สวัสดีค่ะ เพื่อนสมาชิกห้องบลูทุกท่าน
วันนี้ฤกษ์งามยามดี เราจะมารีวิว การท่องเที่ยวคุนหมิง
ในแบบฉบับสองสาวตัวเล็กๆ ที่ไปกันเอง ข้อมูลเตรียมไปแบบขาดๆเกินๆกันค่ะ
หมายเหตุ : รีวิวนี้ ขอไม่เอ่ยเรื่องประวัติความเป็นมานะคะ ขอรีวิวแค่วิธีการเท่านั้นค่ะ
ด้วยโปร 0 ของแอร์เอเชีย ทำให้เรามีโอกาสได้ไปคุนหมิง ในราคาไปกลับ รวมค่าตัดบัตร 1,240 บาท
ที่พักครั้งนี้ พยายามเลือกที่ใกล้ๆโรงแรมจินเจียง และไม่แพง (พยายามดูแผนที่ใน googlemap ไปก่อน)
ได้โรงแรม hanting express คืนละ 149 หยวน เราพัก 3 คืน เป็น 447 หยวน จ่ายที่โรงแรมในวันเข้าพักค่ะ
ลงรถเสร็จ ก็ได้เรื่องเลย คือ ตอนนั้น มึนๆ งงๆ อึนๆ หลงทิศ
มองอะไรก็เจอแต่ภาษาจีน ป้ายถนน จีนทั้งสิ้น ก็พยายามเดินไปตามที่เข้าใจ
วนไป วนมา คือ เดินผ่านโรงแรมไปหลายรอบมากๆ จากที่จองใน booking มันไม่มีรูปภายนอกโรงแรมไง
แล้วโรงแรมนี้ ดันมีแต่ป้ายภาษาจีน นอกนั้นไม่พอ วันนั้น หน้าโรงแรมเป็นแบบ....(นึกว่าจัดงานแต่งกันน่ะสิ)
เลยทำให้ กว่าจะเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมได้ ก็เดินอ้อมไปหลายรอบ (ใช้วิธีเทียบตัวภาษาจีนเอา T_T)
เนื่องด้วย เสียเวลาในการหาโรงแรมนานมาก กว่าจะได้เช็คอิน
กว่าจะเล่นเนตรายงานตัวกับที่บ้านว่าถึงแล้วนะ ก็เสียเวลาไปมากโขอยู่
ดังนั้น การจะเดินทางต่อไป หากต้องนั่งรถเมล์คงต้องเสียเวลาอีกมากเป็นแน่
จึงเรียกแท็กซี่จากแถวหน้าโรงแรมไปตำหนักทอง วิธีคือ ปริ้นท์รูปและชื่อเป็นภาษาจีนไปด้วย
(หาชื่อภาษาจีนในเนตไปค่ะ ก๊อบและวาง ง่ายมากๆ)
เอาให้แท็กซี่ดู ถ้าเขาไป เขาจะพยักหน้าค่ะ...เข้านั่งประจำที่แล้ว พูดดังๆ มิเตอร์ๆๆ
ในที่สุดเราก็มาถึงตำหนักทองจนได้ค่ะ ค่าแท็กซี่ รวมทุกสิ่ง 28 หยวนค่ะ
(เพิ่มจากมิเตอร์มา 1 หยวน ค่าภาษีน้ำมัน อะไรซักอย่าง ตามที่อ่านในป้ายตรงเบาะหลังคนขับนะคะ)
ที่ตำหนักทอง ค่าเข้า 30 หยวนค่ะ ไม่เคยอ่านรีวิวเจอว่าต้องไต่ขึ้นที่สูงค่ะ
พอมาเจอของจริง เกือบตายค่ะ ขึ้นไปสูงมากๆ มันชันมากๆ
เพื่อนสาวเป็นคนจังหวัดเลย ช่ำชองการขึ้นที่สูง นางพูดหลังจากการเที่ยวเสร็จว่า
หลังจากผ่านจุดตรวจตั๋วเราควรจะเดินขึ้นทางซ้ายมือ
