สาระสำคัญและแนวทางปฎิบัติสำหรับการยื่นเรื่องวีซ่านักเรียนรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ 1 กรกฏาคมนี้ ที่เรียกว่า The simplified student visa framework (SSVP)
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าจะมีการตัดวีซ่านักเรียนจาก 8 ประเภท เหลือเพียง 2 ประเภทเท่านั้น คือ
a single Student visa (subclass 500)
และ Student Guardian (subclass 590)
โดยการตัดประเภทวีซ่านักเรียนลงไปนั้นเพื่อลดขั้นตอนในการพิจารณาวีซ่าแต่ละประเภทให้รวดเร็วขึ้น โดยทางอิมมิเกรชั่นมีความตั้งใจให้การพิจารณาวีซ่านักเรียนทั้งหมด 75% ให้มีผลการพิจารณาออกมาภายในระยะเวลา 1 เดือน
การพิจารณาหลักๆของทางอิมมิเกรชั่นตามที่เคยได้กล่าวไปคือ จะพิจารณาจากความเสี่ยงของประเทศผู้สมัคร และโรงเรียนที่ผู้สมัครได้ทำการสมัครเข้าด้วยกัน โดยถ้าประเทศของผู้สมัครมีความเสี่ยงสูง แต่โรงเรียนมีความเสี่ยงต่ำการยื่นเอกสารทางการเงินอาจจะใช้เพียงแค่ใบรับรองทางการเงิน ในแต่ละเคสจะไม่ได้เป็นการการันตรีว่าทางอิมมิเกรชั่นจะไม่ขอเอกสารหลักฐานทางการเงินเพิ่มเติม ถึงแม้ว่าจะยื่นผ่านทางโรงเรียนที่มีความเสี่ยงต่ำก็ตาม
หลักฐานทางการเงินที่ผู้สมัครจะต้องเตรียมเพื่อใช้ในการประกอบการยื่นวีซ่า ตั้งแต่ กรกฏาคมนี้
ค่าใช้จ่ายการดำรงชีพคร่าวๆที่จำเป็นต้องมีสำหรับ 12 เดือน
นักเรียนจะประมาณที่ AUD19,830 (500,000 +++ Baht คิดจากเรทเงินที่ 27 Baht=$1
ผู้ติดตาม สามี ภรรยา AUD6,940 (180,000+++ Baht)
เด็ก AUD2,970 (80,000+++Baht)
โดยการพิจารณาเอกสารทางการเงินจะมีความคล้ายคลึงกับการยื่นวีซ่านักเรียนใน Assessment Level 2
นักเรียนจะต้องแสดงความสัมพันธ์ ระหว่างผู้สนับสนุนทางการเงิน ที่มาของเงิน รวมทั้งการเข้าถึงของเงินที่สนับสนุนได้
นอกจากการพิจารณาที่เข้มงวดขึ้นของเอกสารทางการเงินแล้วนั้น ทางอิมมิเกรชั่นยังได้วางหลักเกณฑ์ในเรื่องเอกสารทางภาษาขั้นต่ำของผู้สมัครที่จำเป็นต้องมีเอกสารดังนี้ คือ
- ผลภาษาไอเอล รวมกัน 5.5 English Language Testing System (IELTS) overall band score of 5.5 or
- ผลภาษาไอเอล รวมกัน 5 ถ้านักเรียนจะลงเรียนภาษาขั้นต่ำ 10 สัปดาห์ ควบคู่ไปกับคอร์สอื่นๆ เช่น ดิฟโพลม่า
IELTS overall band score of 5 when packaged with at least 10 weeks English Language Intensive
Course for Overseas Students (ELICOS) or
- ผลภาษาไอเอล รวมกัน 4.5 ถ้านักเรียนจะลงเรียนภาษาขั้นต่ำ 20 สัปดาห์ ควบคู่ไปกับคอร์สอื่นๆ เช่น ดิฟโพลม่า
IELTS overall band score of 4.5 when packaged with at least 20 weeks ELICOS
โดยนักเรียนทที่สมัครสามารถใช้ผลภาษาข้างล่างดังกล่าวนี้แทนได้ เช่นเดียวกัน
- Test of English as a Foreign Language paper based test (TOEFL)
- Pearson Test of English Academic
- Cambridge English: Advanced
