษัทในเครือมีใบอนุญาต ตามพรบ. จัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มาตรา46 ระบุว่า ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อกิจการโทรคมนาคม ถือเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้รับใบอนุญาตจะโอนแก่กันไม่ได้ และวรรคสอง บัญญัติว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อกิจการโทรคมนาคมต้องประกอบกิจการด้วยตัวเอง จะมอบการบริหารจัดการทั้งหมด หรือบางส่วน หรือยินยอมให้บุคคลอื่นเป็นผู้มีอำนาจประกอบกิจการแทนไม่ได้ กรณีนี้ บมจ. ทีโอทีต้องระวังการฝ่าฝืนต่อ กฎหมายดังกล่าว และ

          4. ที่สำคัญการดำเนินการทั้งในระยะที่1 และ2 บมจ. ทีโอที ที่จะนำคลื่นความถี่ เครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคมที่เป็นทรัพย์สินของ บมจ. ทีโอทีไปใช้ร่วมกับ บมจ. เอไอเอส และ/หรือบริษัทในเครือครั้งนี้ ถือเป็นการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐตามพ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556

          "เพราะถ้าเป็นการลงทุนเกินวงเงิน1พันล้านบาท จะต้องมีการประกาศให้มีคณะกรรมการพ.ร.บ. ร่วมทุนเป็นคนเชิญชวนภาคเอกชนอื่นเข้าร่วมด้วย ไม่ใช่ให้ บมจ.ทีโอที ดำเนินการเองหรือใช้อำนาจอนุมัติให้เองซึ่งส่อว่าจะขัดต่อพ.ร.บ.ร่วมทุน เพื่อล็อคสเปคให้กับ บมจ. เอไอเอส โดยการทำสัญญาฮั้วกันภายในก่อนที่จะเปิดการประมูลคลื่นครั้งใหม่ นอกจากนี้ การไม่คืนสถานี เสา ฐาน อุปกรณ์พ่วงทั้งหมดให้หน่วยงานของรัฐ โดย บมจ.เอไอเอส อ้างว่าเป็นของตนนั้น เป็นการอ้างสิทธิเพื่อที่จะบริหารหรือนำไปหาประโยชน์ได้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะเป็นทรัพย์สินของรัฐที่จะใช้ประโยชน์เพื่อหารายได้เข้ารัฐ ไม่ใช่บริษัทเอกชนยึดครอง"นายชาญชัย กล่าว

ที่มา : http://www.naewna.com/politic/215533
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่