มิควรจะหลงกับความงามของป้ายตรงหน้าแล้วเดินไต่ขึ้นไปค่ะ
เนื่องจากทางซ้ายนั้น คุณเพื่อนบอกว่า “ชันน้อยกว่า” (แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ชันค่ะ)
ไต่ผ่านขึ้นไปเรื่อยๆ เจอรถหวาเชอด้วย แต่ไม่ได้ขึ้นเพราะเรางกค่ะ ไปกลับน่าจะ 30 หยวน (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ)
ที่ตำหนักทอง เราผ่านซุ้มประตูหลายซุ้มหน้าซุ้มประตูมีดอกไม้สวยๆจัดอยู่ค่ะ
ไต่ทะลุเข้าไปเรื่อยๆ เข้าดูไปตำหนักทองก่อนค่ะ
ทีนี้จะไปเที่ยวต่อ ถ้าเราหันหน้าเข้าตำหนักทอง แล้วเดินไปทางด้านขวา
จะเดินทะลุไต่ขึ้นไปหอระฆังขึ้นดูวิวได้ค่ะ
แต่ถ้าหันหน้าเข้าตำหนักทอง แล้วเดินไปทางซ้าย ก็จะเจอสถานที่แสดงความเป็นมาของอ่องอู่ซานกุ้ย
มีดาบวิเศษ กระบี่ยักษ์ ตั้งโชว์ไว้ค่ะ
เรากับเพื่อนใช้เวลาอยู่ที่ตำหนักทองพอสมควร พักบ้างอะไรบ้าง เพราะเหนื่อยไต่เขา
ได้เวลาก็จะกลับเข้าเมืองค่ะ พอดี เจอกลุ่มน้องๆคนไทย จึงถามวิธีเข้าเมือง
น้องๆให้คำตอบว่า ไต่ลงไปทางเดิมที่เรามา ออกไปจุดตรวจบัตรจุดเดิม แล้วเดินไปทางขวามือ
จะเจออู่รถเมล์ ให้ขึ้นรถสาย 10 ไปสุดสายที่แถวประตูม้า ประตูไก่ค่ะ
ขอบคุณน้องๆกลุ่มนั้น มา ณ ที่นี้ ค่ะ
ลงรถเมล์ปุ๊บ ให้เดินเลาะห้างไปทางขวามือค่ะ
น่าจะไม่เกิน 100 เมตร จะเจอ ประตูม้าทอง ประตูไก่มรกต ค่ะ
เราเดินเล่นละแวกนั้น แล้วก็หาข้าวทานแถวนั้นค่ะ อาหารราคาไม่แพง
มื้อนี้ประมาน 30 หยวนค่ะ
จากนั้นก็พากันเดิน จากถนน จินปี้ลู่ ไปทางทิศตะวันออก ราว 700 เมตร
เพื่อกลับโรงแรมโดยใช้ subway เพราะโรงแรมของเราใกล้ subway สถานี south ring road ค่ะ
วันต่อมา เราจะไปป่าหินคุนหมิงกันค่ะ
วิธีไปคือนั่งบัสจากสถานีบัสตะวันออก ซึ่ง... ไปยังไง ไปไม่เป็น....ฮ่าๆๆ
พึ่งแท็กซี่อีกแล้วค่ะ จากโรงแรมเรา ไปสถานีรถบัสคุนหมิง ค่าแท็กซี่รวมชาร์จแล้ว 28 เหรียญค่ะ
(วิธีเรียกแท็กซี่ ก็ใช้วิธีเดิมค่ะ เอารูปสถานีบัสตะวันออกให้เขาดูค่ะ ในรูปมีภาษาจีนอยู่แล้ว)
พอมาถึง ก็เดินเข้าประตูนี้ค่ะ
ซื้อตั๋วรถบัสที่เคาน์เตอร์ วิธีก็คือ เอารูปป่าหินที่มีภาษาจีนกำกับให้ดู
วันนี้ตั๋วรถบัสราคา 34 หยวนแล้วค่ะ
ซื้อเสร็จก็ผ่านเครื่องสแกนเข้าไปรอนั่งรถได้เลยค่ะ