- Occupational English Test
ส่วนการลงเรียนภาษาอย่างเดียวของนักเรียนที่มีตั้งใจที่จะมาเรียนจริงนั้น ทางอิมมิเกรชั่นไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการลงเรียนว่าสามารถลงเรียนได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งนักเรียนสามารถลงเรียนได้โดยไม่จำกัด และไม่จำเป็นต้องมีผลภาษามาประกอบการยื่น เช่นเดียวกับการลงเรียนในระดับประถมหรือมัธยมจะได้ทำการยกเว้นเรื่องเอกสารผลภาษาประกอบ
การเปลี่ยนแปลงคอร์สสำหรับผู้มี่ได้วีซ่านักเรียนมาแล้วนั้น ทางอิมมิเกรชั่นได้กำหนดให้นักเรียนจะต้องลงเรียนคอร์สในระดับที่นักเรียนได้ลงทะเบียนเรียนมาเท่านั้น ซึ่งนักเรียนสามารถเปลี่ยนคอร์สเรียนได้ในระดับเดียวกันหรือสูงขึ้นเท่านั้น แต่การเปลี่ยนคอร์สเรียนจากระดับปริญญาเอกมาเป็นปริญญาโทเป็นข้อยกเว้นที่ทำได้
อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ความประสงค์จะเปลี่ยนคอร์สเรียนจากระดับสูง เช่น ปริญญาตรี ไประดับที่ต่ำกว่า เช่น ดิฟโพลม่า จำเป็นจะต้องยื่นขอวีซ่าใหม่ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนคอร์สเรียน มิฉะนั้นอาจจะถูกทำการเพิกถอนวีซ่าได้
การพิจารณาจัดระดับความเสี่ยงของสถาบันการศึกษาในออสเตรเลียและผู้สมัครแต่ละประเทศนั้น ทางอิมมิเกรชั่นได้ทำการแบ่งออกเป็น สาม ระดับ คือระดับ 1-3: ระดับ1 เสี่ยงน้อย, ระดับ2 เสี่ยงกลาง, และระดับ 3 เสี่ยงสูง การประเมินจะขึ้นอยู่กับการรับนักเรียนของแต่ละโรงเรียนในรอบปีที่ผ่านมา และผลลัพธ์เรื่องวีซ่าของนักเรียนแต่ละประเทศ การจับคู่กันของนักเรียนกับสถาบันการศึกษาจะมีผลต่อการพิจารณาวีซ่าเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามทางอิมมิเกรชั่นจะไม่มีการเผยแพร่ระดับความเสี่ยงของทั้งโรงเรียนและประเทศ เนื่องจากจะเป็นช่องทางให้ผู้สมัครที่ไม่มีความตั้งใจในการมาเรียนได้ใช้ช่องทางนี้ในการยื่นวีซ่านักเรียนเพื่อจุดประสงค์อื่น แต่ทางอิมมิเกรชั่นจะมีไกด์แนวทางที่จะแนะแนวผู้สมัครในเรื่องเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่นวีซ่านักเรียนในเว็บไซต์ของอิมมิเกรชั่น ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้
จะเห็นได้ว่าการยื่นวีซ่านักเรียนรูปแบบใหม่นั้น ทางอิมมิเกรชั่นจะพิจารณาเข้มงวดไปที่กลุ่มผู้สมัครที่ไม่มีความตั้งใจที่จะมาเรียนจริงๆ โดยใช้การยื่นวีซ่านักเรียนเพื่อจุดประสงค์อื่น เอกสารทางการเงินสำหรับผู้สมัครจากประเทศไทยมีโอกาสจะถูกใช้ประกอบการยื่นในเกือบทุกเคส รวมทั้งผลภาษาอังกฤษ โดยประเทศไทยมีแนวโนมว่าจะถูกจัดลำดับอยู่ในระดับความเสี่ยงสูง หรือความเสี่ยงกลาง เนื่องจากเหตุผลประกอบของนักเรียนไทยบางกลุ่มในรอบปีที่ผ่านมาที่ได้ทำผิดเงื่อนไขวีซ่านักเรียน เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบโดยรวมกับการพิจารณาของนักเรียนส่วนใหญ่ที่ตั้งใจมาเรียน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้