ตัดภาพมาที่ป่าหิน เดินออกถนนมา แล้วเดินไปทางขวามือค่ะ จะเห็นจุดจอดรถไฟฟ้าอยู่ถนนฟากตรงข้าม
แต่ไม่เห็นว่ามีรถไฟฟ้ามารับค่ะ เลยเดินไปจุดจอดอีกจุดนึง ซึ่งเป็นจุดให้ขึ้นรถเข้าไปที่ป่าหินได้
เรายังขึ้นรถรางไม่ได้นะคะ เพราะยังไม่มีตั๋ว ต้องเข้าไปซื้อที่จุดขายตั๋วก่อนค่ะ
ค่าตั๋ว 175 หยวน ค่ารถไฟฟ้าอีก 25 หยวนค่ะ (ขนหน้าแข้งร่วงเลย)
เดินมาขึ้นรถไฟฟ้า บนรถจะมาไกด์สาว มาพาเข้าค่ะ ตามไกด์ไปได้เลยค่ะ
คือเข้าไปแล้ว ถ้าไปตามไกด์ได้จะดีมาก เพราะสถานที่กว้างมากๆ แต่จะไปเองก็ได้ค่ะ
เพราะคุณไกด์เธอก็ค่อนข้างช้าค่ะ รอคนนั้นคนนี้ถ่ายภาพ
อีกอย่างนึงคือ เธอพูดแต่ภาษาจีนซึ่งเราไม่เข้าใจค่ะ
เรามั่วๆเดินเอง ก็เห็นครบตามที่เขาดูๆกันนะคะ ไต่ขึ้นไต่ลง อย่างเหนื่อยเลยค่ะ
พื้นที่ค่อนข้างกว้างค่ะ ต้องมีเวลาเดินค่ะ จะลงไปแป็บๆนี่ ไม่ได้ค่ะ
เราใช้เวลาที่ ป่าหินประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ ก็เดินไปนั่งรถไฟฟ้า
กลับมาที่จุดจอดแรกที่เราเห็นตั้งแต่ออกมาครั้งแรกค่ะ ซื้อตั๋วกลับเข้าสถานีรถบัสสายตะวันออกค่ะ
[CR] รีวิว คุนหมิง ฉบับ... ไปเอง... หลงเอง....
วันนี้ฤกษ์งามยามดี เราจะมารีวิว การท่องเที่ยวคุนหมิง
ในแบบฉบับสองสาวตัวเล็กๆ ที่ไปกันเอง ข้อมูลเตรียมไปแบบขาดๆเกินๆกันค่ะ
หมายเหตุ : รีวิวนี้ ขอไม่เอ่ยเรื่องประวัติความเป็นมานะคะ ขอรีวิวแค่วิธีการเท่านั้นค่ะ
ด้วยโปร 0 ของแอร์เอเชีย ทำให้เรามีโอกาสได้ไปคุนหมิง ในราคาไปกลับ รวมค่าตัดบัตร 1,240 บาท
ที่พักครั้งนี้ พยายามเลือกที่ใกล้ๆโรงแรมจินเจียง และไม่แพง (พยายามดูแผนที่ใน googlemap ไปก่อน)
ได้โรงแรม hanting express คืนละ 149 หยวน เราพัก 3 คืน เป็น 447 หยวน จ่ายที่โรงแรมในวันเข้าพักค่ะ
ลงรถเสร็จ ก็ได้เรื่องเลย คือ ตอนนั้น มึนๆ งงๆ อึนๆ หลงทิศ
มองอะไรก็เจอแต่ภาษาจีน ป้ายถนน จีนทั้งสิ้น ก็พยายามเดินไปตามที่เข้าใจ
วนไป วนมา คือ เดินผ่านโรงแรมไปหลายรอบมากๆ จากที่จองใน booking มันไม่มีรูปภายนอกโรงแรมไง
แล้วโรงแรมนี้ ดันมีแต่ป้ายภาษาจีน นอกนั้นไม่พอ วันนั้น หน้าโรงแรมเป็นแบบ....(นึกว่าจัดงานแต่งกันน่ะสิ)
เลยทำให้ กว่าจะเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมได้ ก็เดินอ้อมไปหลายรอบ (ใช้วิธีเทียบตัวภาษาจีนเอา T_T)
เนื่องด้วย เสียเวลาในการหาโรงแรมนานมาก กว่าจะได้เช็คอิน
กว่าจะเล่นเนตรายงานตัวกับที่บ้านว่าถึงแล้วนะ ก็เสียเวลาไปมากโขอยู่
ดังนั้น การจะเดินทางต่อไป หากต้องนั่งรถเมล์คงต้องเสียเวลาอีกมากเป็นแน่
จึงเรียกแท็กซี่จากแถวหน้าโรงแรมไปตำหนักทอง วิธีคือ ปริ้นท์รูปและชื่อเป็นภาษาจีนไปด้วย
(หาชื่อภาษาจีนในเนตไปค่ะ ก๊อบและวาง ง่ายมากๆ)
เอาให้แท็กซี่ดู ถ้าเขาไป เขาจะพยักหน้าค่ะ...เข้านั่งประจำที่แล้ว พูดดังๆ มิเตอร์ๆๆ
ในที่สุดเราก็มาถึงตำหนักทองจนได้ค่ะ ค่าแท็กซี่ รวมทุกสิ่ง 28 หยวนค่ะ
(เพิ่มจากมิเตอร์มา 1 หยวน ค่าภาษีน้ำมัน อะไรซักอย่าง ตามที่อ่านในป้ายตรงเบาะหลังคนขับนะคะ)
ที่ตำหนักทอง ค่าเข้า 30 หยวนค่ะ ไม่เคยอ่านรีวิวเจอว่าต้องไต่ขึ้นที่สูงค่ะ
พอมาเจอของจริง เกือบตายค่ะ ขึ้นไปสูงมากๆ มันชันมากๆ
เพื่อนสาวเป็นคนจังหวัดเลย ช่ำชองการขึ้นที่สูง นางพูดหลังจากการเที่ยวเสร็จว่า
หลังจากผ่านจุดตรวจตั๋วเราควรจะเดินขึ้นทางซ้ายมือ
มิควรจะหลงกับความงามของป้ายตรงหน้าแล้วเดินไต่ขึ้นไปค่ะ
เนื่องจากทางซ้ายนั้น คุณเพื่อนบอกว่า “ชันน้อยกว่า” (แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ชันค่ะ)
ไต่ผ่านขึ้นไปเรื่อยๆ เจอรถหวาเชอด้วย แต่ไม่ได้ขึ้นเพราะเรางกค่ะ ไปกลับน่าจะ 30 หยวน (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ)
ที่ตำหนักทอง เราผ่านซุ้มประตูหลายซุ้มหน้าซุ้มประตูมีดอกไม้สวยๆจัดอยู่ค่ะ
ไต่ทะลุเข้าไปเรื่อยๆ เข้าดูไปตำหนักทองก่อนค่ะ
ทีนี้จะไปเที่ยวต่อ ถ้าเราหันหน้าเข้าตำหนักทอง แล้วเดินไปทางด้านขวา
จะเดินทะลุไต่ขึ้นไปหอระฆังขึ้นดูวิวได้ค่ะ
แต่ถ้าหันหน้าเข้าตำหนักทอง แล้วเดินไปทางซ้าย ก็จะเจอสถานที่แสดงความเป็นมาของอ่องอู่ซานกุ้ย
มีดาบวิเศษ กระบี่ยักษ์ ตั้งโชว์ไว้ค่ะ
เรากับเพื่อนใช้เวลาอยู่ที่ตำหนักทองพอสมควร พักบ้างอะไรบ้าง เพราะเหนื่อยไต่เขา
ได้เวลาก็จะกลับเข้าเมืองค่ะ พอดี เจอกลุ่มน้องๆคนไทย จึงถามวิธีเข้าเมือง
น้องๆให้คำตอบว่า ไต่ลงไปทางเดิมที่เรามา ออกไปจุดตรวจบัตรจุดเดิม แล้วเดินไปทางขวามือ