ระเบียบการยื่นวีซ่านักเรียน ออสเตรเลีย หลังจาก 1 กรกฎาคม 2016
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าจะมีการตัดวีซ่านักเรียนจาก 8 ประเภท เหลือเพียง 2 ประเภทเท่านั้น คือ
a single Student visa (subclass 500)
และ Student Guardian (subclass 590)
โดยการตัดประเภทวีซ่านักเรียนลงไปนั้นเพื่อลดขั้นตอนในการพิจารณาวีซ่าแต่ละประเภทให้รวดเร็วขึ้น โดยทางอิมมิเกรชั่นมีความตั้งใจให้การพิจารณาวีซ่านักเรียนทั้งหมด 75% ให้มีผลการพิจารณาออกมาภายในระยะเวลา 1 เดือน
การพิจารณาหลักๆของทางอิมมิเกรชั่นตามที่เคยได้กล่าวไปคือ จะพิจารณาจากความเสี่ยงของประเทศผู้สมัคร และโรงเรียนที่ผู้สมัครได้ทำการสมัครเข้าด้วยกัน โดยถ้าประเทศของผู้สมัครมีความเสี่ยงสูง แต่โรงเรียนมีความเสี่ยงต่ำการยื่นเอกสารทางการเงินอาจจะใช้เพียงแค่ใบรับรองทางการเงิน ในแต่ละเคสจะไม่ได้เป็นการการันตรีว่าทางอิมมิเกรชั่นจะไม่ขอเอกสารหลักฐานทางการเงินเพิ่มเติม ถึงแม้ว่าจะยื่นผ่านทางโรงเรียนที่มีความเสี่ยงต่ำก็ตาม
หลักฐานทางการเงินที่ผู้สมัครจะต้องเตรียมเพื่อใช้ในการประกอบการยื่นวีซ่า ตั้งแต่ กรกฏาคมนี้
ค่าใช้จ่ายการดำรงชีพคร่าวๆที่จำเป็นต้องมีสำหรับ 12 เดือน
นักเรียนจะประมาณที่ AUD19,830 (500,000 +++ Baht คิดจากเรทเงินที่ 27 Baht=$1
ผู้ติดตาม สามี ภรรยา AUD6,940 (180,000+++ Baht)
เด็ก AUD2,970 (80,000+++Baht)
โดยการพิจารณาเอกสารทางการเงินจะมีความคล้ายคลึงกับการยื่นวีซ่านักเรียนใน Assessment Level 2
นักเรียนจะต้องแสดงความสัมพันธ์ ระหว่างผู้สนับสนุนทางการเงิน ที่มาของเงิน รวมทั้งการเข้าถึงของเงินที่สนับสนุนได้
นอกจากการพิจารณาที่เข้มงวดขึ้นของเอกสารทางการเงินแล้วนั้น ทางอิมมิเกรชั่นยังได้วางหลักเกณฑ์ในเรื่องเอกสารทางภาษาขั้นต่ำของผู้สมัครที่จำเป็นต้องมีเอกสารดังนี้ คือ
- ผลภาษาไอเอล รวมกัน 5.5 English Language Testing System (IELTS) overall band score of 5.5 or
- ผลภาษาไอเอล รวมกัน 5 ถ้านักเรียนจะลงเรียนภาษาขั้นต่ำ 10 สัปดาห์ ควบคู่ไปกับคอร์สอื่นๆ เช่น ดิฟโพลม่า
IELTS overall band score of 5 when packaged with at least 10 weeks English Language Intensive
Course for Overseas Students (ELICOS) or
- ผลภาษาไอเอล รวมกัน 4.5 ถ้านักเรียนจะลงเรียนภาษาขั้นต่ำ 20 สัปดาห์ ควบคู่ไปกับคอร์สอื่นๆ เช่น ดิฟโพลม่า
IELTS overall band score of 4.5 when packaged with at least 20 weeks ELICOS
โดยนักเรียนทที่สมัครสามารถใช้ผลภาษาข้างล่างดังกล่าวนี้แทนได้ เช่นเดียวกัน
- Test of English as a Foreign Language paper based test (TOEFL)
- Pearson Test of English Academic
- Cambridge English: Advanced
- Occupational English Test