จะเจออู่รถเมล์ ให้ขึ้นรถสาย 10 ไปสุดสายที่แถวประตูม้า ประตูไก่ค่ะ
ขอบคุณน้องๆกลุ่มนั้น มา ณ ที่นี้ ค่ะ
ลงรถเมล์ปุ๊บ ให้เดินเลาะห้างไปทางขวามือค่ะ
น่าจะไม่เกิน 100 เมตร จะเจอ ประตูม้าทอง ประตูไก่มรกต ค่ะ
เราเดินเล่นละแวกนั้น แล้วก็หาข้าวทานแถวนั้นค่ะ อาหารราคาไม่แพง
มื้อนี้ประมาน 30 หยวนค่ะ
จากนั้นก็พากันเดิน จากถนน จินปี้ลู่ ไปทางทิศตะวันออก ราว 700 เมตร
เพื่อกลับโรงแรมโดยใช้ subway เพราะโรงแรมของเราใกล้ subway สถานี south ring road ค่ะ
วันต่อมา เราจะไปป่าหินคุนหมิงกันค่ะ
วิธีไปคือนั่งบัสจากสถานีบัสตะวันออก ซึ่ง... ไปยังไง ไปไม่เป็น....ฮ่าๆๆ
พึ่งแท็กซี่อีกแล้วค่ะ จากโรงแรมเรา ไปสถานีรถบัสคุนหมิง ค่าแท็กซี่รวมชาร์จแล้ว 28 เหรียญค่ะ
(วิธีเรียกแท็กซี่ ก็ใช้วิธีเดิมค่ะ เอารูปสถานีบัสตะวันออกให้เขาดูค่ะ ในรูปมีภาษาจีนอยู่แล้ว)
พอมาถึง ก็เดินเข้าประตูนี้ค่ะ
ซื้อตั๋วรถบัสที่เคาน์เตอร์ วิธีก็คือ เอารูปป่าหินที่มีภาษาจีนกำกับให้ดู
วันนี้ตั๋วรถบัสราคา 34 หยวนแล้วค่ะ
ซื้อเสร็จก็ผ่านเครื่องสแกนเข้าไปรอนั่งรถได้เลยค่ะ
ตัดภาพมาที่ป่าหิน เดินออกถนนมา แล้วเดินไปทางขวามือค่ะ จะเห็นจุดจอดรถไฟฟ้าอยู่ถนนฟากตรงข้าม
แต่ไม่เห็นว่ามีรถไฟฟ้ามารับค่ะ เลยเดินไปจุดจอดอีกจุดนึง ซึ่งเป็นจุดให้ขึ้นรถเข้าไปที่ป่าหินได้
เรายังขึ้นรถรางไม่ได้นะคะ เพราะยังไม่มีตั๋ว ต้องเข้าไปซื้อที่จุดขายตั๋วก่อนค่ะ
ค่าตั๋ว 175 หยวน ค่ารถไฟฟ้าอีก 25 หยวนค่ะ (ขนหน้าแข้งร่วงเลย)
เดินมาขึ้นรถไฟฟ้า บนรถจะมาไกด์สาว มาพาเข้าค่ะ ตามไกด์ไปได้เลยค่ะ
คือเข้าไปแล้ว ถ้าไปตามไกด์ได้จะดีมาก เพราะสถานที่กว้างมากๆ แต่จะไปเองก็ได้ค่ะ
เพราะคุณไกด์เธอก็ค่อนข้างช้าค่ะ รอคนนั้นคนนี้ถ่ายภาพ
อีกอย่างนึงคือ เธอพูดแต่ภาษาจีนซึ่งเราไม่เข้าใจค่ะ
เรามั่วๆเดินเอง ก็เห็นครบตามที่เขาดูๆกันนะคะ ไต่ขึ้นไต่ลง อย่างเหนื่อยเลยค่ะ
พื้นที่ค่อนข้างกว้างค่ะ ต้องมีเวลาเดินค่ะ จะลงไปแป็บๆนี่ ไม่ได้ค่ะ
เราใช้เวลาที่ ป่าหินประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ ก็เดินไปนั่งรถไฟฟ้า
กลับมาที่จุดจอดแรกที่เราเห็นตั้งแต่ออกมาครั้งแรกค่ะ ซื้อตั๋วกลับเข้าสถานีรถบัสสายตะวันออกค่ะ