ส่วนการลงเรียนภาษาอย่างเดียวของนักเรียนที่มีตั้งใจที่จะมาเรียนจริงนั้น ทางอิมมิเกรชั่นไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการลงเรียนว่าสามารถลงเรียนได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งนักเรียนสามารถลงเรียนได้โดยไม่จำกัด และไม่จำเป็นต้องมีผลภาษามาประกอบการยื่น เช่นเดียวกับการลงเรียนในระดับประถมหรือมัธยมจะได้ทำการยกเว้นเรื่องเอกสารผลภาษาประกอบ
การเปลี่ยนแปลงคอร์สสำหรับผู้มี่ได้วีซ่านักเรียนมาแล้วนั้น ทางอิมมิเกรชั่นได้กำหนดให้นักเรียนจะต้องลงเรียนคอร์สในระดับที่นักเรียนได้ลงทะเบียนเรียนมาเท่านั้น ซึ่งนักเรียนสามารถเปลี่ยนคอร์สเรียนได้ในระดับเดียวกันหรือสูงขึ้นเท่านั้น แต่การเปลี่ยนคอร์สเรียนจากระดับปริญญาเอกมาเป็นปริญญาโทเป็นข้อยกเว้นที่ทำได้
อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ความประสงค์จะเปลี่ยนคอร์สเรียนจากระดับสูง เช่น ปริญญาตรี ไประดับที่ต่ำกว่า เช่น ดิฟโพลม่า จำเป็นจะต้องยื่นขอวีซ่าใหม่ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนคอร์สเรียน มิฉะนั้นอาจจะถูกทำการเพิกถอนวีซ่าได้
การพิจารณาจัดระดับความเสี่ยงของสถาบันการศึกษาในออสเตรเลียและผู้สมัครแต่ละประเทศนั้น ทางอิมมิเกรชั่นได้ทำการแบ่งออกเป็น สาม ระดับ คือระดับ 1-3: ระดับ1 เสี่ยงน้อย, ระดับ2 เสี่ยงกลาง, และระดับ 3 เสี่ยงสูง การประเมินจะขึ้นอยู่กับการรับนักเรียนของแต่ละโรงเรียนในรอบปีที่ผ่านมา และผลลัพธ์เรื่องวีซ่าของนักเรียนแต่ละประเทศ การจับคู่กันของนักเรียนกับสถาบันการศึกษาจะมีผลต่อการพิจารณาวีซ่าเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามทางอิมมิเกรชั่นจะไม่มีการเผยแพร่ระดับความเสี่ยงของทั้งโรงเรียนและประเทศ เนื่องจากจะเป็นช่องทางให้ผู้สมัครที่ไม่มีความตั้งใจในการมาเรียนได้ใช้ช่องทางนี้ในการยื่นวีซ่านักเรียนเพื่อจุดประสงค์อื่น แต่ทางอิมมิเกรชั่นจะมีไกด์แนวทางที่จะแนะแนวผู้สมัครในเรื่องเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่นวีซ่านักเรียนในเว็บไซต์ของอิมมิเกรชั่น ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้
จะเห็นได้ว่าการยื่นวีซ่านักเรียนรูปแบบใหม่นั้น ทางอิมมิเกรชั่นจะพิจารณาเข้มงวดไปที่กลุ่มผู้สมัครที่ไม่มีความตั้งใจที่จะมาเรียนจริงๆ โดยใช้การยื่นวีซ่านักเรียนเพื่อจุดประสงค์อื่น เอกสารทางการเงินสำหรับผู้สมัครจากประเทศไทยมีโอกาสจะถูกใช้ประกอบการยื่นในเกือบทุกเคส รวมทั้งผลภาษาอังกฤษ โดยประเทศไทยมีแนวโนมว่าจะถูกจัดลำดับอยู่ในระดับความเสี่ยงสูง หรือความเสี่ยงกลาง เนื่องจากเหตุผลประกอบของนักเรียนไทยบางกลุ่มในรอบปีที่ผ่านมาที่ได้ทำผิดเงื่อนไขวีซ่านักเรียน เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบโดยรวมกับการพิจารณาของนักเรียนส่วนใหญ่ที่ตั้งใจมาเรียน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้